ห่วงโซ่อุปทานและการจัดการคำสั่งซื้อ

เส้นทางของสินค้าตั้งแต่การผลิตไปจนถึงมือของลูกค้าเรียกว่าห่วงโซ่อุปทาน ธุรกิจหรือบุคคลแต่ละรายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับสินค้าในเส้นทางนี้ต่างถือเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทาน

ห่วงโซ่อุปทานของคุณถือเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อสำหรับคำสั่งซื้อ คุณควรทำความเข้าใจส่วนหลักของห่วงโซ่อุปทานสำหรับสินค้าของคุณเพื่อให้รู้ว่าเมื่อใดที่คุณควรปรับปรุง เช่น รู้ว่าเมื่อใดที่ควรเปลี่ยนซัพพลายเออร์ เสนอตัวเลือกการจัดส่งอื่นๆ หรือลบสินค้าออกจากตัวเลือกสินค้าของคุณ

บทบาทภายในห่วงโซ่อุปทาน

บทบาทหลักภายในห่วงโซ่อุปทานที่คุณควรทราบคือ ผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก และผู้ให้บริการขนส่ง

ผู้ผลิต

ผู้ผลิตทำหน้าที่ผลิตและสร้างสินค้า แต่โดยทั่วไปจะไม่ขายสินค้าให้ผู้คนโดยตรง แต่พวกเขาจะขายสินค้าจำนวนมากให้ผู้ค้าส่ง

โดยทั่วไปแล้วผู้ผลิตจะมีต้นทุนต่อรายการที่ถูกที่สุด แต่คุณมักจะต้องสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากซึ่งธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่ไม่สามารถจ่ายค่าสินค้าได้ ผู้ผลิตเองก็มักจะไม่จัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าของคุณ ธุรกิจที่ซื้อสินค้าจากผู้ผลิตจำเป็นต้องสต็อกและจัดส่งสินค้าที่พวกเขาซื้อ

การซื้อสินค้าโดยตรงจากผู้ผลิตมักเป็นสิ่งที่ธุรกิจขนาดเล็กทำหลังจากที่พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างมาก หลังจากที่ธุรกิจมีขนาดใหญ่พอ พวกเขาจะสามารถสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากและมีคลังสินค้าไว้จัดเก็บ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่มักจะซื้อสินค้าจากผู้ค้าส่ง

ผู้ค้าส่ง

ผู้ค้าส่งโดยทั่วไปจะซื้อสินค้าจากผู้ผลิตหลายรายและขายสินค้าไปยังร้านค้าปลีกในราคาที่สูงขึ้นเล็กน้อย พวกเขาพยายามที่จะสต็อกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหนึ่งและมักจะขายให้แก่ผู้ขายปลีกเท่านั้น ไม่ได้ขายให้ประชาชนทั่วไป

ผู้ค้าส่งสามารถกำหนดคำสั่งซื้อขั้นต่ำได้ แต่โดยทั่วไปแล้วพวกเขามักจะกำหนดไว้น้อยกว่าจำนวนขั้นต่ำของผู้ผลิต ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตอาจกำหนดให้คุณสั่งซื้อแก้วกาแฟ 500 หรือ 1000 แก้ว ขณะที่ผู้ค้าส่งอาจอนุญาตให้ซื้อแก้วเดียวหรือกำหนดคำสั่งซื้อขั้นต่ำเพียง 10ต่ แก้วเท่านั้น ธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าจากผู้ค้าส่งเนื่องจากมักไม่มีการกำหนดคำสั่งซื้อขั้นต่ำหรือกำหนดจำนวนไว้น้อย และผู้ค้าส่งยังสามารถจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้

ผู้ค้าปลีก

หากคุณขายสินค้าให้แก่ประชาชนทั่วไป คุณก็ถือเป็นผู้ค้าปลีก ธุรกิจการดรอปชิปด่วนใหญ่เป็นผู้ค้าปลีกที่ซื้อสินค้าจากผู้ค้าส่งหรือผู้ผลิต

เมื่อคุณซื้อสินค้า โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ซื้อสินค้าจากผู้ค้าปลีกรายอื่นเนื่องจากคุณจะต้องจ่ายราคาสูงกว่าการซื้อสินค้าโดยตรงจากผู้ค้าส่งหรือผู้ผลิต

ผู้ให้บริการขนส่ง

ส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานคือวิธีการขนย้ายสินค้าระหว่างผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีก เนื่องจากผู้ผลิตกำหนดจำนวนคำสั่งซื้อขั้นต่ำสูง ผู้ให้บริการขนส่งส่วนใหญ่ที่พวกเขาใช้จึงเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าแบบคาร์โก้ เช่น เรือบรรทุกคาร์โก้ ส่วนผู้ค้าส่งมักจะใช้บริการจัดส่งสินค้า เช่น รถบรรทุกจัดส่งสินค้า

การรู้ว่าสินค้าของคุณได้รับการขนย้ายอย่างไรจะช่วยให้คุณสามารถกำหนดวันที่จัดส่งที่ตรงกับความเป็นจริงให้ลูกค้าได้ ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าส่งของคุณอาจประมวลผลคำสั่งซื้ออย่างรวดเร็ว แต่เลือกวิธีการจัดส่งที่ราคาถูกและช้าที่สุดที่มีให้บริการเพื่อจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าของคุณ

ตัวอย่างห่วงโซ่อุปทานและกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อ

หากคุณทราบกระบวนการทั้งหมดของวิธีการที่สินค้าของคุณส่งไปยังลูกค้า คุณก็จะสามารถทำให้ธุรกิจของคุณดียิ่งขึ้นได้เมื่อเติบโต

ตัวอย่างต่อไปนี้จะแสดงขั้นตอนทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นกับสินค้าเมื่อส่งจากผู้ผลิตไปยังลูกค้า

ห่วงโซ่อุปทานและกระบวนการจัดการคำสั่งซื้อ
ขั้นตอน รายละเอียด
1. ผู้ผลิตทำการผลิตสินค้า
  • ผู้ผลิตจะพยายามผลิตจำนวนสินค้าให้พอดีกับความต้องการของผู้ค้าส่ง
2. ผู้ค้าส่งสั่งซื้อสินค้า
  • ผู้ค้าส่งจะพยายามสต็อกสินค้าจำนวนที่พอดีกับคำสั่งซื้อที่ต้องจัดการซึ่งมาจากผู้ค้าปลีก เช่น ร้านค้าของคุณ
  • ผู้ค้าส่งจะชำระเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ผลิต
3. ผู้ผลิตจัดส่งสินค้าไปยังผู้ค้าส่ง
  • ผู้ผลิตจะมอบสินค้าให้แก่ผู้ให้บริการขนส่งคาร์โก้เพื่อนำไปส่งให้แก่ผู้ค้าส่ง
  • ผู้ผลิตจะชำระเงินให้แก่ผู้ให้บริการขนส่งคาร์โก้
4. ผู้ให้บริการขนส่งคาร์โก้จะนำสินค้าไปส่งให้ผู้ค้าส่ง
  • สินค้าอาจจัดส่งผ่านทางเรือ เครื่องบิน หรือรถบรรทุก ขึ้นอยู่กับวิธีจัดส่งที่เลือกและตำแหน่งที่ตั้งของธุรกิจ
  • สินค้าอาจใช้เวลาจัดส่งตั้งแต่สองสามวันไปจนถึงหลายสัปดาห์
5. ผู้ค้าส่งจะจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้า
  • ผู้ค้าส่งจะอัปเดตจำนวนสินค้าคงคลังของตนเพื่อให้ผู้ค้าปลีกทราบว่ามีสินค้าใดพร้อมจำหน่ายบ้าง
6. ลูกค้าทำการสั่งซื้อบนร้านค้าของคุณ
  • คุณได้รับอีเมลจาก Shopify ที่มีรายละเอียดคำสั่งซื้อ
  • ยอดเงินจากคำสั่งซื้อจะถูกเพิ่มไปยังการรับชำระเงินครั้งถัดไปของคุณ
  • ลูกค้าจะได้รับอีเมลยืนยันคำสั่งซื้อ
7. คุณทำการสั่งซื้อกับผู้ค้าส่งของคุณ
  • หากผู้ค้าส่งของคุณได้รับการแจ้งเตือนคำสั่งซื้อโดยอัตโนมัติจากร้านค้าของคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อมูลคำสั่งซื้อให้ผู้ค้าส่งทราบด้วยตนเอง
  • หากคุณกำหนดผู้ค้าส่งของคุณเป็นบริการจัดการคำสั่งซื้อที่กำหนดเอง คุณจะต้องทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อเป็น “จัดการแล้ว” ด้วยตนเองเพื่อส่งอีเมลให้ผู้ค้าส่ง การทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อเป็น “จัดการแล้ว” จะทำให้ระบบส่งอีเมลยืนยันการจัดส่งให้ลูกค้าของคุณด้วย
  • หากผู้ค้าส่งของคุณต้องการรับคำสั่งซื้อด้วยวิธีอื่น โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ทำความเข้าใจวิธีการส่งคำสั่งซื้อของคุณให้ผู้ค้าส่ง
  • คุณชำระค่าสินค้าให้ผู้ค้าส่ง
8. ผู้ค้าส่งจัดการคำสั่งซื้อ
  • ผู้ค้าส่งจะจัดส่งคำสั่งซื้อให้แก่ลูกค้าของคุณโดยใช้บริการจัดส่ง
  • ผู้ค้าส่งชำระเงินให้บริการจัดส่ง
  • ลูกค้าของคุณได้รับอีเมลยืนยันการจัดส่ง
  • หากผู้ให้บริการขนส่งมีหมายเลขการขนส่งให้ คุณก็สามารถส่งหมายเลขให้ลูกค้าของคุณได้ในอีเมลการอัปเดตการขนส่ง
9. บริการจัดส่งพัสดุนำสินค้าไปให้ลูกค้าของคุณ
  • การจัดส่งอาจใช้เวลาสองสามวันหรือสองสามสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดส่งที่เลือก
10. ลูกค้าของคุณได้รับสินค้าที่สั่งซื้อ
  • สินค้าขนย้ายจากผู้ผลิตมาจนถึงมือลูกค้า

พร้อมเริ่มต้นการขายด้วย Shopify แล้วหรือยัง

ทดลองใช้งานฟรี