ข้อกำหนดการใช้นาง Shopify Payments ในสิงคโปร์
คุณควรทำความเข้าใจข้อกำหนดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลก่อนที่คุณจะใช้งาน Shopify Payments ในสิงคโปร์ ข้อกำหนดเหล่านี้มีไว้เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับและป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน ในบทความนี้ คุณจะพบวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ประเภทของเอกสารที่ยอมรับ และข้อแนะนําเกี่ยวกับการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารของคุณตรงตามเกณฑ์ที่จําเป็น
ในหน้านี้
ภาพรวมของข้อกำหนดสำหรับ Shopify Payments ในสิงคโปร์
ก่อนที่คุณจะใช้งาน Shopify Payments ในสิงคโปร์ คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดต่อไปนี้
ประเภทธุรกิจที่มีสิทธิ์: ธุรกิจและบริการบางประเภทไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งาน Shopify Payments หากต้องการพิจารณาว่าธุรกิจของคุณมีสิทธิ์หรือไม่ ให้ดูที่รายการประเภทธุรกิจต้องห้ามในแคนาดา ซึ่งที่ระบุไว้ในข้อกำหนดในการใช้บริการ Shopify Payments (TOS)
ข้อกำหนดเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร: บัญชีธนาคารของคุณต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้ก่อนจึงจะสามารถเชื่อมต่อกับ Shopify Payments ได้ - บัญชีธนาคารเป็นบัญชีกระแสรายวัน โดยเป็นของธนาคารที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ - สกุลเงินในบัญชีธนาคารเป็นดอลลาร์สิงคโปร์ - บัญชีธนาคารมีสิทธิ์ใช้บริการโอนเงินแบบเรียกเก็บต่อเนื่องจาก Shopify - บัญชีธนาคารได้รับการตั้งค่าสำหรับการโอนเงินที่รวดเร็วและปลอดภัย (FAST) หรือการโอนเงินแบบการชำระเงินรวมแบบเรียลไทม์ (RTGS) ปรึกษาธนาคารของคุณเพื่อตรวจสอบยืนยันว่าบัญชีของคุณสามารถรับการโอนเงินประเภทเหล่านี้ได้หรือไม่
ข้อกำหนดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล: คุณต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและธุรกิจของคุณ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดที่บังคับใช้และเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน ซึ่งรวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลที่สร้างบัญชีผู้ใช้ Shopify Payments, ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และบุคคลที่เป็นเจ้าของหรือควบคุมกิจการ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารของคุณมีความชัดเจน ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และปราศจากข้อผิดพลาดหรือการพิมพ์ผิด
บัญชีธนาคารที่เข้ากันไม่ได้
บัญชีกระแสรายวันที่ตั้งค่าให้รับได้เฉพาะการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเท่านั้นจะไม่สามารถใช้งาน Shopify Payments ได้ Shopify Payments ไม่รองรับบัญชีออมทรัพย์ บัญชีสกุลเงินเฟล็กซ์ และบริการการโอนเงินที่เลียนแบบบัญชีธนาคาร แม้ว่าระบบจะรองรับบัญชีธนาคารเสมือนที่ไม่ใช่ Shopify แต่ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดในการรับชำระเงินจากบัญชีเหล่านี้
วัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งจําเป็นเพื่อระบุตัวตนผู้ขายที่ใช้งาน Shopify Payments และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดที่บังคับใช้ ซึ่งจะช่วยป้องกันอาชญากรรมการฟอกเงิน การสนับสนุนเงินให้ผู้ก่อการร้าย รวมถึงอาชญากรรมทางการเงินอื่นๆ เมื่อข้อบังคับเปลี่ยนแปลงไป Shopify และพาร์ทเนอร์อาจขอข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ การแก้ไขทบทวนเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในช่วงระยะเวลาการใช้งานบัญชี Shopify Payments ของคุณ
ข้อมูลที่จำเป็น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ Shopify ต้องเก็บรวบรวมนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยในกรณีของสิงคโปร์จะต้องระบุรายละเอียดต่อไปนี้
- บุคคลที่สร้างบัญชี Shopify Payments
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Shopify Payments
- บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือควบคุมในทอดสุดท้ายของธุรกิจ รวมถึงเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารอาวุโสที่มีอำนาจการลงลายมือชื่อด้านกฎหมาย
ประเภทเอกสารที่ยอมรับได้
คุณต้องส่งเอกสารบางอย่างเพื่อช่วยในขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันข้อมูลส่วนบุคคลของคุณและรวมถึงข้อมูลธุรกิจของคุณในบางกรณี เอกสารประเภทต่อไปนี้เป็นที่ยอมรับได้สำหรับบุคคลและธุรกิจในสิงคโปร์
เอกสารยืนยันตัวตน:
- หนังสือเดินทาง: เป็นเอกสารยืนยันตัวตนที่แนะนำให้ใช้
- ใบขับขี่: ต้องมีรูปถ่ายด้านหน้าและด้านหลัง
- บัตรประจำตัวประชาชน: ต้องมีรูปภาพด้านหน้าและด้านหลัง
- ใบอนุญาตทำงาน ใบผ่านการจ้างงาน หรือใบผ่านเข้าประเทศ: ต้องมีรูปถ่ายด้านหน้าและด้านหลัง
เอกสารแสดงที่อยู่อาศัย:
- เอกสารยืนยันตัวตนที่รัฐบาลออกให้พร้อมที่อยู่: ต้องมีรูปถ่ายด้านหน้าและด้านหลัง
- หนังสือโต้ตอบกับหน่วยงานของรัฐบาล: ลงวันที่และออกให้ภายใน 3 เดือนที่ผ่านมา
- ใบแจ้งยอดบัญชีธนาคาร: ลงวันที่และออกให้ภายใน 3 เดือนที่ผ่านมา
- ใบเรียกเก็บเงินค่าสาธารณูปโภค: ลงวันที่และออกให้ภายใน 3 เดือนที่ผ่านมา
เอกสารของบริษัทและหน่วยงาน
หากต้องการตรวจสอบยืนยันรายละเอียดบริษัทหรือนิติบุคคลของคุณ คุณต้องส่งเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ซึ่งแสดงชื่อนิติบุคคล เลขทะเบียนนิติบุคคล (UEN) และที่อยู่ธุรกิจอย่างชัดเจน:
- หลักฐานการจดทะเบียนกับสำนักงานกำกับดูแลภาคธุรกิจและผู้สอบบัญชี (ACRA) ผ่าน BizFile
- โปรไฟล์ธุรกิจที่คัดลอกจาก ACRA ผ่าน BizFile
คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าประเภทธุรกิจของคุณถูกต้องและแสดงข้อมูลที่ปรากฏใน ACRA
เอกสารแสดงความสัมพันธ์
ในกรณีที่คุณเพิ่มเจ้าของผลประโยชน์ไปยังบัญชีผู้ใช้ Shopify Payments ข้อมูลของเจ้าของผลประโยชน์ที่คุณป้อนจะต้องตรงกับข้อมูลในเอกสารที่คุณอัปโหลด ในกรณีที่มีการระบุเจ้าของในเอกสารแต่ไม่ได้เพิ่มไปยังบัญชีผู้ใช้ Shopify Payments คุณต้องเพิ่มเจ้าของดังกล่าวไปยังบัญชีผู้ใช้ของคุณ ทั้งนี้ ให้กำหนดบทบาทเจ้าของผลประโยชน์ให้กับบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นเจ้าของในเอกสารของคุณเท่านั้น
หากต้องการตรวจสอบยืนยันสิทธิ์การเป็นเจ้าของธุรกิจหรือนิติบุคคล คุณต้องส่งเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ซึ่งแสดงชื่อนิติบุคคลและชื่อเจ้าของผลประโยชน์ทั้งหมดของคุณ:
- หลักฐานการจดทะเบียนกับ ACRA BizFile
- แบบแสดงรายการภาษีประจำปีล่าสุด (เฉพาะองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร)
- เอกสารด้านกฎระเบียบฉบับล่าสุด (เฉพาะองค์กรที่ไม่แสวงหากําไร)
หนังสือมอบอำนาจหรือหลักฐานการอนุมัติ
ตัวแทนบัญชีของคุณจำเป็นต้องปรากฏอยู่ในทะเบียนภาครัฐของธุรกิจของคุณในฐานะบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญในบริษัท และสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้ ซึ่งอาจเป็นเจ้าของผลประโยชน์ กรรมการบริษัท หรือซีอีโอของคุณ
หากบุคคลที่คุณระบุไว้เป็นตัวแทนบัญชีไม่ได้รับผิดชอบบทบาทใดๆ เหล่านี้ เราอาจขอให้คุณแสดงหนังสือมอบอำนาจหรือหลักฐานการอนุมัติ นี่คือจดหมายที่ทนายความลงชื่อและรับรอง ซึ่งระบุว่าบุคคลนี้มีอำนาจในการจัดการธุรกิจและกิจการทางการเงินของคุณ
คุณยังสามารถอัปเดตตัวแทนบัญชีของคุณให้เป็นบุคคลที่ปรากฏในเอกสาร ACRA แทนได้
หลักฐานการยืนยันตัวตน
ตัวแทนบัญชีทั้งหมดต้องผ่านการยืนยันตัวตน คุณจะได้รับการแจ้งเตือนในหน้าแรกของ Shopify admin โดยแจ้งว่าจำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากที่คุณคลิกที่การแจ้งเตือน ระบบจะนำคุณไปยังหน้าภายนอกที่คุณสามารถดูข้อมูลธุรกิจที่คุณส่งไปก่อนหน้านี้ได้ หลังจากที่คุณตรวจสอบยืนยันข้อมูลธุรกิจแล้ว คุณจะต้องดำเนินการยืนยันตัวตนให้เสร็จสิ้นโดยใช้ตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้
- ใช้ SingPass เพื่อตรวจสอบยืนยันข้อมูลที่คุณส่ง
- ใช้เว็บแคมหรือโทรศัพท์ของคุณเพื่ออัปโหลดภาพถ่ายของตนเอง
นอกจากนี้ คุณต้องยืนยัน ID รูปภาพของคุณโดยใช้หนึ่งในตัวเลือกต่อไปนี้:
- ใช้เว็บแคมหรือโทรศัพท์เพื่อถ่ายภาพเอกสารประจำตัวของคุณ
- อัปโหลดภาพเอกสารประจำตัวของคุณ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านเอกสาร
ขณะจัดเตรียมเอกสารของคุณ คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่จําเป็น ใช้แนวทางต่อไปนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนด
- ความแม่นยำและความถูกต้อง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลในเอกสารของคุณถูกต้องและแม่นยำ
- ความชัดเจนและอ่านออกได้: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารของคุณมีความชัดเจนและมีขนาดใหญ่พอสำหรับการอ่าน
- ความสมบูรณ์ครบถ้วน: ให้รายละเอียดที่จําเป็นทั้งหมดและตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดอ่านออกได้ หากมีการครอบตัดเอกสาร โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลสําคัญทั้งหมดยังคงปรากฏในกรอบ
- ความสอดคล้อง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลในเอกสารของคุณตรงกับข้อมูลที่ให้ไว้ในระหว่างกระบวนการสร้างบัญชี
- การยอมรับโดยทั่วไป: ปรับปรุงเอกสารของคุณให้เป็นปัจจุบันที่สุด
- ปราศจากข้อผิดพลาด: ตรวจสอบเอกสารของคุณอีกครั้งเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดหรือการพิมพ์
- หลีกเลี่ยงการคัดลอก: ส่งรูปภาพต้นฉบับของเอกสารของคุณเมื่อเป็นไปได้ และหลีกเลี่ยงการสแกนหรือคัดลอกเอกสารเหล่านั้น หากเอกสารของคุณได้รับการออกแบบดิจิทัล ให้ส่ง PDF ฉบับจริงที่ไม่ผ่านการแก้ไข