คำสั่งซื้อ

คำสั่งซื้อจะแสดงรายการสินค้า ราคา และจำนวนคำสั่งซื้อที่ร้านค้าสั่งซื้อกับซัพพลายเออร์

คำสั่งซื้อสามารถช่วยติดตามรายละเอียดต่างๆ เช่น จำนวนสินค้าคงคลังขาเข้า ต้นทุนสินค้าคงคลัง ข้อกำหนดในการชำระเงิน และเวลาที่คาดว่าจะมาถึงได้อีกด้วย ซึ่งการติดตามข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดความต้องการของลูกค้าสำหรับความพร้อมในการใช้งานของสินค้า และแจ้งการตัดสินใจต่างๆ เกี่ยวกับการคืนสินค้ากลับสต็อกและการย้ายสินค้าคงคลังระหว่างตำแหน่งที่ตั้ง

สร้างคำสั่งซื้อ

เมื่อคุณสร้างคำสั่งซื้อคุณสามารถบันทึกคำสั่งซื้อดังกล่าวเป็นแบบร่างเพื่อทำงานในภายหลังหรือทำเครื่องหมายว่าสั่งซื้อแล้ว โดยหลังจากทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อสั่งซื้อแล้ว สินค้าคงคลังขาเข้าของคุณจะอัปเดตสินค้าทุกรายการที่อยู่ในคำสั่งซื้อ

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า > คำสั่งซื้อ
  2. คลิกสร้างคำสั่งซื้อ
  3. เลือกซัพพลายเออร์และปลายทางสำหรับคำสั่งซื้อ หากคุณต้องการเพิ่มซัพพลายเออร์ใหม่ ให้ไปที่ เพิ่มซัพพลายเออร์ หรือหากคุณต้องการเพิ่มตำแหน่งที่ตั้ง ให้ไปที่ สร้างและแก้ไขตำแหน่งที่ตั้ง
  4. ในส่วนเพิ่มสินค้า ให้ป้อนหรือเลือกสินค้าและตัวเลือกสินค้าที่คุณต้องการสั่งซื้อจากซัพพลายเออร์ จากนั้นคลิก “ เพิ่ม
  5. เพิ่มข้อมูลต่อไปนี้สำหรับสินค้าแต่ละรายการ:

    • quantity
    • SKU ของซัพพลายเออร์ (ระบุหรือไม่ก็ได้)
    • ต้นทุนสินค้าแต่ละรายการ (ระบุหรือไม่ก็ได้)
    • เปอร์เซ็นต์ภาษีใดๆ (ระบุหรือไม่ก็ได้)
  6. ตัวเลือกเสริม: ให้ป้อนข้อมูลต่อไปนี้ในส่วนรายละเอียดการจัดส่ง:

    • วันที่ในช่องวันที่คาดว่าสินค้าจะมาถึง
    • หมายเลขติดตามพัสดุของการจัดส่ง
    • ผู้ให้บริการขนส่ง ระบบอาจเลือกผู้ให้บริการขนส่งโดยอัตโนมัติโดยพิจารณาจากหมายเลขติดตามพัสดุที่คุณสร้าง แต่คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง
  7. ตัวเลือกเสริม: ป้อนรายละเอียดต่อไปนี้ในส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม:

    • หมายเลขอ้างอิง
    • หมายเหตุถึงซัพพลายเออร์
    • แท็กไปยังคำสั่งซื้อ
  8. คลิก “บันทึกเป็นแบบร่าง” คำสั่งซื้อของคุณจะอยู่ในสถานะแบบร่าง

  9. หากต้องการระบุว่าคำสั่งซื้อได้รับการอนุมัติจากซัพพลายเออร์ของคุณแล้ว ให้คลิก “ทำเครื่องหมายว่าสั่งซื้อแล้ว

เพิ่มซัพพลายเออร์

หลังจากเพิ่มซัพพลายเออร์แล้ว ซัพพลายเออร์จะอยู่ในเมนูดรอปดาวน์เลือกซัพพลายเออร์

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า > คำสั่งซื้อ
  2. คลิกสร้างคำสั่งซื้อ
  3. ในส่วนซัพพลายเออร์ ให้คลิกที่เมนูดรอปดาวน์เลือกซัพพลายเออร์
  4. คลิกสร้างซัพพลายเออร์ใหม่
  5. ป้อนรายละเอียดของซัพพลายเออร์จากนั้นคลิกบันทึก

แก้ไขรายละเอียดของซัพพลายเออร์

หากคุณแก้ไขรายละเอียดของซัพพลายเออร์ในคำสั่งซื้อ ระบบจะอัปเดตรายละเอียดของซัพพลายเออร์ในคำสั่งซื้อที่มีอยู่ทั้งหมด

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า > คำสั่งซื้อ
  2. คลิกสร้างคำสั่งซื้อ หรือคลิกที่ชื่อของคำสั่งซื้อที่มีอยู่
  3. ในส่วนซัพพลายเออร์ ให้คลิกที่เมนูดรอปดาวน์เลือกซัพพลายเออร์ จากนั้นเลือกซัพพลายเออร์
  4. คลิก “ดูรายละเอียด
  5. คลิกแก้ไขรายละเอียดซัพพลายเออร์
  6. ทำการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของซัพพลายเออร์จากนั้นคลิกบันทึก
  7. หากคุณสร้างคำสั่งซื้อใหม่ คุณสามารถลบคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินได้

แก้ไขคำสั่งซื้อ

คุณสามารถแก้ไขช่องข้อมูลส่วนใหญ่ในคำสั่งซื้อได้ทุกเมื่อ แม้กระทั่งหลังจากที่ได้ทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อดังกล่าวว่าสั่งซื้อแล้วก็ตาม อย่างไรก็ดี หากคุณได้รับสินค้าคงคลังสำหรับคำสั่งซื้อรายการหนึ่งแล้ว คุณจะไม่สามารถลบสินค้าออกจากคำสั่งซื้อดังกล่าวได้ ไม่เพียงเท่านั้น คุณจะไม่สามารถเปลี่ยนซัพพลายเออร์หรือปลายทางได้หลังจากที่ทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อว่าสั่งซื้อแล้ว

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า > คำสั่งซื้อ
  2. คลิกที่ชื่อของคำสั่งซื้อ
  3. หากคุณทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อว่าสั่งซื้อแล้ว ให้คลิกแก้ไข
  4. ทำการเปลี่ยนแปลง
  5. คลิกที่บันทึก

ดาวน์โหลดคำสั่งซื้อเป็น PDF

คุณสามารถบันทึกคำสั่งซื้อของคุณเป็น PDF เพื่อส่งไปยังซัพพลายเออร์ของคุณได้

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า > คำสั่งซื้อ
  2. คลิกที่ชื่อของคำสั่งซื้อ
  3. สำหรับบางสถานะหรืออุปกรณ์ คุณอาจต้องคลิก “การดำเนินการเพิ่มเติม
  4. คลิกส่งออก PDF

ทำเครื่องหมายสินค้าคงคลังว่า “ได้รับแล้ว”

หลังจากที่คุณได้รับสินค้าแล้วคุณสามารถทำเครื่องหมายสินค้าคงคลังว่า “ได้รับแล้ว” ได้ที่ส่วนผู้ดูแล Shopify ซึ่งระบบจะอัปเดตระดับสินค้าคงคลังที่มีอยู่ของคุณโดยอิงตามสินค้าที่ได้รับ คุณจะสามารถทำเครื่องหมายสินค้าคงคลังว่า “ได้รับแล้ว” หลังจากที่ทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อเป็นสั่งซื้อแล้วเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณมี 10 สินค้าเป็นสินค้าคงคลังขาเข้า หากคุณทำเครื่องหมาย 5 ว่า “ได้รับแล้ว” สินค้านั้นจะกลายเป็นสินค้าคงคลังที่พร้อมใช้งานในร้านค้าของคุณและจะยังเป็น 5สินค้าคงคลังขาเข้า

หากสินค้าที่คุณได้รับเกิดความเสียหาย คุณสามารถทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อว่า “ได้รับแล้วบางส่วน” โดยหักจำนวนสินค้าคงคลังที่เสียหายที่คุณได้รับแล้ว สินค้าคงคลังที่ถูกปฏิเสธจะถูกลบออกจากสินค้าคงคลังขาเข้า

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า > คำสั่งซื้อ
  2. คลิกที่ชื่อของคำสั่งซื้อ
  3. คลิกรับสินค้าคงคลัง
  4. ป้อนสินค้าคงคลังที่ได้รับแล้วและยังไม่ได้รับสำหรับสินค้าแต่ละรายการ
  5. คลิกที่บันทึก

ปรับเปลี่ยนสินค้าคงคลังที่ได้รับแล้ว

คุณสามารถปรับเปลี่ยนสินค้าคงคลังที่ได้รับแล้วหรือได้รับแล้วบางได้ในคำสั่งซื้อ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณได้รับสินค้าคงคลังแล้วแต่พบว่ามีสินค้าอีกสองชิ้นที่ยังไม่ได้จัดส่ง คุณสามารถอัปเดตสินค้าคงคลังเป็นจำนวนติดลบได้ โดยระบบจะปรับระดับสินค้าคงคลังและเปลี่ยนสถานะของคำสั่งซื้อเป็นได้รับแล้วบางส่วน

เช่น หากคุณได้รับสินค้า 10 รายการแต่พบว่ามีสินค้าขาดหายไปหนึ่งชิ้น คุณจะต้องป้อน -1 ในคอลัมน์รับแล้วของสินค้าดังกล่าว

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า > คำสั่งซื้อ
  2. คลิกที่ชื่อของคำสั่งซื้อ
  3. คลิกรับสินค้าคงคลัง
  4. ถัดจากสินค้าแต่ละรายการ ให้ป้อนจำนวนสินค้าคงคลังที่คุณต้องการปรับในคอลัมน์รับแล้ว หรือ ปฏิเสธแล้ว หากคุณจำเป็นต้องลดจำนวนสินค้าคงคลังที่คุณได้รับให้ป้อนจำนวนติดลบ
  5. คลิกที่บันทึก

จัดการคำสั่งซื้อ

หลังจากสั่งซื้อเสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถการดำเนินการได้หลายอย่างโดยขึ้นอยู่กับสถานะปัจจุบันของคำสั่งซื้อ:

  • หากคำสั่งซื้อถูกทำเครื่องหมายว่าสั่งซื้อแล้ว คุณสามารถปิดคำสั่งซื้อได้ ซึ่งการปิดคำสั่งซื้อก่อนที่คุณจะได้รับสินค้าคงคลังทั้งหมดจะลบจำนวนสินค้าที่ยังไม่ได้รับออกจากสินค้าคงคลังขาเข้าของคุณ
  • หากคำสั่งซื้อยังไม่ชำระเงินคุณสามารถลบคำสั่งซื้อได้

ลบคำสั่งซื้อ

คุณสามารถลบคำสั่งซื้อที่ยังไม่ได้ชำระเงินได้ แต่หากคำสั่งซื้อนั้นมีเครื่องหมายว่าสั่งซื้อแล้ว คุณจำเป็นต้องปิดคำสั่งซื้อแทน

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า > คำสั่งซื้อ
  2. คลิกที่ชื่อของคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
  3. คลิกที่ลบ
  4. ในกล่องโต้ตอบการยืนยัน ให้คลิก “ลบคำสั่งซื้อ

ปิดคำสั่งซื้อ

คุณสามารถปิดคำสั่งซื้อได้หลังจากทำเครื่องหมายว่าสั่งซื้อแล้ว หากคำสั่งซื้อยังไม่ได้ชำระเงินคุณจำเป็นต้องลบคำสั่งซื้อแทน

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า > คำสั่งซื้อ
  2. คลิกที่ชื่อของคำสั่งซื้อ
  3. คลิกที่ปิด

คำนวณสินค้าคงคลัง

หากคุณเปิดใช้ฟังก์ชันติดตามสินค้าคงคลังของ Shopify โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจวิธีคำนวณจำนวนและติดตามสินค้าเมื่อสินค้าดังกล่าวถูกเพิ่มไปยังคำสั่งซื้อ จำนวนสินค้าขาเข้าแตกต่างกันไปตามสินค้าที่คุณได้รับ (ไม่ว่าคุณจะทำเครื่องหมายสินค้าดังกล่าวเป็นยอมรับหรือปฏิเสธ)

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณมีคำสั่งซื้อที่มีสินค้า 10 รายการ

หากคุณสั่งสินค้า 10 รายการ ได้รับ 7 รายการ และทำเครื่องหมายว่ายอมรับ 4 รายการ และทำเครื่องหมายว่าปฏิเสธ 3 รายการ ระบบจะแสดงสินค้าขาเข้า 3 รายการ เนื่องจากคุณได้ระบุว่าคุณได้รับสินค้าที่สั่งมาทั้งหมด 7 รายการ ซึ่งมีสินค้า 3 รายการที่คุณได้รับแต่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่คุณต้องการ (ได้แก่สินค้า 3 รายการที่ทำเครื่องหมายว่าปฏิเสธ)

พร้อมเริ่มต้นการขายด้วย Shopify แล้วหรือยัง

ทดลองใช้งานฟรี