การยืนยันตัวตน SAML สำหรับองค์กรของคุณ
หากองค์กรคุณใช้ SAML ในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ คุณก็สามารถเพิ่ม Shopify เป็นแอปได้โดยใช้ผู้ให้บริการข้อมูลระบุตัวตน หลังจากตั้งค่าแอปดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เข้าถึงการจัดการผู้ใช้ก็จะสามารถกำหนดให้ผู้ใช้รายบุคคลหรือผู้ใช้ทั้งหมดในองค์กรยืนยันตัวตนตนเองโดยใช้ผู้ให้บริการข้อมูลระบุตัวตน SAML ของคุณได้
ในหน้านี้
ก่อนที่คุณจะตั้งค่าการยืนยันตัวตน SAML
การส่งโดเมนไปรับการตรวจสอบยืนยันจะมีผลกระทบสำหรับผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบองค์กรของคุณใน Shopify ดังนั้นก่อนที่คุณจะเริ่มต้น ให้ตรวจสอบข้อควรพิจารณาดังต่อไปนี้
สร้างบัญชีผู้ใช้สำรอง
ตั้งค่า Shopify ID
การตั้งค่าการยืนยันตัวตน SAML สำหรับองค์กรคุณ
คุณจำเป็นต้องตรวจสอบยืนยันโดเมนก่อนจึงจะตั้งค่าการกำหนดค่า SAML ได้
คุณสามารถเริ่มกำหนดค่าได้โดยไม่ต้องรอให้โดเมนผ่านการยืนยัน
การตั้งค่าการกำหนดค่าโดยอัตโนมัติ
ในปัจจุบัน การกำหนดค่าแบบนี้พร้อมให้บริการสำหรับผู้ให้บริการข้อมูลระบุตัวตนอย่าง Okta, OneLogin และ Azure แล้ว
ขั้นตอน:
- ในส่วน Shopify admin สำหรับองค์กรของคุณ ให้ไปที่ผู้ใช้≫ความปลอดภัย
- ในส่วนการกำหนดค่า SAML ให้คลิกกำหนดค่า
- จากนั้นให้เพิ่มแอป Shopify Plus เป็นผู้ให้บริการข้อมูลระบุตัวตนของคุณ
- ผู้ให้บริการจะมอบ URL Metadata ให้กับคุณ ป้อน URL นี้ในช่อง URL Metadata ของผู้ให้ข้อมูลระบุตัวตน เมื่อป้อนแล้ว ระบบจะมีกรอกรายละเอียดการกำหนดค่า SAML โดยอัตโนมัติและยังแก้ไขไม่ได้ในขณะนี้
- คลิกที่เพิ่ม
การตั้งค่าการกำหนดค่าด้วยตนเอง
หากคุณใช้ผู้ให้บริการข้อมูลระบุตัวตนรายอื่นที่ไม่ใช่ Okta, OneLogin หรือ Azure คุณจะต้องป้อนข้อมูลการกำหนดค่าด้วยตนเอง
ผู้ให้บริการข้อมูลระบุตัวตนอาจมีชื่อเรียกสำหรับค่าบางค่าไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น การผสานการทำงาน SAML ของ Google จะใช้คำว่า ACS URL เมื่อพูดถึง URL สำหรับลงชื่อเข้าใช้ครั้งเดียว หากคุณพบข้อผิดพลาดขณะกําหนดค่าด้วยตนเอง ให้ติดต่อผู้ให้บริการข้อมูลระบุตัวตนเพื่อขอความช่วยเหลือ
ขั้นตอน:
- ในส่วน Shopify admin สำหรับองค์กรของคุณ ให้ไปที่ผู้ใช้≫ความปลอดภัย
- ในส่วนการกำหนดค่า SAML ให้คลิกกำหนดค่า
- คลิก “ดูการตั้งค่าการกำหนดค่า SAML”
-
คัดลอกค่าต่อไปนี้และส่งให้ผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัวของคุณพร้อมกับข้อมูลเพิ่มเติมที่ผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัวอาจร้องขอ
-
URL การลงชื่อเข้าใช้ครั้งเดียว:
https://accounts.shopify.com/saml/consume/organization/{organization ID}
แต่ละองค์กรมี ID เฉพาะตัว คัดลอกค่านี้จากรายการ URL การลงชื่อเข้าใช้ครั้งเดียว ในรายละเอียดการกําหนดค่า SAML -
URI กลุ่มเป้าหมาย (ID เอนทิตี้ SP):
https://accounts.shopify.com/saml_sp
-
รูปแบบ ID ชื่อ:
Persistent
-
ข้อความแอตทริบิวต์:
first_name
,last_name
,email
-
URL การลงชื่อเข้าใช้ครั้งเดียว:
ผู้ให้บริการจะมอบ URL Metadata ให้กับคุณ ป้อน URL นี้ในช่อง URL Metadata ของผู้ให้ข้อมูลระบุตัวตน เมื่อป้อน URL แล้ว ระบบจะกรอกรายละเอียดการกำหนดค่า SAML โดยอัตโนมัติและไม่สามารถแก้ไขได้เอง
คลิกที่เพิ่ม
ต้องมีการยืนยันตัวตน SAML
หลังจากที่คุณได้เพิ่มโดเมนและกำหนดค่าแล้ว ให้รอจนกว่าการตรวจสอบยืนยันจะเสร็จสิ้น เมื่อสถานะโดเมนเปลี่ยนเป็นยืนยันแล้ว คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าการยืนยันตัวตน SAML ได้
ข้อควรพิจารณาสำหรับการยืนยันตัวตน SAML
มีการตั้งค่า 3 อย่างสำหรับการยืนยันตัวตน SAML ได้แก่: “จำเป็น” “ผู้ใช้ที่ระบุ” และ “ปิด”
หากคุณเลือกผู้ใช้ที่เจาะจง คุณจะสามารถตั้งข้อกำหนดในการเข้าสู่ระบบที่เจาะจงสำหรับผู้ใช้ที่มี Shopify ID เชื่อมโยงกับโดเมนอีเมลที่ตั้งไว้จากหน้าผู้ใช้ ผู้ใช้ที่ไม่ได้กำหนดให้ดำเนินการยืนตันตัวตนด้วย SAML จะสามารถเข้าสู่ระบบได้ตามปกติ หากคุณเลือก “จำเป็น” ผู้ใช้ทั้งหมดที่มีโดเมนอีเมลที่คุณตั้งไว้ ต้องใช้การยืนตันตัวตนด้วย SAML เพื่อเข้าสู่ระบบ
การตั้งค่าแบบ “จำเป็น” จะแทนที่ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยรายบุคคลทั้งหมดสำหรับผู้ใช้ของคุณ หากมีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าในภายหลัง คุณก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าสำหรับผู้ใช้ด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น คุณตั้งค่าโดเมนของคุณเป็น “ผู้ใช้ที่ระบุ” รวมทั้งกำหนดให้มีผู้ใช้สามรายที่ต้องมีการยืนยันตัวตน SAML จากนั้นคุณได้ตั้งค่าการบังคับใช้ให้เป็น “จำเป็น” โดยกำหนดให้ผู้ใช้ทั้งหมดที่มี Shopify ID เชื่อมโยงกับโดเมนอีเมลที่ตั้งค่าเอาไว้ต้องใช้การยืนยันตัวตน SAML ต่อมาในภายหลังคุณได้ตั้งค่าการบังคับใช้กลับไปเป็น “ผู้ใช้ที่ระบุ” ผู้ใช้สามรายที่ก่อนหน้านี้จำเป็นต้องเข้าสู่ระบบโดยใช้การยืนยันตัวตน SAML ก็จะไม่อยู่ในกลุ่มที่มีการบังคับใช้อีกต่อไป และจะต้องตั้งค่าอีกครั้งในหน้ารายละเอียดผู้ใช้ของพวกเขา
การกำหนดให้ผู้ใช้ใช้การยืนยันตัวตน SAML จะเป็นการลบข้อกำหนดการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นที่มีอยู่ออก
สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์เดสก์ท็อป เซสชันการยืนยันตัวตน SAML จะมีระยะเวลาคงอยู่ 14 วันก่อนที่ระบบจะกำหนดให้ผู้ใช้ต้องเข้าสู่ระบบอีกครั้ง หากคุณลบผู้ใช้ออกจากแอปพลิเคชัน Shopify ในผู้ให้บริการข้อมูลระบุตัวตน ผู้ใช้รายดังกล่าวก็จะยังคงสามารถเข้าถึง Shopify ได้เป็นเวลาสูงสุด 14 วัน หากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงส่วนผู้ดูแลระบบขององค์กร ให้ลบสิทธิ์การเข้าถึงองค์กรของผู้ใช้ดังกล่าวในหน้าผู้ใช้ในส่วน Shopify admin สำหรับองค์กร
หากมีผู้ใช้บนอุปกรณ์มือถือหรือ POS เซสชันการยืนยันตัวตน SAML จะหมดอายุหลังจาก 14 วันหากบัญชีผู้ใช้ไม้ได้เปิดใช้งานหากบัญชีผู้ใช้ใช้งานอยู่ เซสชันจะต่ออายุโดยอัตโนมัติภายใน 14 วันหากคุณลบผู้ใช้ออกจากแอปพลิเคชัน Shopify ในผู้ให้บริการข้อมูลระบุตัวตน ผู้ใช้รายดังกล่าวก็จะยังคงสามารถเข้าถึง Shopify ได้เป็นเวลาสูงสุด 14 วันหากต้องการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงส่วนผู้ดูแลระบบขององค์กร ให้ลบสิทธิ์การเข้าถึงองค์กรของผู้ใช้ดังกล่าวในหน้าผู้ใช้ในส่วน Shopify admin สำหรับองค์กร
ต้องมีการยืนยันตัวตน SAML
ขั้นตอน:
- ในส่วน Shopify admin สำหรับองค์กรของคุณ ให้ไปที่ผู้ใช้≫ความปลอดภัย
- ในส่วนการยืนยันตัวตน SAML ให้คลิก “เปลี่ยนแปลงการตั้งค่า”
- เลือกการตั้งค่าการยืนยันตัวตน
- คลิกที่บันทึก
ลบการยืนยันตัวตน SAML
เมื่อตั้งค่าการยืนยันตัวตน SAML เป็น “ปิด” ผู้ใช้ทุกรายในองค์กรของคุณที่มี Shopify ID เชื่อมโยงกับโดเมนอีเมลที่ตั้งไว้นั้นจะสามารถเข้าสู่ระบบโดยใช้รหัสผ่านและอีเมลของตนเองได้
ขั้นตอน:
- ในส่วน Shopify admin สำหรับองค์กรของคุณ ให้ไปที่ผู้ใช้≫ความปลอดภัย
- ในส่วนการยืนยันตัวตน SAML ให้คลิก “เปลี่ยนแปลงการตั้งค่า”
- เลือกปิด
- คลิกที่บันทึก