ชุดสินค้าสำหรับเครือข่ายการจัดการสินค้าของ Shopify
ชุดสินค้าคือสินค้ารายการหนึ่งที่จำหน่ายรวมกับสินค้าอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อมีการขายชุดสินค้า สินค้าทุกรายการในชุดสินค้านั้นได้จัดการแล้ว ตัวอย่างเช่น ชุดสินค้าสามารถเป็นชุดสูทที่รวมทั้งกางเกงและเสื้อแจ็คเก็ตได้ ทั้งนี้สินค้าที่อยู่ในชุดสินค้าจะสามารถจำหน่ายแยกได้
หากคุณต้องการให้เครือข่ายการจัดการสินค้าของ Shopify (SFN) จัดการชุดสินค้า และสินค้าของคุณเป็นไปตามข้อกำหนดทุกข้อแล้ว คุณจะสามารถตั้งค่าชุดสินค้าได้ในแอป SFN ของคุณ
สินค้าที่อยู่ในชุดรวมสินค้าจะถูกจัดเก็บแยกใน SFN และสามารถแยกขายเป็นรายการได้ หลังจากที่ SFN ได้รับคำสั่งซื้อที่มีสินค้ารวมชุด SFN จะหยิบสินค้าแต่ละรายการมาบรรจุหีบห่อเข้าด้วยกันให้เป็นชุดพร้อมกับจัดการชุดสินค้านั้น
รหัสสินค้าคงคลัง (SKU) ของชุดรวมสินค้าจะถูกเรียกว่า SKU ชุดสินค้า ในขณะที่สินค้าภายในชุดสินค้าจะมี SKU องค์ประกอบ
ในหน้านี้
ข้อกำหนดสำหรับการตั้งค่าชุดสินค้าให้กับ SFN
ก่อนที่คุณจะสามารถตั้งค่าชุดสินค้าใน SFN ได้ สินค้าของคุณจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
- SKU ทั้งหมดจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านคุณสมบัติสินค้าของ SFN
- ชุดสินค้าสามารถมีสินค้าจริงได้สูงสุด 10 รายการ
- ชุดสินค้าและ SKU องค์ประกอบทั้งหมดของชุดสินค้านั้นต้องเป็นสินค้าภายในแอป SFN
- SKU ชุดสินค้าของคุณต้องมีจำนวนที่ 0
คุณสามารถเพิ่มสินค้าสำหรับชุดรวมสินค้าผ่านทางส่วนผู้ดูแล Shopify ได้โดยไม่ต้องมีการถ่ายโอนขาเข้า
ในกรณีที่จะส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ SKU ชุดสินค้าและ SKU องค์ประกอบต้องมีราคามากกว่า 0 ดอลลาร์สหรัฐ
ตั้งค่าชุดสินค้าในแอป SFN
หากสินค้าของคุณเป็นไปตามข้อกำหนดสำหรับชุดสินค้า คุณจะสามารถตั้งค่าชุดสินค้าในแอป SFN ของคุณได้
ขั้นตอน:
- ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่แอป จากนั้นคลิก “Shopify Fulfillment Network”
คลิกแท็บ “สินค้าคงคลัง”
คลิกสินค้าที่คุณต้องการตั้งค่าเป็นชุดสินค้า
ในหน้าสินค้า ให้คลิกที่เมนูการดำเนินการเพิ่มเติม จากนั้นคลิกสร้างชุดสินค้า
เลือกสินค้าที่คุณต้องการเพิ่มเป็นส่วนประกอบไปยังชุดสินค้าของคุณ
ในแต่ละรายการ ให้ป้อนจำนวนที่คุณต้องการใส่ไว้ในชุดสินค้าหนึ่งชุด
คลิก “บันทึกชุดสินค้า”
หากคุณขายสินค้าที่ใช้รายการเดียวกันกับสินค้าอื่นๆ คุณจะสามารถตั้งค่าสินค้าเหล่านั้นเป็นชุดสินค้าและเลือกสินค้าดังกล่าวเป็น SKU ส่วนประกอบได้
ปริมาณองค์ประกอบที่พร้อมให้ใช้งานในชุดสินค้า
ในการขายชุดรวมสินค้าของคุณ SFN ต้องมี SKU องค์ประกอบเพียงพอในสต็อกสินค้าเพื่อสร้างชุดสินค้าหนึ่งชุด ในกรณีที่ SFN มี SKU องค์ประกอบในสต็อกสินค้าที่ศูนย์จัดการคำสั่งซื้อไม่เพียงพอต่อการสร้างชุดรวมสินค้า ปริมาณที่พร้อมจำหน่ายของชุดสินค้าของคุณจะเป็นศูนย์ และระบบจะแสดงบนร้านค้าคุณว่าหมดสต็อก
ปริมาณที่พร้อมจำหน่ายของชุดสินค้าคุณจะได้รับการกำหนดโดยการคำนวณดังต่อไปนี้
- จํานวนชุดสินค้าขึ้นอยู่กับปริมาณที่พร้อมจำหน่ายของ SKU องค์ประกอบและจํานวนของแต่ละรายการที่ต้องใช้เพื่อสร้างชุดสินค้า
- ปริมาณของชุดสินค้าทั้งหมดที่พร้อมจำหน่ายจะเท่ากับผลรวมของปริมาณชุดสินค้าที่สามารถสร้างขึ้นได้ในเครือข่าย SFN
- การคํานวณความพร้อมจำหน่ายของชุดสินค้าจะไม่นับรวมการสั่งซื้อล่วงหน้า การจอง และคำขอการจัดการคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการของส่วนประกอบในชุดสินค้า
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าชุดสินค้าทำความสะอาดเส้นผมจำเป็นต้องมีแชมพูและครีมนวดผมอย่างละหนึ่งขวดเป็นส่วนประกอบของชุดสินค้า หากคุณมีแชมพู 10 ขวด และครีมนวดผม 15 ขวดในสต็อกสินค้าทั่วทั้งเครือข่ายของเรา คุณสามารถขายชุดสินค้านั้นได้ 10 ชุด
เข้าถึงปริมาณที่พร้อมให้ใช้งานสำหรับชุดสินค้า
คุณสามารถเข้าถึงปริมาณที่พร้อมจำหน่ายของชุดสินค้าในคลังสินค้าของส่วนผู้ดูแล Shopify หรือแอป SFN ได้
ขั้นตอน:
- ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่แอป จากนั้นคลิก “Shopify Fulfillment Network”
คลิกแท็บ “สินค้าคงคลัง”
คลิกชุดสินค้าที่คุณต้องการเข้าถึง
แก้ไขชุดใน SFN
คุณสามารถเพิ่ม ลบ และปรับจำนวนของ SKU องค์ประกอบในชุดสินค้าที่มีอยู่ได้ หากคุณต้องการแก้ไขชุดสินค้าที่มีสินค้าค้างส่งที่ SFN ต้องจัดการ คุณจะต้องจัดการหรือยกเลิกคำสั่งซื้อเหล่านั้นทั้งหมด
ขั้นตอน:
- ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่แอป จากนั้นคลิก “Shopify Fulfillment Network”
คลิกแท็บ “สินค้าคงคลัง”
คลิกชุดสินค้าที่คุณต้องการแก้ไข
คลิก “แก้ไขชุดสินค้า”
ปรับสินค้าและจำนวนสินค้าที่คุณต้องการในชุดสินค้าของคุณ
คลิก “บันทึกชุดสินค้า”
การแก้ไขข้อมูลสินค้าสำหรับชุดสินค้า
หากคุณต้องการเปลี่ยนข้อมูลสินค้าใดๆ เกี่ยวกับชุดสินค้านอกเหนือจาก SKU เช่น ราคา ตัวเลือกสินค้า และความพร้อมในการใช้งาน คุณสามารถแก้ไขรายละเอียดสินค้าได้ ในส่วนผู้ดูแล Shopify
การเปลี่ยน SKU สำหรับชุดสินค้า
หากคุณต้องการเปลี่ยน SKU ของชุดสินค้า คุณจำเป็นต้องตั้งค่าชุดสินค้าใหม่
หากคุณต้องการให้ข้อมูลส่วนใหญ่ตรงกัน คุณสามารถทำซ้ำสินค้าของคุณซึ่งอยู่ในชุดสินค้าเดิมเพื่อสร้างชุดสินค้าใหม่ได้
หากต้องการป้องกันไม่ให้ลูกค้าของคุณซื้อชุดสินค้าเดิม คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนสินค้าเดิมสำหรับชุดสินค้าดังกล่าวให้เป็นไม่พร้อมจำหน่ายในทุกช่องทางการขาย