การตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่สำหรับคำสั่งซื้อออนไลน์

คุณสามารถตั้งค่าตัวเลือกสำหรับลูกค้าในพื้นที่เพื่อจัดส่งสินค้าที่สั่งซื้อได้ หากที่อยู่ของลูกค้าอยู่ในพื้นที่การจัดส่งของคุณ ลูกค้าจะเห็นตัวเลือกการจัดส่งในพื้นที่ในขั้นตอนการชำระเงิน

หากต้องการตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่ คุณจำเป็นต้องเปิดใช้งานตัวเลือกการจัดส่งในพื้นที่สำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้งที่คุณเสนอบริการจัดส่ง คุณสามารถเสนอบริการจัดส่งภายในรัศมีที่กำหนดจากตำแหน่งที่ตั้งของคุณ หรือสำหรับรหัสไปรษณีย์ที่ต้องการก็ได้

หลังจากตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่ในการตั้งค่าการจัดส่งแล้ว ให้ดูวิธีจัดการคำสั่งซื้อที่ต้องจัดส่งในพื้นที่ คุณสามารถเลือกให้คุณหรือพนักงานจัดส่งคำสั่งซื้อหรือใช้บริการจัดส่งภายนอกได้

สิทธิ์การใช้งาน

หากคุณใช้งานแผน Shopify Plus และต้องการใช้ตัวเลือกการจัดส่งในพื้นที่ ร้านค้าของคุณต้องเป็นไปตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้:

  • จะต้องมีตำแหน่งที่ตั้ง 20 แห่งหรือน้อยกว่า
  • ปิดใช้งานการชำระเงินแบบปรับแต่งเองแล้ว

หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านสิทธิ์การใช้งาน โปรดติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify

ประสบการณ์การชำระเงิน

หลังจากเปิดใช้งานตัวเลือกการจัดส่งในพื้นที่แล้ว ลูกค้าที่มีสิทธิ์สามารถใช้การจัดส่งในพื้นที่เป็นตัวเลือกการจัดส่งในขั้นตอนการชำระเงิน

ลูกค้าเห็นตัวเลือกการจัดส่งในพื้นที่เฉพาะในกรณีที่พวกเขาปฏิบัติตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้:

  • สินค้าที่จับต้องได้ทั้งหมดในตะกร้าสินค้ามีสิทธิ์สำหรับการจัดส่งจากตำแหน่งที่ตั้งหนึ่ง
  • ตำแหน่งที่ตั้งในการจัดส่งมีคลังสินค้าสำหรับจัดการคำสั่งซื้อทั้งหมด
  • ลูกค้ารายนี้ไม่ใช่ลูกค้า B2B เนื่องจากขั้นตอนการชำระเงินแบบ B2B ไม่รองรับการจัดส่งในพื้นที่ อย่างไรก็ตามคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินแบบ B2B จะรองรับการจัดส่งในพื้นที่หากคุณเลือกวิธีจัดส่งไว้ล่วงหน้าให้เป็นการจัดส่งในพื้นที่ในขณะที่สร้างคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
  • Google สามารถตรวจสอบยืนยันที่อยู่สำหรับการจัดส่งของลูกค้าได้ ในขั้นตอนการชำระเงิน ลูกค้าสามารถใช้เมนูดรอปดาวน์ของที่อยู่ที่แนะนำเพื่อเลือกที่อยู่ที่ตรวจสอบยืนยันแล้วได้
  • ที่อยู่ของลูกค้าจะต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

    • ภายในรัศมีการจัดส่งที่กำหนดไว้และจังหวัดหรือรัฐเดียวกันหรือ
    • ภายในรหัสไปรษณีย์ที่กำหนดไว้และในประเทศเดียวกัน
  • ลูกค้าไม่ได้เลือกวิธีการชำระเงินแบบเร่งด่วนที่ไม่ใช่ Shop Pay ในขั้นตอนแรกของการชำระเงิน หากลูกค้าชำระเงินด้วย Apple Pay, Google Pay, Amazon Pay หรือ PayPal ตัวเลือกการจัดส่งในพื้นที่จะไม่มีให้ใช้งาน

หากสินค้าอยู่ในคำสั่งซื้อเดียวกัน ลูกค้าจะไม่สามารถเลือกให้จัดส่งสินค้าบางรายการและรับสินค้าบางรายการที่ร้านได้ ดังนั้นลูกค้าควรจะสั่งซื้อแยกต่างหากสองรายการ

ลูกค้าสามารถเพิ่มคำแนะนำในการจัดส่งได้ที่ขั้นตอนการชำระเงินและต้องระบุหมายเลขโทรศัพท์ไว้เพื่อให้คุณติดต่อพวกเขาได้

ก่อนตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่

คุณต้องดำเนินการต่อไปนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนจึงจะสามารถให้บริการจัดส่งในพื้นที่ได้:

ตั้งค่าตัวเลือกการจัดส่งในพื้นที่

คุณได้ตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่สำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้งที่ต้องการให้บริการจัดส่ง แล้วจะสามารถเสนอบริการจัดส่งภายในรัศมีหรือสำหรับบรหัสไปรษณีย์ที่เลือกไว้ได้

หากต้องการใช้รัศมีการจัดส่ง ตำแหน่งที่ตั้งของธุรกิจคุณต้องได้รับการตรวจสอบยืนยัน ตรวจสอบและแก้ไขที่อยู่ของตำแหน่งที่ตั้งเพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้องแม่นยำแล้ว

หากคุณเลือกรัศมีการจัดส่ง คุณสามารถเลือกที่จะรวมรัฐ จังหวัด หรือภูมิภาคใกล้เคียงได้ โดยเปิดใช้งาน “รวมรัฐหรือภูมิภาคใกล้เคียง” ตัวอย่างเช่น สมมติว่าธุรกิจของคุณอยู่ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นระยะ 10 ไมล์ไปทางทิศตะวันตกจากแอริโซนา หากคุณตั้งค่ารัศมีการจัดส่งของคุณเป็น 20 ไมล์และเปิดใช้งาน “รวมรัฐหรือภูมิภาคใกล้เคียง” รัศมีการจัดส่งของคุณจะขยาย 10 ไมล์จนถึงแอริโซนา หากการตั้งค่านี้ไม่ได้เปิดใช้งาน การจัดส่งในพื้นที่จะไม่พร้อมใช้งานสำหรับลูกค้าในรัฐแอริโซนา

รัศมีการจัดส่งจะไม่ขยายไปยังประเทศอื่นๆ แม้ว่าจะเปิดใช้งาน “รวมรัฐหรือภูมิภาคใกล้เคียง” อยู่ก็ตาม

หลังจากที่ตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่แล้ว คุณจะเริ่มจัดการใบสั่งปล่อยสินค้าในพื้นที่ได้

ขั้นตอน

เดสก์ท็อป
  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การจัดส่งและส่งมอบ

  2. ในส่วน การจัดส่งในพื้นที่ ให้คลิกที่ตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการเปิดใช้งานการจัดส่งในพื้นที่

  3. เลือกตำแหน่งที่ตั้งนี้ให้บริการการจัดส่งในพื้นที่

  4. ในส่วนพื้นที่การจัดส่ง ให้ใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้เพื่อกำหนดพื้นที่การจัดส่ง:

    • กำหนดรัศมีการจัดส่ง:
      1. เลือกหน่วยวัดและป้อนระยะทางสูงสุดระหว่างตำแหน่งที่ตั้งการจัดส่งของคุณกับที่ที่คุณต้องการจัดส่งถึง โดยระยะทางต้องไม่เกิน 160 กิโลเมตรหรือ 100 ไมล์
      2. เลือกว่าจะเปิดใช้งาน “รวมรัฐหรือภูมิภาคใกล้เคียง” หรือไม่

- ใช้รหัสไปรษณีย์: ป้อนรายการรหัสไปรษณีย์ (สูงสุด 3,000 อักขระ) ที่คุณต้องการจัดส่งไป โดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคและเว้นวรรคหนึ่งครั้ง หากต้องการรวมกลุ่มรหัสไปรษณีย์ ให้เพิ่มเครื่องหมายดอกจันหรือเว้นวรรคหนึ่งครั้งหลังอักขระแรกเริ่มเพื่อระบุช่วงของรหัสไปรษณีย์

  1. ตัวอย่าง

    • M5V1E3, M5V1K4, M5V3N5, M5V2N3
    • 97392, 97306, 97325, 97352
    • M5V* และ M5V (ระบุอักขระในการวรรค) จะรวมรหัสไปรษณีย์ทั้งหมดตั้งแต่ M5V1A1 จนถึง M5V9Z9
    • 9732* และ 9732 (โปรดสังเกตตัวอักษรเว้นวรรค) จะมีรหัสไปรษณีย์ทั้งหมดตั้งแต่ 97320จนถึง97329
    • ในสหราชอาณาจักร เกิร์นซีย์ ไอล์ออฟแมน และเจอร์ซีย์ เนื่องจากรหัสไปรษณีย์มีความยาวแตกต่างกัน การจับคู่อักษรนําหน้ารหัสไปรษณีย์จะเป็นการจับคู่ตามพื้นที่รหัสไปรษณีย์แบบเต็มหรือตามรหัส Outward Code แบบเต็ม (พื้นที่รหัสไปรษณีย์และเขตรหัสไปรษณีย์):
      • E จะจับคู่กับ E1 1AA และ E2 0AG แต่จะไม่จับคู่กับ EH1 1TA
      • EH จะจับคู่กับ EH1 1TA และ EH44 6HA
      • EH1 จะจับคู่กับ EH1 1TA แต่จะไม่จับคู่กับ EH11 1AA
      • EH11 จะจับคู่กับ EH11 1AA แต่จะไม่จับคู่กับ EH1 1TA
  2. ตัวเลือกเสริม: หากคุณต้องการให้บริการจัดส่งสำหรับคำสั่งซื้อที่เกินราคาที่กำหนด ให้ป้อนจำนวนเงินในส่วนราคาคำสั่งซื้อขั้นต่ำ

  3. ป้อนราคาจัดส่ง หากต้องการให้บริการจัดส่งฟรีให้ป้อน 0

  4. ตัวเลือกเสริม: ในส่วนข้อมูลการจัดส่ง ให้ป้อนข้อความรายละเอียดเกี่ยวกับบริการจัดส่งในพื้นที่ของคุณให้กับลูกค้า

  5. คลิกบันทึก

หลังจากที่ตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่แล้ว ให้ดูวิธีจัดการใบสั่งปล่อยสินค้าในพื้นที่

iPhone
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “การจัดส่งและส่งมอบ
  3. เลื่อนไปที่การจัดส่งในพื้นที่ แล้วแตะที่ “จัดการ” ตรงด้านข้างตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการจะให้บริการจัดส่งในพื้นที่ หากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งหลายแห่ง ให้แตะที่ “แสดงเพิ่มเติม” เพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดของคุณ

  4. เลือกตำแหน่งที่ตั้งนี้ให้บริการการจัดส่งในพื้นที่

  5. ในส่วนพื้นที่การจัดส่ง ให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้เพื่อกำหนดพื้นที่การจัดส่ง:

    • กำหนดรัศมีการจัดส่ง: เลือกหน่วยวัด (กม.,ไมล์) และป้อนระยะทางสูงสุดระหว่างตำแหน่งที่ตั้งการจัดส่งของคุณกับที่ที่คุณต้องการจัดส่งถึง โดยระยะทางจะต้องไม่เกิน 160 กิโลเมตรหรือ 100 ไมล์
    • ใช้รหัสไปรษณีย์: ป้อนรายการของรหัสไปรษณีย์ (สูงสุด 3,000 ตัวอักษร) ที่คุณจะจัดส่ง โดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคและเว้นวรรคหนึ่งครั้ง หากต้องการรวมกลุ่มรหัสไปรษณีย์ให้เพิ่มเครื่องหมายดอกจันหรือเว้นวรรคหนึ่งครั้งหลังชุดตัวอักษรแรกเริ่มเพื่อระบุช่วงของรหัสไปรษณีย์
  6. ตัวอย่าง

    • M5V1E3, M5V1K4, M5V3N5, M5V2N3
    • 97392, 97306, 97325, 97352
    • M5V* และ M5V   (ระบุอักขระในการวรรค) จะรวมรหัสไปรษณีย์ทั้งหมดตั้งแต่ M5V1A1 จนถึง M5V9Z9
    • 9732* และ 9732  (โปรดสังเกตตัวอักษรเว้นวรรค) จะมีรหัสไปรษณีย์ทั้งหมดตั้งแต่ 97320จนถึง97329
    • ในสหราชอาณาจักร เกิร์นซีย์ ไอล์ออฟแมน และเจอร์ซีย์ เนื่องจากรหัสไปรษณีย์มีความยาวแตกต่างกัน การจับคู่อักษรนําหน้ารหัสไปรษณีย์จะเป็นการจับคู่ตามพื้นที่รหัสไปรษณีย์แบบเต็มหรือตามรหัส Outward Code แบบเต็ม (พื้นที่รหัสไปรษณีย์และเขตรหัสไปรษณีย์):
      • E จะจับคู่กับ E1 1AA และ E2 0AG แต่จะไม่จับคู่กับ EH1 1TA
      • EH จะจับคู่กับ EH1 1TA และ EH44 6HA
      • EH1 จะจับคู่กับ EH1 1TA แต่จะไม่จับคู่กับ EH11 1AA
      • EH11 จะจับคู่กับ EH11 1AA แต่จะไม่จับคู่กับ EH1 1TA
  7. ไม่บังคับ: หากคุณต้องการให้บริการจัดส่งสำหรับคำสั่งซื้อที่เกินราคาที่กำหนดไว้ ให้ป้อนจำนวนเงินในช่องราคาคำสั่งซื้อขั้นต่ำ

  8. ป้อนราคาจัดส่ง หากต้องการให้บริการจัดส่งฟรีให้ป้อน 0

  9. ตัวเลือกเสริม: ในส่วนข้อมูลการจัดส่ง ให้ป้อนข้อความรายละเอียดเกี่ยวกับบริการจัดส่งในพื้นที่ของคุณให้กับลูกค้า

  10. แตะที่บันทึก

หลังจากที่ตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่แล้ว ให้ดูวิธีจัดการใบสั่งปล่อยสินค้าในพื้นที่

Android
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “การจัดส่งและส่งมอบ
  3. เลื่อนไปที่การจัดส่งในพื้นที่ แล้วแตะที่ “จัดการ” ตรงด้านข้างตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการจะให้บริการจัดส่งในพื้นที่ หากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งหลายแห่ง ให้แตะที่ “แสดงเพิ่มเติม” เพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดของคุณ
  4. เลือกตำแหน่งที่ตั้งนี้ให้บริการการจัดส่งในพื้นที่
  5. ในส่วนพื้นที่การจัดส่ง ให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้เพื่อกำหนดพื้นที่การจัดส่ง:

    • กำหนดรัศมีการจัดส่ง: เลือกหน่วยวัด (กม.,ไมล์) และป้อนระยะทางสูงสุดระหว่างตำแหน่งที่ตั้งการจัดส่งของคุณกับที่ที่คุณต้องการจัดส่งถึง โดยระยะทางจะต้องไม่เกิน 160 กิโลเมตรหรือ 100 ไมล์
    • ใช้รหัสไปรษณีย์: ป้อนรายการของรหัสไปรษณีย์ (สูงสุด 3,000 ตัวอักษร) ที่คุณจะจัดส่ง โดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคและเว้นวรรคหนึ่งครั้ง หากต้องการรวมกลุ่มรหัสไปรษณีย์ให้เพิ่มเครื่องหมายดอกจันหรือเว้นวรรคหนึ่งครั้งหลังชุดตัวอักษรแรกเริ่มเพื่อระบุช่วงของรหัสไปรษณีย์
  6. ตัวอย่าง

    • M5V1E3, M5V1K4, M5V3N5, M5V2N3
    • 97392, 97306, 97325, 97352
    • M5V* และ M5V (ระบุอักขระในการวรรค) จะรวมรหัสไปรษณีย์ทั้งหมดตั้งแต่ M5V1A1 จนถึง M5V9Z9
    • 9732* และ 9732(โปรดสังเกตตัวอักษรเว้นวรรค) จะมีรหัสไปรษณีย์ทั้งหมดตั้งแต่ 97320จนถึง97329
    • ในสหราชอาณาจักร เกิร์นซีย์ ไอล์ออฟแมน และเจอร์ซีย์ เนื่องจากรหัสไปรษณีย์มีความยาวแตกต่างกัน การจับคู่อักษรนําหน้ารหัสไปรษณีย์จะเป็นการจับคู่ตามพื้นที่รหัสไปรษณีย์แบบเต็มหรือตามรหัส Outward Code แบบเต็ม (พื้นที่รหัสไปรษณีย์และเขตรหัสไปรษณีย์):
      • E จะจับคู่กับ E1 1AA และ E2 0AG แต่จะไม่จับคู่กับ EH1 1TA
      • EH จะจับคู่กับ EH1 1TA และ EH44 6HA
      • EH1 จะจับคู่กับ EH1 1TA แต่จะไม่จับคู่กับ EH11 1AA
      • EH11 จะจับคู่กับ EH11 1AA แต่จะไม่จับคู่กับ EH1 1TA
  7. ไม่บังคับ: หากคุณต้องการให้บริการจัดส่งสำหรับคำสั่งซื้อที่เกินราคาที่กำหนดไว้ ให้ป้อนจำนวนเงินในช่องราคาคำสั่งซื้อขั้นต่ำ

  8. ป้อนราคาจัดส่ง หากต้องการให้บริการจัดส่งฟรีให้ป้อน 0

  9. ตัวเลือกเสริม: ในส่วนข้อมูลการจัดส่ง ให้ป้อนข้อความรายละเอียดเกี่ยวกับบริการจัดส่งในพื้นที่ของคุณให้กับลูกค้า

  10. แตะที่บันทึก

หลังจากที่ตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่แล้ว ให้ดูวิธีจัดการใบสั่งปล่อยสินค้าในพื้นที่

เพิ่มการกำหนดราคาแบบมีเงื่อนไข

คุณสามารถเพิ่มกฎตามราคาเพื่อกำหนดว่าจะเรียกเก็บเงินสำหรับการจัดส่งในพื้นที่เท่าใด โดยคุณสามารถตั้งกฎเพิ่มเติมเพื่อให้ตัวเลือกการจัดส่งในพื้นที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นได้สูงสุด 3 ข้อ

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณมีมูลค่าคำสั่งซื้อขั้นต่ำ $5 ดอลลาร์สหรัฐ คุณจะสามารถกำหนดกฎดังต่อไปนี้ได้

  • คำสั่งซื้อเริ่มต้นที่ $5 ดอลลาร์สหรัฐ = อัตราค่าจัดส่ง $5 ดอลลาร์สหรัฐ
  • คำสั่งซื้อที่มีราคาตั้งแต่ $10 ดอลลาร์สหรัฐ = ค่าจัดส่ง $3 ดอลลาร์สหรัฐ
  • คำสั่งซื้อเริ่มต้นที่ $20 ดอลลาร์สหรัฐ = จัดส่งฟรี

กฎข้อสุดท้ายในชุดเงื่อนไขของคุณไม่มีขีดจำกัดสูงสุดของมูลค่าคำสั่งซื้อ

ขั้นตอนมีดังนี้

เดสก์ท็อป
  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การจัดส่งและส่งมอบ

  2. ในส่วนการจัดส่งในพื้นที่ ให้คลิกที่ “จัดการ” ข้างตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการเพิ่มอัตราการจัดส่งแบบมีเงื่อนไข หากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งหลายแห่ง ให้คลิกที่แสดงเพิ่มเติมเพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดของคุณ

  3. ในส่วนพื้นที่จัดส่ง ให้คลิกที่ “เพิ่มการกําหนดราคาแบบมีเงื่อนไข

  4. สำหรับแต่ละกฎที่คุณต้องการสร้าง ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

    1. ป้อนขีดจำกัดมูลค่าคำสั่งซื้อ
    2. ป้อนราคาจัดส่ง
  5. คลิกบันทึก

iPhone
  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การจัดส่งและส่งมอบ

  2. ในส่วนการจัดส่งในพื้นที่ ให้แตะที่ “จัดการ” ข้างตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการเพิ่มอัตราการจัดส่งแบบมีเงื่อนไข หากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งหลายแห่ง ให้แตะที่แสดงเพิ่มเติมเพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดของคุณ

  3. ในส่วนพื้นที่จัดส่ง ให้แตะที่ “เพิ่มการกําหนดราคาแบบมีเงื่อนไข

  4. สำหรับแต่ละกฎที่คุณต้องการสร้าง ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

    1. ป้อนขีดจำกัดมูลค่าคำสั่งซื้อ
    2. ป้อนราคาจัดส่ง
  5. แตะที่บันทึก

Android
  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การจัดส่งและส่งมอบ

  2. ในส่วนการจัดส่งในพื้นที่ ให้แตะที่ “จัดการ” ข้างตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการเพิ่มอัตราการจัดส่งแบบมีเงื่อนไข หากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งหลายแห่ง ให้แตะที่แสดงเพิ่มเติมเพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดของคุณ

  3. ในส่วนพื้นที่จัดส่ง ให้แตะที่ “เพิ่มการกําหนดราคาแบบมีเงื่อนไข

  4. สำหรับแต่ละกฎที่คุณต้องการสร้าง ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

    1. ป้อนขีดจำกัดมูลค่าคำสั่งซื้อ
    2. ป้อนราคาจัดส่ง
  5. แตะที่บันทึก

เพิ่มเขตการจัดส่ง

ตามค่าเริ่มต้น เมื่อคุณตั้งค่าตัวเลือกการจัดส่งในพื้นที่ คุณจะสร้างพื้นที่การจัดส่งหรือเขตการจัดส่ง คุณสามารถเพิ่มเขตการจัดส่งเพิ่มเติมได้สูงสุด 9 เขตโดยอิงจากรัศมีระยะทางหรือชุดของรหัสไปรษณีย์ แต่ละเขตการจัดส่งจะมีชุดของราคาแบบมีเงื่อนไขแยกต่างหาก

หากคุณกำลังใช้งานรัศมีระยะไกลให้ตั้งค่ารัศมีการจัดส่งเป็นระยะทางสูงสุดของแต่ละเขต

ตัวอย่างเช่น คุณสามารถกำหนดเขตดังต่อไปนี้ได้:

ตัวอย่างของเขตการจัดส่งตามรัศมีพร้อมข้อกำหนดคำสั่งซื้อขั้นต่ำและราคา
เขตรัศมีการจัดส่งราคาคำสั่งซื้อขั้นต่ำค่าจัดส่ง
เขตที่ 15 กิโลเมตร20.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ5.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เขตที่ 210 กิโลเมตร20.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ10.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เขตที่ 320 กิโลเมตร20.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ20.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ

หากคุณมีลูกค้าที่อยู่ภายในรัศมี 8 กิโลเมตร พวกเขาจะถูกเรียกเก็บเงิน $10.00 หากว่าเขตที่ 2 และ 3 มีผลบังคับใช้กับลูกค้ารายหนึ่งที่อยู่ภายในรัศมี 8 กิโลเมตร แต่ค่าจัดส่งสำหรับเขตที่ 2 น้อยกว่าเขตที่ 3 ดังนั้นลูกค้าดังกล่าวจะถูกเรียกเก็บตามค่าจัดส่งสำหรับเขตที่ 2

หากคุณมีลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อน้อยกว่า $20 พวกเขาไม่มีสิทธิ์สำหรับการจัดส่งภายในพื้นที่ เนื่องจากเขตที่ 1, 2 และ 3 มีราคาคำสั่งซื้อขั้นต่ำคือ $20.00

ขั้นตอนมีดังนี้

เดสก์ท็อป
  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การจัดส่งและส่งมอบ

  2. ในส่วนการจัดส่งในพื้นที่ ให้คลิกที่ “จัดการ” ข้างตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการเพิ่มอัตราการจัดส่งแบบมีเงื่อนไข หากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งหลายแห่ง ให้คลิกที่ “แสดงเพิ่มเติม” เพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดของคุณ

  3. ในส่วนพื้นที่จัดส่ง ให้คลิกที่ “สร้างเขตการจัดส่ง

  4. ป้อนชื่อเขต

  5. ป้อนรัศมีการจัดส่งหรือชุดรหัสไปรษณีย์

  6. ไม่บังคับ: หากคุณต้องการให้บริการจัดส่งสำหรับคำสั่งซื้อที่เกินราคาที่กำหนดไว้ ให้ป้อนจำนวนเงินในช่องราคาคำสั่งซื้อขั้นต่ำ

  7. ป้อนราคาจัดส่ง หากต้องการให้บริการจัดส่งฟรีให้ป้อน 0

  8. ตัวเลือกเสริม: ในส่วนข้อมูลการจัดส่ง ให้ป้อนข้อความรายละเอียดเกี่ยวกับบริการจัดส่งในพื้นที่ของคุณให้กับลูกค้า

  9. คลิกบันทึก

iPhone
  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การจัดส่งและส่งมอบ

  2. ในส่วนการจัดส่งในพื้นที่ ให้แตะที่ “จัดการ” ข้างตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการเพิ่มอัตราการจัดส่งแบบมีเงื่อนไข หากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งหลายแห่ง ให้แตะที่ “แสดงเพิ่มเติม” เพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดของคุณ

  3. ในส่วนพื้นที่จัดส่ง ให้แตะที่ “สร้างเขตการจัดส่ง

  4. ป้อนชื่อเขต

  5. ป้อนรัศมีการจัดส่งหรือชุดรหัสไปรษณีย์

  6. ไม่บังคับ: หากคุณต้องการให้บริการจัดส่งสำหรับคำสั่งซื้อที่เกินราคาที่กำหนดไว้ ให้ป้อนจำนวนเงินในช่องราคาคำสั่งซื้อขั้นต่ำ

  7. ป้อนราคาจัดส่ง หากต้องการให้บริการจัดส่งฟรีให้ป้อน 0

  8. ตัวเลือกเสริม: ในส่วนข้อมูลการจัดส่ง ให้ป้อนข้อความรายละเอียดเกี่ยวกับบริการจัดส่งในพื้นที่ของคุณให้กับลูกค้า

  9. แตะที่บันทึก

Android
  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การจัดส่งและส่งมอบ

  2. ในส่วนการจัดส่งในพื้นที่ ให้แตะที่ “จัดการ” ข้างตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการเพิ่มอัตราการจัดส่งแบบมีเงื่อนไข หากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งหลายแห่ง ให้แตะที่ “แสดงเพิ่มเติม” เพื่อแสดงตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดของคุณ

  3. ในส่วนพื้นที่จัดส่ง ให้แตะที่ “สร้างเขตการจัดส่ง

  4. ป้อนชื่อเขต

  5. ป้อนรัศมีการจัดส่งหรือชุดรหัสไปรษณีย์

  6. ไม่บังคับ: หากคุณต้องการให้บริการจัดส่งสำหรับคำสั่งซื้อที่เกินราคาที่กำหนดไว้ ให้ป้อนจำนวนเงินในส่วนราคาคำสั่งซื้อขั้นต่ำ

  7. ป้อนราคาจัดส่ง หากต้องการให้บริการจัดส่งฟรีให้ป้อน 0

  8. ตัวเลือกเสริม: ในส่วนข้อมูลการจัดส่ง ให้ป้อนข้อความรายละเอียดเกี่ยวกับบริการจัดส่งในพื้นที่ของคุณให้กับลูกค้า

  9. แตะที่บันทึก

การยืนยันคำสั่งซื้อ

สำหรับเทมเพลตอีเมลยืนยันคำสั่งซื้อ คุณสามารถเพิ่มเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งในพื้นที่โดยการตัดเนื้อหาในตัวแปร Liquid ต่อไปนี้: {% if delivery_instructions != blank %}; คำแนะนำในการจัดส่ง: {{delivery_instructions}} {% endif %} ตัวแปรนี้แสดงเนื้อหาของช่องข้อมูลการจัดส่ง ในการตั้งค่าการจัดส่งในพื้นที่ของคุณ

นอกจากนี้คุณยังสามารถใส่ข้อมูลการจัดส่งในการแจ้งเตือน การยืนยันคำสั่งซื้อ โดยกรอกส่วนที่เหมาะสมในการตั้งค่าการจัดส่งและส่งมอบของคุณ

หากคุณจำเป็นต้องรีเซ็ตเทมเพลตเป็นค่าเริ่มต้น ให้คลิกที่เปลี่ยนกลับเป็นค่าเริ่มต้น

เดสก์ท็อป
  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การแจ้งเตือน

  2. คลิกที่ชื่อของการแจ้งเตือนที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง

  3. แก้ไขช่องหัวเรื่องอีเมลและส่วนเนื้อหาของข้อความอีเมล

  4. คลิกบันทึก

iPhone
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ การแจ้งเตือน
  3. แตะที่ชื่อของการแจ้งเตือนที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง
  4. แก้ไขช่องหัวเรื่องอีเมลและส่วนเนื้อหาของข้อความอีเมล
  5. แตะที่บันทึก
Android
  1. จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า
  2. ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ การแจ้งเตือน
  3. แตะที่ชื่อของการแจ้งเตือนที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง
  4. แก้ไขช่องหัวเรื่องอีเมลและส่วนเนื้อหาของข้อความอีเมล
  5. แตะที่บันทึก
ไม่พบคำตอบที่คุณต้องการงั้นหรือ เราพร้อมช่วยเหลือคุณ