การตั้งค่าภาษีตามตำแหน่งที่ตั้ง

การตั้งค่าภาษีจะอิงตามการจดทะเบียนภาษีสำหรับภูมิภาคดังต่อไปนี้

หากคุณไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเหล่านี้และคุณต้องเรียกเก็บภาษี ภาษีอาจมีผลบังคับใช้ในระดับประเทศหรือภูมิภาคก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีในพื้นที่ของคุณ

ตั้งค่าอัตราภาษีตามตำแหน่งที่ตั้ง

มีประเทศที่เรียกเก็บภาษีโดยอิงจากปลายทางของคำสั่งซื้อ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องเรียกเก็บภาษีการขายตามอัตราที่กำหนดไว้ในภูมิภาคที่มีการจัดส่งสินค้าของคุณ หากคุณไม่แน่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี

ก่อนที่คุณจะตั้งค่าภาษีโดยอิงจากปลายทาง ให้ตรวจสอบว่าคุณต้องเรียกเก็บภาษีการขายจากลูกค้าของคุณหรือไม่ และสินค้าของคุณต้องเสียภาษีหรือไม่ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าที่อยู่ของร้านค้าของคุณไม่ได้อยู่ในภูมิภาคที่ใช้ภาษีตามการจดทะเบียน และคุณได้ทำการตั้งค่าเขตการจัดส่งสำหรับประเทศปลายทางแล้ว

ขั้นตอน:

ข้อกำหนดเกี่ยวกับหมายเลขภาษีในแคนาดา

หากร้านค้าของคุณตั้งอยู่ในประเทศแคนาดา โดยทั่วไปแล้วคุณต้องลงทะเบียนบัญชี GST/HST หากข้อความทั้งสองประการดังต่อไปนี้เป็นจริง:

  • คุณขายหรือเช่าสินค้าหรือบริการที่ต้องเสียภาษี
  • คุณมีรายได้จากยอดขายที่ต้องเสียภาษีในแคนาดามากกว่า 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมาของปีปฏิทิน หรือมากกว่า 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงไตรมาสของปีปฏิทินปัจจุบัน

หากร้านค้าของคุณไม่ได้ตั้งอยู่ในแคนาดา โดยทั่วไปแล้วคุณต้องลงทะเบียนบัญชี GST/HST หากข้อความทั้งสองอย่างดังต่อไปนี้เป็นจริง:

  • คุณขายสินค้าหรือบริการที่ต้องเสียภาษีให้แก่ลูกค้าในแคนาดาและจัดการคำสั่งซื้อเหล่านั้นจากคลังสินค้าที่ตั้งอยู่ในแคนาดา
  • คุณมีรายได้จากยอดขายที่ต้องเสียภาษีในแคนาดามากกว่า 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

หากกรณีใดกรณีหนึ่งข้างต้นตรงกับคุณ คุณอาจต้องเก็บภาษีจากการขายและจ่ายภาษีเหล่านั้นให้กับหน่วยงานจัดเก็บภาษีที่เหมาะสม และยื่นรายงานต่อหน่วยงานด้านภาษีอย่างสม่ำเสมอ หากยอดขายของคุณต่ำกว่าขีดจำกัดคุณไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี GST/HST และไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บหรือชำระภาษี

ขั้นตอน

  1. ลงทะเบียนกับหน่วยงานสรรพากรของแคนาดาที่ https://www.canada.ca/en/services/taxes/gsthst.html
  2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
  3. ในส่วนภูมิภาคภาษี ให้คลิกที่ “แคนาดา
  4. คลิกที่ “เพิ่มหมายเลข GST/HST
  5. ในช่องหมายเลข GST/HST ให้ป้อนหมายเลขภาษีของคุณ หากคุณยื่นขอหมายเลขภาษีแล้วแต่ยังไม่ได้ ให้เว้นว่างช่องนี้ไว้ คุณสามารถอัปเดตข้อมูลดังกล่าวได้เมื่อได้รับหมายเลขภาษีแล้ว
  6. คลิก บันทึก

รวมภาษีในราคาสินค้า

ในบางประเทศเช่นสหราชอาณาจักรคุณจำเป็นต้องใส่ภาษีการขายในราคาที่แสดงสำหรับสินค้าแทบจะทุกประเภท

หากคุณเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ ระบบจะคำนวณภาษีโดยใช้สูตร ภาษี = (อัตราภาษี X ราคา) / (1 + อัตราภาษี) คุณและลูกค้าจะยังคงเห็นภาษีเป็นสินค้าเฉพาะรายการ แม้จะเห็นว่าไม่มีการเพิ่มภาษีใดๆ ยอดรวมย่อยและยอดสุทธิจะเหมือนกัน แต่ระบบจะระบุจำนวนภาษีที่คุณต้องชำระสำหรับคำสั่งซื้อไว้ด้วย

ขั้นตอน:

  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
  2. ตรวจสอบราคาทั้งหมดรวมภาษีแล้ว
  3. คลิก บันทึก
  4. ตัวเลือกเสริม: หากต้องการใช้อัตราภาษีในพื้นที่ของลูกค้า ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้:

    1. จากหน้าส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษี
    2. ในส่วนตลาดอื่นๆ ให้คลิก “การกำหนดลักษณะ
    3. เลือกการรวมหรือไม่รวมภาษีที่โดยอิงจากประเทศของลูกค้า
  5. คลิก บันทึก

หลังจากที่ตั้งค่าราคาของคุณให้รวมภาษีแล้ว โปรดเลือกเรียกเก็บค่าภาษีสำหรับสินค้ารายการนี้ในหน้าสินค้าเพื่อให้ภาษีดังกล่าวรวมอยู่ในราคาที่แสดง แล้วลูกค้าจะเห็นภาษีที่รวมอยู่ถัดจากยอดรวมในขั้นตอนการชำระเงิน

การกำหนดราคาของคุณเพื่อรวมภาษีจะไม่มีผลต่อการรายงานภาษีของคุณ

ตัวอย่างเช่น Maya และ Gabriel อาศัยอยู่ในภูมิภาคเดียวกันและทั้งสองมีร้านค้าออนไลน์ โดยภูมิภาคนี้มีอัตราภาษี 10% และอนุญาตให้เจ้าของธุรกิจเลือกได้ว่าจะรวมภาษีในราคาของพวกเขาหรือไม่

  • มารียาไม่ได้ตั้งราคาแบบรวมภาษี หากเธอวางขายสินค้าในราคา $100 ระบบจะคำนวณและคิดค่าภาษี $10 ทำให้ราคารวมอยู่ที่ $110 สูตรสำหรับการคำนวณนี้คือ ยอดรวม = ราคาที่วางขาย X (1 + อัตราภาษี):

  • กฤษณะตัดสินใจตั้งราคาแบบรวมภาษีทั้งหมดแล้ว หากต้องการให้ได้ราคาวางขายรวมหลังคิดภาษีอยู่ที่ $100 จะต้องใช้สูตรสำหรับรวมภาษีในการคำนวนส่วนที่เป็นภาษี สูตรสำหรับกรณีนี้คือ ภาษี = (อัตราภาษี X ราคา) / (1 + อัตราภาษี):

รวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ

หากคุณขายสินค้าระหว่างประเทศ คุณสามารถรวมหรือไม่รวมภาษีในราคาสินค้าโดยอิงจากที่อยู่ของลูกค้าได้ หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ลูกค้าในประเทศหรือภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักรจะเห็นราคารวมภาษีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในพื้นที่ของพวกเขา หรือไม่รวมภาษีในประเทศหรือภูมิภาคต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่ลูกค้าคาดว่าจะเห็นภาษีที่เพิ่มเข้ามาในขั้นตอนการซื้อสินค้า

หากคุณใช้การแทนที่ภาษีสินค้ากับสินค้าหรือคอลเลกชันสินค้าบางรายการ อัตรากําไรของคุณอาจได้รับผลกระทบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อควรพิจารณาในการรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ

ตัวอย่างเช่น กาเบรียลอาศัยอยู่ในภูมิภาคที่มีภาษี 10% และกำหนดราคาของเขาเป็นแบบรวมภาษี และขายให้แก่หลายภูมิภาคที่อยู่นอกภูมิภาคของตน เขาเปิดใช้งานการตั้งค่าการรวมหรือไม่รวมภาษีอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ เขาขายสินค้าราคา $100

  • ในภูมิภาคของเขา ต้นทุนสินค้าคือ $100 การใช้สูตร ภาษี = (อัตราภาษี X ราคา) / (1 + อัตราภาษี) ราคาในส่วนของสินค้าคือ $90.91 และส่วนที่เป็นภาษีคือ $9.09
  • ในภูมิภาคที่กาเบรียลไม่ต้องเสียภาษี ราคาของสินค้าในขั้นตอนการชำระเงินคือ $90.91 ซึ่งคือราคาเฉพาะส่วนของตัวสินค้า
  • ในภูมิภาคที่กาเบรียลจำเป็นต้องจ่ายภาษีที่อัตรา 20% ราคาของสินค้าในขั้นตอนการชำระเงินคือ $109.09 ราคานี้คำนวณโดยการใช้อัตราภาษีตามภูมิภาค 20% ของตัวสินค้า

ที่อยู่ร้านค้าของคุณอยู่ในส่วนผู้ดูแล Shopify จะใช้เพื่อระบุอัตราภาษีในหน้าแรกของคุณ ซึ่งจะหักออกจากราคารวมภาษีของคุณเมื่อคุณขายสินค้าไปยังประเทศหรือภูมิภาคที่รวมภาษีอื่นๆ การเปลี่ยนที่อยู่ร้านค้าของคุณในส่วนผู้ดูแลเป็นประเทศหรือภูมิภาคอื่นจะเป็นการเปลี่ยนอัตราภาษีในหน้าแรก

ข้อควรพิจารณาสำหรับการรวมหรือยกเว้นภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้า

ก่อนที่คุณจะเปิดใช้งานการรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ ให้ตรวจสอบข้อควรพิจารณาดังต่อไปนี้

  • การรวมหรือไม่รวมภาษีอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณจะไม่รองรับในกรณีดังต่อไปนี้:

    • ร้านค้าในแผน Shopify Plus ที่ใช้ Avalara AvaTax
    • ร้านค้าที่ใช้แอปจากภายนอกที่เสนอการแนะนำสินค้าที่ราคาขายหลังการซื้อสูงขึ้น
    • ระบบรองรับวิธีการชำระเงินแบบเร่งรัดเช่น Google Pay หรือ Apple Pay สำหรับผู้ขายที่ใช้ Shopify Payments เท่านั้น โดยระบบไม่รองรับวิธีการชำระเงินแบบเร่งรัดสำหรับผู้ขายที่ใช้ช่องทางการชำระเงินอื่นๆ
    • ปุ่มชำระเงินแบบไดนามิก ไม่รองรับการใช้งานแบบรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ หากคุณต้องการรวมหรือไม่รวมภาษีในราคาของคุณโดยอิงจากที่อยู่ของลูกค้าของคุณ ให้ปิดใช้งานปุ่มชำระเงินแบบไดนามิกของคุณ
  • ที่อยู่ร้านค้าของคุณเป็นตัวกำหนดอัตราภาษีในหน้าแรกของคุณ ซึ่งอาจส่งผลต่อการกำหนดภาษีเอง ตัวอย่างเช่น หากคุณมีภาษีที่กำหนดเองสำหรับสินค้าที่มีอัตราภาษี 10% แต่อัตราภาษีในหน้าแรกของร้านค้าของคุณสูงกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น อัตราภาษีในหน้าแรกที่สูงกว่าจะถูกหักออกจากสินค้าเหล่านี้เมื่อมีการจัดส่งระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตรากำไรของคุณ หากคุณต้องการป้องกันไม่ให้มีการจัดส่งสินค้าดังกล่าวไปยังต่างประเทศ ให้ใช้โปรไฟล์การจัดส่ง

  • อัตราภาษีในหน้าแรกของคุณจะใช้ในการคำนวณราคาในขั้นตอนการชำระเงิน ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ถูกต้องหากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งในการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจรในภูมิภาคที่มีอัตราภาษีต่างๆ

  • หลังจากที่คุณเปิดใช้งานการตั้งค่ารวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากการตั้งค่าประเทศของลูกค้า ราคาจะแสดงอย่างถูกต้องในขั้นตอนการชำระเงิน อย่างไรก็ตาม หน้าสินค้าหรือตะกร้าสินค้าจะไม่แสดงราคาอย่างถูกต้อง หากข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ไม่เป็นจริง:

    • คุณขายสินค้าในหลายสกุลเงินและใช้ Shopify Payments ในกรณีนี้ ระบบจะแสดงราคาอย่างถูกต้องในขั้นตอนการชำระเงิน บนหน้าสินค้า และในตะกร้าสินค้า
    • ลูกค้าซื้อสินค้าของตนโดยใช้ที่อยู่ที่อยู่ในภูมิภาคที่มีสิทธิ์ปรับเปลี่ยนราคา เปิดใช้คุกกี้ ยังไม่ได้ล้างแคชเบราว์เซอร์ของตน และไม่ได้เยี่ยมชมร้านค้าโดยใช้โหมดไม่ระบุตัวตน ในกรณีนี้ ระบบจะแสดงราคาอย่างถูกต้องในขั้นตอนการชำระเงิน บนหน้าสินค้า และในตะกร้าสินค้าเมื่อเข้าชมร้านค้าครั้งต่อๆ ไป

เปิดใช้การรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ

  1. ในหน้าส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ตลาด
  2. คลิกที่การกำหนดลักษณะ
  3. สลับ “รวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้า” เป็นเปิด

เรียกเก็บภาษีจากอัตราค่าจัดส่ง

ในบางภูมิภาคคุณจำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีสำหรับการจัดส่ง หากร้านค้าของคุณอยู่นอกแคนาดา สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อเรียกเก็บภาษีสำหรับอัตราค่าจัดส่งของคุณ

ขั้นตอน:

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้มีการคำนวนภาษีซ้ำ

หากตั้งค่าภาษีสำหรับประเทศและภูมิภาคย่อย คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ระบุว่ามีการเพิ่มหรือผนวกภาษีในท้องที่ไปยังภาษีของรัฐบาลกลางใดๆ หรือจะถูกนำไปใช้แทนที่ภาษีของรัฐบาลกลาง หากลูกค้าในประเทศหนึ่งถูกเรียกเก็บภาษีสองครั้ง นั่นหมายความว่าคุณอาจได้กำหนดให้เพิ่มค่าภาษีของภูมิภาคย่อยไปยังภาษีรวมสำหรับประเทศนั้นๆ

เช่น คุณมีสินค้าราคา $100.00 ลูกค้าซื้อสินค้าดังกล่าวในพื้นที่ที่มีอัตราภาษีของประเทศและภูมิภาคอยู่ที่ 10% ทั้งคู่

  • หากคุณเลือกเพิ่มไปยัง ประเทศและภูมิภาคทั้งหมดจะนำมาเรียกเก็บเงินและเพิ่มเข้าด้วยกัน ในกรณีนี้ จำนวนเงินภาษีของประเทศคือ $10.00 และภาษีในภูมิภาคคือ $10.00 ระบบจะเพิ่มสินค้าเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นยอดสุทธิ $120.00

  • หากเลือกแทน ระบบจะเรียกเก็บเงินภาษีในภูมิภาคและไม่เรียกเก็บภาษีของประเทศ ในกรณีนี้จะไม่มีภาษีของประเทศแต่มีภาษีในภูมิภาคอยู่ที่ $10.00 ราคารวมของสินค้าจะเป็น $110

  • หากเลือกรวมกับ ระบบจะวิเคราะห์จำนวนเงินภาษีสำหรับประเทศนั้นและเรียกเก็บภาษีในภูมิภาคจากยอดรวมดังกล่าว ในกรณีนี้ ภาษีของประเทศจะอยู่ที่ $10.00 จากนั้นจะนำภาษีในภูมิภาคไปรวมกับยอดรวม $110.00 ภาษีนี้จึงอยู่ที่ $11.00 และเมื่อรวมยอดสุทธิแล้ว ราคารวมของสินค้าจะเป็น $121.00

คุณสามารถตรวจสอบยืนยันหรือเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าภาษีของคุณสำหรับภูมิภาคได้

ขั้นตอน:

เปลี่ยนชื่อเริ่มต้นของภาษีมูลค่าเพิ่ม

สำหรับประเทศที่มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ชื่อเริ่มต้นที่กำหนดให้กับภาษีนั้นจะเป็น VAT คำเรียกย่อ VAT จะปรากฏในหน้าการชำระเงินของคุณ ใบเสร็จของลูกค้า และในส่วนรายละเอียดคำสั่งซื้อของคำสั่งซื้อ

หากคุณอยู่ในประเทศที่ใช้คำเรียกย่อภาษีที่แตกต่างกัน คุณสามารถเปลี่ยนชื่อดังกล่าวได้ที่หน้าภาษี ตัวอย่างเช่น ในหลายๆ ประเทศจะใช้ IVA แทนที่จะเป็น VAT คุณสามารถเปลี่ยนชื่อเรียกภาษีได้ก็ต่อเมื่อในส่วนผู้ดูแล Shopify มีการระบุชื่อภูมิภาคย่อยของประเทศนั้นๆ ไว้ในระบบเท่านั้น เช่นอิตาลีและสเปน คุณไม่สามารถเปลี่ยนชื่อได้หากไม่ได้รวม subregions เช่นสำหรับออสเตรียและนอร์เวย์

ขั้นตอน:

Brexit กับภาษีของสหราชอาณาจักร

  • คุณจำเป็นต้องลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักร หากต้องการขายสินค้าราคาเท่ากับหรือน้อยกว่า 135 ปอนด์สเตอร์ลิง โดยในกรณีนี้ จะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระบบขายหน้าร้าน และผู้ขายจะเป็นผู้โอนเงินภาษี
  • สำหรับการขายสินค้าราคามากกว่า 135 ปอนด์สเตอร์ลิง คุณอาจไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระบบขายหน้าร้าน โดยในกรณีนี้ ผู้นำเข้าจะเป็นผู้โอนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มและอากร ซึ่งคุณสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรจากลูกค้าของคุณในขณะที่ทำการขายได้หากคุณต้องการ จากนั้น ให้มอบเงินเหล่านี้แก่ผู้จัดส่งหรือผู้นำเข้าโดยใช้ใบจ่าหน้าสำหรับการจัดส่ง หรือคุณจะส่งคำสั่งซื้อโดยไม่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรก็ได้ และลูกค้าของคุณจะต้องชำระเงินเพิ่มเติมในขณะที่มีการส่งมอบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มและอากร

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit ต่อธุรกิจของคุณ

ข้อควรพิจารณาสำหรับการยกเว้นภาษีที่มีราคารวมภาษี

หากคุณรวมภาษีไปในราคาสินค้าของคุณ คุณจะไม่สามารถแสดงราคาที่ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับลูกค้าบางรายได้ เช่น การยกเว้น GST สำหรับลูกค้าที่อยู่นอกออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

หากคุณจำเป็นต้องยกเว้นภาษีให้แก่ลูกค้าบางราย ให้ลองใช้ตัวเลือกดังต่อไปนี้

  • ไม่ต้องรวมอัตราภาษีในราคาของคุณ
  • แก้ไขธีมของคุณให้แสดงราคาที่ได้รับการยกเว้นภาษีในร้านค้าของคุณ และใช้ Shopify Scripts ในการเรียกใช้งานการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 20% ในขั้นตอนการชำระเงิน

พร้อมเริ่มต้นการขายด้วย Shopify แล้วหรือยัง

ทดลองใช้งานฟรี