การแทนที่สคริปต์ Google Tag Manager ในหน้าขอบคุณ

หากปัจจุบันคุณใช้สคริปต์ Google Tag Manager เพื่อติดตามข้อมูลพฤติกรรมในหน้าขอบคุณ คุณต้องแทนที่สคริปต์ดังกล่าวและอัปเกรดหน้าขอบคุณก่อนครบกำหนดเวลา มี 2 ตัวเลือกในการแทนที่สคริปต์ Google Tag Manager โดยคุณสามารถเลือกทำข้อใดก็ได้ที่เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจของคุณ

• แทนที่สคริปต์ Google Tag Manager ด้วยแอป Google และ YouTube ขอแนะนำตัวเลือกนี้เนื่องจากแอป Google และ YouTube มีการบำรุงรักษาโดย Google ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีการอัปเดตอยู่เสมอโดยที่คุณไม่ต้องบำรุงรักษาเพิ่มเติม
• อัปเดตพิกเซลแบบกำหนดเอง Google Tag Manager ที่มีอยู่ คุณควรใช้ตัวเลือกนี้ก็เมื่อคุณตั้งค่าพิกเซลแบบกำหนดเองสำหรับ Google Tag Manager แล้วเท่านั้น

แทนที่สคริปต์ Google Tag Manager ด้วยแอป Google และ YouTube (แนะนำ)

ขอแนะนำตัวเลือกนี้เนื่องจากแอป Google และ YouTube มีการบำรุงรักษาโดย Google ทำให้มั่นใจว่ามีการอัปเดตอยู่เสมอโดยที่คุณไม่ต้องบำรุงรักษาเพิ่มเติม หากคุณตั้งค่าพิกเซลแบบกำหนดเองสำหรับ Google Tag Manager ไว้แล้ว ให้อัปเดตพิกเซล Google Tag Manager ที่มีอยู่แทน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าด้วยแอป Google และ Youtube

เคล็ดลับ

หากคุณพบฟีเจอร์สำคัญทางธุรกิจแต่แอปไม่รองรับ โปรดติดต่อฝ่ายช่วยเหลือเกี่ยวกับแอปของ Google LLC ข้อมูลของคุณช่วยให้พวกเขาให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงฟังก์ชันการทำงานของแอป

ขั้นตอนมีดังนี้

1. ติดตั้งแอปพลิเคชัน Google และ YouTube
2. ตั้งค่าพิกเซลในแอปโดยใช้คำแนะนำจาก Google
3. หากคุณตั้งค่าแท็กที่ไม่ใช่ของ Google ไว้ใน Google Tag Manager ให้แทนที่แท็กเหล่านั้นด้วยการติดตั้งแอปอื่นๆ ด้วยพิกเซลแอป
4. ทดสอบพิกเซลแอปแต่ละรายการ เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับเหตุการณ์ต่างๆ โดยพิกเซล และแพลตฟอร์มจากภายนอกก็ได้รับแล้ว
5. หลังจากคุณยืนยันว่าพิกเซลของแอปพลิเคชันทำงานได้แล้ว ให้ปิดใช้งานสคริปต์เพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งเหตุการณ์ซ้ำจากทั้งสคริปต์ต้นฉบับและพิกเซลของแอปพลิเคชัน

อัปเดตพิกเซลแบบกำหนดเองใน Google Tag Manager ที่คุณมีอยู่

ข้อควรระวัง

Google ไม่แนะนำโซลูชันนี้ และ Google ไม่สามารถให้การสนับสนุนทางเทคนิคสำหรับพิกเซลแบบกำหนดเองใน Google Tag Manager นอกจากนี้ ยังไม่สามารถทดสอบพิกเซลแบบกำหนดเองใน Google Tag Manager โดยใช้ Google Tag Assistant

คุณควรใช้ตัวเลือกนี้ก็ต่อเมื่อคุณตั้งค่าพิกเซลแบบกำหนดเองสำหรับ Google Tag Manager ในร้านค้า Shopify ไว้แล้วเท่านั้น

ข้อควรระวัง

หลังจากคุณอัปเกรดเป็นหน้าขอบคุณแบบใหม่แล้ว แฮนเดิล URL หน้าขอบคุณจะเปลี่ยนจาก example.com/checkouts/<checkout-id>/thank_you เป็น example.com/checkouts/<checkout-id>/thank-you หากคุณใช้ URL แบบฮาร์ดโค้ดสำหรับการติดตามและวิเคราะห์ ให้อัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงัก

ขั้นตอนมีดังนี้

1. ยืนยันว่าคุณมีเหตุการณ์ checkout_completed ในโค้ดพิกเซลแบบกำหนดเองหรือไม่

   1. จาก Shopify admin ให้ไปที่การตั้งค่า > เหตุการณ์ของลูกค้า
   2. คลิกพิกเซลแบบกำหนดเองของ Google Tag Manager
   3. ในโค้ด ให้ค้นหาเหตุการณ์ checkout_completed
   4. ทำตามขั้นตอนอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ - หากคุณไม่มีเหตุการณ์ checkout_completed ในโค้ดพิกเซลแบบกำหนดเอง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนถัดไปเพื่อเพิ่มเหตุการณ์ลงในพิกเซลแบบกำหนดเองของลูกค้า - หากคุณมีเหตุการณ์ในโค้ดของคุณ ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ และพิกเซลแบบกำหนดเองใน Google Tag Manager จะยังคงทำงานได้ในหน้าขอบคุณและหน้าสถานะคำสั่งซื้อแบบใหม่ต่อไป

2. เพิ่มเหตุการณ์ checkout_completed ไปยังพิกเซลแบบกำหนดเองของคุณ

   1. ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อติดตามเหตุการณ์ลูกค้าในโค้ดพิกเซลแบบกำหนดเองของคุณ เหตุการณ์ checkout_completed เป็นหนึ่งในเหตุการณ์มาตรฐานของ Shopify ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ checkout_completed

3. ทดสอบพิกเซลแบบกำหนดเอง เพื่อให้แน่ใจว่าโหลดพิกเซลในร้านค้าของคุณและรับเหตุการณ์ได้โดยใช้Shopify Pixel Helper

4. เพื่อให้แน่ใจว่า Google ได้รับเหตุการณ์ โปรดตรวจสอบแพลตฟอร์มสินค้าของ Google Google Tag Assistant ไม่สามารถทำงานร่วมกับพิกเซลแบบกำหนดเอง

5. หลังจากยืนยันว่าพิกเซลแบบกำหนดเองทำงานได้ ให้ปิดใช้งานสคริปต์เพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งเหตุการณ์ซ้ำจากทั้งสคริปต์ต้นฉบับและพิกเซลแบบกำหนดเอง

6. หลังจากอัปเกรดแล้ว ให้ไปที่การตั้งค่า > เหตุการณ์ลูกค้า เพื่อทดสอบพิกเซลแบบกำหนดเองที่อัปเดตแล้ว และตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้งานเหตุการณ์ได้ในหน้าขอบคุณแบบใหม่