การตั้งค่าการยื่นอัตโนมัติด้วย Shopify Tax

ข้อควรระวัง

คู่มือนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ใช้แทนคำแนะนำด้านภาษีจากผู้เชี่ยวชาญ กฎหมายภาษีมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบบแสดงรายการภาษี คุณควรติดต่อหน่วยงานด้านภาษีในพื้นที่หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เนื่องจากเป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องปรึกษากับหน่วยงานด้านภาษีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณยื่นและชำระภาษีได้อย่างถูกต้อง

หลังจากตรวจสอบข้อควรพิจารณาในการยื่นอัตโนมัติแล้ว คุณสามารถเริ่มตั้งค่าการยื่นภาษีของคุณได้ หากต้องการเริ่มยื่นภาษีอัตโนมัติ คุณต้องป้อนรายละเอียดบัญชีของคุณให้เสร็จสิ้น และตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษีของรัฐ

กรอกรายละเอียดของบัญชีให้เสร็จสิ้น

พนักงานต้องมีสิทธิ์อนุญาตด้านภาษีและอากรและสิทธิ์อนุญาตทางการเงินอย่างน้อยหนึ่งสิทธิ์หากต้องการดำเนินการตามตัวเลือกใดๆ ต่อไปนี้

• เข้าถึงหน้าการยื่นอัตโนมัติ
• ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานสำหรับการแจ้งเตือนที่เกี่ยวข้องกับการยื่น
• ทำหน้าที่เป็นผู้ลงนามตามกฎหมายสำหรับเอกสารภาษีและเอกสารทางกฎหมายอื่นๆ

หากพนักงานที่ต้องการไม่สามารถดำเนินการใดๆ ตามตัวเลือกข้างต้นได้ ให้อัปเดตสิทธิ์อนุญาตของพวกเขาเพื่อให้มีสิทธิ์อนุญาตที่จําเป็น

หากต้องการยื่นแบบแสดงรายการภาษี ให้ตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์ในแต่ละรัฐที่คุณเก็บภาษีการขาย โดยจะต้องตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษีภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนที่จะถึงกําหนดการยื่นครั้งถัดไป หากคุณต้องการยื่นแบบรายไตรมาสหรือรายปี กําหนดเวลาจะเป็นวันที่ 20 ของเดือนที่ผ่านมาในระยะเวลาการขายนั้น

ขั้นตอนมีดังนี้

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้กรอกรายละเอียดบัญชีผู้ใช้ของคุณเสร็จสิ้นแล้วและตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณก่อนถึงกำหนดเวลายื่นแบบภาษี หากการตั้งค่าของคุณไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนวันครบกําหนดในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีครั้งถัดไปของคุณ ให้พิจารณายื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณด้วยตนเอง
2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การเงิน > การยื่นภาษี
3. คลิกเปิดใช้งาน

4. ระบุรายละเอียดบัญชีของคุณ:

   1. ตรวจสอบรายละเอียดธุรกิจของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกต้อง หากคุณจำเป็นต้องอัปเดตรายละเอียดธุรกิจของคุณ โปรดติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify
   2. เลือกวิธีการรับเงิน ระบบจะแชร์บัญชีนี้กับหน่วยงานด้านภาษีของรัฐที่เหมาะสมสำหรับการชำระเงินหรือการคืนเงินที่เกี่ยวข้องกับการแบบแสดงรายการภาษีของคุณ โดยรายชื่อบัญชีที่พร้อมใช้งานมาจากข้อมูลบัญชี Shopify Payments หรือ Shopify Balance ที่มีอยู่
   3. เลือกผู้ประสานงาน ผู้ประสานงานคือพนักงานที่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยื่นภาษี เช่น การแจ้งเตือนเกี่ยวกับช่วงเวลาตรวจสอบหรือปัญหาต่างๆ ที่ต้องแก้ไขเพื่อให้ยื่นได้ตรงเวลา โดยรายชื่อของพนักงานที่คุณสามารถเลือกเป็นผู้ประสานงานได้จะมาจากบัญชีของพนักงานในร้านค้าของคุณ
   4. เลือกผู้ลงนามตามกฎหมาย ผู้ลงนามตามกฎหมายคือพนักงานที่รับผิดชอบในการลงนามในเอกสารภาษีและเอกสารทางกฎหมายอื่นๆ โดยรายชื่อของพนักงานที่คุณสามารถเลือกเป็นผู้ลงนามตามกฎหมายได้จะมาจากบัญชีของพนักงานที่มีอยู่ในร้านค้าของคุณ

5. คลิกบันทึก

6. ตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไขในการใช้การยื่นอัตโนมัติอย่างละเอียด จากนั้นคลิกตกลง

หลังจากที่คุณตั้งค่าการยื่นภาษีอัตโนมัติแล้ว คุณสามารถตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษีสำหรับรัฐที่คุณต้องเสียภาษีได้

ตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษี

แบบแสดงรายการภาษีของรัฐส่วนใหญ่ถูกตั้งค่าโดยใช้ชุดขั้นตอนมาตรฐาน หากคุณจำเป็นต้องตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษีสำหรับรัฐต่อไปนี้ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่เฉพาะเจาะจงของรัฐเหล่านั้น

• แคลิฟอร์เนีย
• โคโลราโด
• แมริแลนด์
• นิวยอร์ก
• โรดไอแลนด์
• วอชิงตัน

ข้อควรระวัง

เมื่อคุณตั้งค่ายื่นแบบแสดงรายการภาษี โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่คุณป้อนตรงกับบัญชีของคุณกับสำนักงานสรรพากร (DOR) ที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีที่มีข้อมูลไม่ถูกต้องได้

หากต้องการยื่นแบบแสดงรายการภาษี คุณต้องตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์ในแต่ละรัฐที่คุณเก็บภาษีการขายและตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นสำหรับการยื่นโดยอัตโนมัติ โดยจะต้องตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษีภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนที่จะถึงกําหนดการยื่นครั้งถัดไป หากคุณต้องการยื่นแบบรายไตรมาสหรือรายปี กําหนดเวลาจะเป็นวันที่ 20 ของเดือนที่ผ่านมาในระยะเวลาการขายนั้น

ตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษีมาตรฐาน

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าของคุณจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นแบบภาษี หากการตั้งค่าของคุณไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนวันครบกําหนดในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีครั้งถัดไปของคุณ ให้พิจารณายื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณด้วยตนเอง
2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การเงิน > การยื่นภาษี
3. คลิกตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษี
4. เลือกรัฐ
5. ในส่วนแบบฟอร์ม ให้คลิกที่ตั้งค่าเพื่อเพิ่มรายละเอียดของแบบฟอร์มแล้วเลือกความถี่ในการยื่นของคุณ หากมีแบบฟอร์มให้เลือกหลายแบบและคุณไม่แน่ใจว่าควรใช้แบบฟอร์มใดในการยื่นภาษี โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ รวมถึงดูที่แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐเพื่อดูรายการแบบฟอร์มภาษีที่เรียงตามรัฐ
6. หากมีแบบฟอร์มมากกว่าหนึ่งรายการ ให้คลิกที่เพิ่มแบบฟอร์ม แล้วเลือกความถี่ในการยื่นของฟอร์มแต่ละรายการ
7. ในส่วน ID ภาษีการขาย ให้ป้อน ID ภาษีการขายของรัฐของคุณ โปรดดูที่ แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐ เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อที่แต่ละรัฐใช้เรียก ID
8. ในส่วนข้อมูลประจำตัวการเข้าสู่ระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่คุณใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีกับหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ
9. คลิกบันทึก

หลังจากตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นในพอร์ทัลการยื่นภาษีของรัฐเพื่อให้ Shopify เข้าถึงบัญชีผู้ใช้ของคุณอย่างปลอดภัย

ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นสำหรับการยื่นภาษีอัตโนมัติ

1. ในหน้าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้คัดลอกที่อยู่อีเมลในส่วนการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
2. เข้าสู่ระบบเว็บไซต์ภาษีของรัฐ
3. คลิกจัดการโปรไฟล์ของฉัน
4. คลิกโปรไฟล์
5. ในส่วนความปลอดภัย ให้คลิกเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
6. ในส่วน อีเมล ให้คลิก "เพิ่มอีเมล"
7. วางที่อยู่อีเมลที่ให้ไว้ในส่วนผู้ดูแล Shopify ลงในช่องอีเมล
8. คลิกบันทึก โดยการดำเนินการนี้จะสร้างรหัสความปลอดภัย ซึ่งส่งถึงคุณและผู้ติดต่อของคุณ
9. หลังจากที่คุณได้รับอีเมลพร้อมรหัสของคุณแล้ว ให้คัดลอกรหัสแล้ววางลงในช่องยืนยันรหัสความปลอดภัย
10. คลิกยืนยัน

หลังจากที่คุณตั้งค่ารัฐหนึ่งแล้ว คุณสามารถทำซ้ำขั้นตอนนี้ได้ตามต้องการเพื่อตั้งค่ารัฐเพิ่มเติมที่คุณเก็บภาษีการขาย

ตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าของคุณจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นแบบภาษี หากการตั้งค่าของคุณไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนวันครบกําหนดในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีครั้งถัดไปของคุณ ให้พิจารณายื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณด้วยตนเอง
2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การเงิน > การยื่นภาษี
3. คลิกตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษี
4. เลือกรัฐ
5. ในส่วนแบบฟอร์ม ให้คลิกที่ตั้งค่าเพื่อเพิ่มรายละเอียดของแบบฟอร์มแล้วเลือกความถี่ในการยื่นของคุณ หากมีแบบฟอร์มให้เลือกหลายแบบและคุณไม่แน่ใจว่าควรใช้แบบฟอร์มใดในการยื่นภาษี โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ รวมถึงดูที่แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐเพื่อดูรายการแบบฟอร์มภาษีที่เรียงตามรัฐ
6. หากมีแบบฟอร์มมากกว่าหนึ่งรายการ ให้คลิกที่เพิ่มแบบฟอร์ม แล้วเลือกความถี่ในการยื่นของฟอร์มแต่ละรายการ
7. ในส่วน ID ภาษีการขาย ให้ป้อน ID ภาษีการขายของรัฐของคุณ โปรดดูที่ แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐ เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อที่แต่ละรัฐใช้เรียก ID
8. ในส่วนข้อมูลประจำตัวการเข้าสู่ระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่คุณใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีกับหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ
9. คลิกบันทึก

หลังจากตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นในพอร์ทัลการยื่นภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อให้ Shopify เข้าถึงบัญชีของคุณได้อย่างปลอดภัย

ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นสำหรับการยื่นภาษีอัตโนมัติในรัฐแคลิฟอร์เนีย

1. ในหน้าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้คัดลอกที่อยู่อีเมลในส่วนการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
2. ไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากรของรัฐแคลิฟอร์เนียและเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณ
3. คลิกที่ไอคอนการตั้งค่า
4. ในส่วนการเข้าสู่ระบบ ให้คลิกแก้ไข
5. ในส่วนการยืนยันตัวตน ให้เลือกส่งข้อความหรืออีเมลจากเมนูดรอปดาวน์ประเภทการยืนยันตัวตน
6. ในช่องอีเมล ให้ป้อนที่อยู่อีเมลที่คุณคัดลอกมาจากส่วนผู้ดูแล Shopify
7. เพิ่มข้อมูลติดต่อของคุณในช่องประเทศ ผู้ขนส่งแบบไร้สาย และโทรศัพท์แบบไร้สาย
8. คลิกบันทึก

หลังจากที่คุณตั้งค่ารัฐหนึ่งแล้ว คุณสามารถทำซ้ำขั้นตอนนี้ได้ตามต้องการเพื่อตั้งค่ารัฐเพิ่มเติมที่คุณเก็บภาษีการขาย

ตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษีของรัฐโคโลราโด

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าของคุณจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นแบบภาษี หากการตั้งค่าของคุณไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนวันครบกําหนดในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีครั้งถัดไปของคุณ ให้พิจารณายื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณด้วยตนเอง
2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การเงิน > การยื่นภาษี
3. คลิกตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษี
4. เลือกรัฐ
5. ในส่วนแบบฟอร์ม ให้คลิกที่ตั้งค่าเพื่อเพิ่มรายละเอียดของแบบฟอร์มแล้วเลือกความถี่ในการยื่นของคุณ หากมีแบบฟอร์มให้เลือกหลายแบบและคุณไม่แน่ใจว่าควรใช้แบบฟอร์มใดในการยื่นภาษี โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ รวมถึงดูที่แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐเพื่อดูรายการแบบฟอร์มภาษีที่เรียงตามรัฐ
6. หากมีแบบฟอร์มมากกว่าหนึ่งรายการ ให้คลิกที่เพิ่มแบบฟอร์ม แล้วเลือกความถี่ในการยื่นของฟอร์มแต่ละรายการ
7. ในส่วน ID ภาษีการขาย ให้ป้อน ID ภาษีการขายของรัฐของคุณ โปรดดูที่ แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐ เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อที่แต่ละรัฐใช้เรียก ID
8. ในส่วนข้อมูลประจำตัวการเข้าสู่ระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่คุณใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีกับหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ
9. คลิกบันทึก

หลังจากตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นในพอร์ทัลการยื่นภาษีของรัฐโคโลราโด เพื่อให้ Shopify เข้าถึงบัญชีของคุณได้อย่างปลอดภัย

ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นสำหรับการยื่นภาษีอัตโนมัติในรัฐโคโลราโด

1. อนุญาตให้ Shopify Tax เข้าถึงบัญชีของคุณ:

   1. ในหน้าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้คัดลอกที่อยู่อีเมลในส่วนการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
   2. เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากรของโคโลราโดและเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณ
   3. คลิกจัดการโปรไฟล์ของฉัน
   4. ในส่วนความปลอดภัย ให้คลิก "เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น"
   5. ในส่วน อีเมล ให้คลิก "เพิ่มอีเมล"
   6. ป้อนที่อยู่อีเมลจากส่วนผู้ดูแล Shopify จากนั้นคลิก "บันทึก"
   7. ระบบจะส่งข้อความพร้อมรหัสความปลอดภัยไปยังที่อยู่อีเมลสำหรับจุดติดต่อ ให้คัดลอกรหัสความปลอดภัยนี้
   8. ป้อนรหัสความปลอดภัยในช่องตรวจสอบยืนยันรหัสความปลอดภัยในเว็บไซต์ Colorado DOR
   9. คลิกยืนยัน

2. ตั้งค่าตำแหน่งที่ตั้งของภาษีการขาย:

   1. เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากรของโคโลราโดและเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณ
   2. คลิกเพิ่มหรือปิดสถานที่จัดเก็บภาษีการขาย
   3. คลิกเพิ่มสถานที่แบบไม่มีตัวตน
   4. คลิกเลือกทั้งหมด
   5. คลิกส่ง

3. อัปโหลดไฟล์ TXT จากเว็บไซต์กรมสรรพากรของโคโลราโด

   1. จากเว็บไซต์ DOR ของโคโลราโด ไปที่ ภาษีการขายและภาษีโภคภัณฑ์
   2. คลิก ค้นหาอัตราภาษีขายและภาษีโภคภัณฑ์
   3. คลิก ดูอัตราค่าบริการตำแหน่งที่ตั้งธุรกิจ
   4. กรอกหมายเลขบัญชีโคโลราโดของคุณเพื่อดูรายการตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมด
   5. คลิก ส่งออก เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ .txt ลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ
   6. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ไปที่ส่วน การยื่นภาษี แล้วค้นหาการตั้งค่ารัฐโคโลราโดของคุณ
   7. คลิก เพิ่มไฟล์ จากนั้นเลือกไฟล์ .txt ที่คุณดาวน์โหลดไว้

4. คลิกบันทึก

หลังจากที่คุณตั้งค่ารัฐหนึ่งแล้ว คุณสามารถทำซ้ำขั้นตอนนี้ได้ตามต้องการเพื่อตั้งค่ารัฐเพิ่มเติมที่คุณเก็บภาษีการขาย

ตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐแมริแลนด์

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าของคุณจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นแบบภาษี หากการตั้งค่าของคุณไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนวันครบกําหนดในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีครั้งถัดไปของคุณ ให้พิจารณายื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณด้วยตนเอง
2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การเงิน > การยื่นภาษี
3. คลิกตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษี
4. เลือกรัฐ
5. ในส่วนแบบฟอร์ม ให้คลิกที่ตั้งค่าเพื่อเพิ่มรายละเอียดของแบบฟอร์มแล้วเลือกความถี่ในการยื่นของคุณ หากมีแบบฟอร์มให้เลือกหลายแบบและคุณไม่แน่ใจว่าควรใช้แบบฟอร์มใดในการยื่นภาษี โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ รวมถึงดูที่แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐเพื่อดูรายการแบบฟอร์มภาษีที่เรียงตามรัฐ
6. หากมีแบบฟอร์มมากกว่าหนึ่งรายการ ให้คลิกที่เพิ่มแบบฟอร์ม แล้วเลือกความถี่ในการยื่นของฟอร์มแต่ละรายการ
7. ในส่วน ID ภาษีการขาย ให้ป้อน ID ภาษีการขายของรัฐของคุณ โปรดดูที่ แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐ เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อที่แต่ละรัฐใช้เรียก ID
8. ในส่วนข้อมูลประจำตัวการเข้าสู่ระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่คุณใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีกับหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ
9. คลิกบันทึก

หลังจากตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นในพอร์ทัลการยื่นภาษีของรัฐแมริแลนด์ เพื่อให้ Shopify เข้าถึงบัญชีของคุณได้อย่างปลอดภัย

ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นสำหรับการยื่นภาษีอัตโนมัติในรัฐแมริแลนด์

1. ในหน้าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้คัดลอกที่อยู่อีเมลในส่วนการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
2. ไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากรของรัฐแมริแลนด์และเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณ
3. ในแถบการนําทาง ให้คลิกที่ข้อมูลโปรไฟล์
4. เลือกโปรไฟล์ผู้ใช้
5. ในส่วนข้อมูลติดต่อ ให้เพิ่มข้อมูลติดต่อของคุณในช่องเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในเวลาทำการ ส่วนขยาย และโทรศัพท์มือถือ
6. ในช่องอีเมลและยืนยันอีเมล ให้ป้อนที่อยู่อีเมลที่คุณคัดลอกมาจากส่วนผู้ดูแล Shopify
7. คลิกบันทึกโปรไฟล์

หลังจากที่คุณตั้งค่ารัฐหนึ่งแล้ว คุณสามารถทำซ้ำขั้นตอนนี้ได้ตามต้องการเพื่อตั้งค่ารัฐเพิ่มเติมที่คุณเก็บภาษีการขาย

ตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษีของรัฐนิวยอร์ก

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าของคุณจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นแบบภาษี หากการตั้งค่าของคุณไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนวันครบกําหนดในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีครั้งถัดไปของคุณ ให้พิจารณายื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณด้วยตนเอง
2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การเงิน > การยื่นภาษี
3. คลิกตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษี
4. เลือกรัฐ
5. ในส่วนแบบฟอร์ม ให้คลิกที่ตั้งค่าเพื่อเพิ่มรายละเอียดของแบบฟอร์มแล้วเลือกความถี่ในการยื่นของคุณ หากมีแบบฟอร์มให้เลือกหลายแบบและคุณไม่แน่ใจว่าควรใช้แบบฟอร์มใดในการยื่นภาษี โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ รวมถึงดูที่แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐเพื่อดูรายการแบบฟอร์มภาษีที่เรียงตามรัฐ
6. หากมีแบบฟอร์มมากกว่าหนึ่งรายการ ให้คลิกที่เพิ่มแบบฟอร์ม แล้วเลือกความถี่ในการยื่นของฟอร์มแต่ละรายการ
7. ในส่วน ID ภาษีการขาย ให้ป้อน ID ภาษีการขายของรัฐของคุณ โปรดดูที่ แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐ เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อที่แต่ละรัฐใช้เรียก ID
8. ในส่วนข้อมูลประจำตัวการเข้าสู่ระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่คุณใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีกับหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ
9. คลิกบันทึก

หลังจากตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นในพอร์ทัลการยื่นภาษีของรัฐนิวยอร์ก เพื่อให้ Shopify เข้าถึงบัญชีของคุณได้อย่างปลอดภัย

ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นสำหรับการยื่นภาษีอัตโนมัติในรัฐนิวยอร์ก

1. อนุญาตให้ Shopify Tax เข้าถึงบัญชีของคุณ:

   1. ในหน้าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้คัดลอกที่อยู่อีเมลในส่วนการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
   2. เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากรของรัฐนิวยอร์กและเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณ
   3. คลิกที่บริการ
   4. ในส่วนธุรกิจ ให้คลิกที่ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับผู้ใช้
   5. คลิก เพิ่มผู้ใช้
   6. แก้ไขส่วนข้อมูลผู้ใช้ให้เสร็จสิ้นโดยใช้ที่อยู่อีเมลที่คุณคัดลอกมาจากส่วนผู้ดูแล Shopify
   7. ในส่วนข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ให้สร้างชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านชั่วคราว
   8. ให้สิทธิ์อนุญาตของผู้ใช้โดยคลิกที่ใช่
   9. คลิกที่ใช่ จากนั้นเลือกช่องทำเครื่องหมายที่อยู่ถัดจากยื่นและชำระภาษีการขาย
   10. คลิกที่บันทึกและดำเนินการต่อ
   11. เลือกไม่จัดการผู้ใช้ จากนั้นคลิกที่บันทึกและดำเนินการต่อ
   12. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเพิ่มผู้ใช้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงออกจากระบบ

2. สร้างและแชร์ข้อมูลประจำตัวถาวรให้กับผู้ใช้ใหม่ดังนี้

   1. ไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากรของรัฐนิวยอร์กและเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณโดยใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านชั่วคราวอันใหม่
   2. สร้างคำถามรักษาความปลอดภัยสามข้อ จากนั้นคลิกที่บันทึกและดำเนินการต่อ
   3. สร้างรหัสผ่านใหม่
   4. คัดลอกชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านใหม่
   5. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านใหม่ในหน้าการตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีอัตโนมัติ

หลังจากที่คุณตั้งค่ารัฐหนึ่งแล้ว คุณสามารถทำซ้ำขั้นตอนนี้ได้ตามต้องการเพื่อตั้งค่ารัฐเพิ่มเติมที่คุณเก็บภาษีการขาย

ตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐโรดไอแลนด์

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าของคุณจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นแบบภาษี หากการตั้งค่าของคุณไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนวันครบกําหนดในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีครั้งถัดไปของคุณ ให้พิจารณายื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณด้วยตนเอง
2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การเงิน > การยื่นภาษี
3. คลิกตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษี
4. เลือกรัฐ
5. ในส่วนแบบฟอร์ม ให้คลิกที่ตั้งค่าเพื่อเพิ่มรายละเอียดของแบบฟอร์มแล้วเลือกความถี่ในการยื่นของคุณ หากมีแบบฟอร์มให้เลือกหลายแบบและคุณไม่แน่ใจว่าควรใช้แบบฟอร์มใดในการยื่นภาษี โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ รวมถึงดูที่แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐเพื่อดูรายการแบบฟอร์มภาษีที่เรียงตามรัฐ
6. หากมีแบบฟอร์มมากกว่าหนึ่งรายการ ให้คลิกที่เพิ่มแบบฟอร์ม แล้วเลือกความถี่ในการยื่นของฟอร์มแต่ละรายการ
7. ในส่วน ID ภาษีการขาย ให้ป้อน ID ภาษีการขายของรัฐของคุณ โปรดดูที่ แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐ เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อที่แต่ละรัฐใช้เรียก ID
8. ในส่วนข้อมูลประจำตัวการเข้าสู่ระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่คุณใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีกับหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ
9. คลิกบันทึก

หลังจากตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นในพอร์ทัลการยื่นภาษีของรัฐโรดไอแลนด์ เพื่อให้ Shopify เข้าถึงบัญชีของคุณได้อย่างปลอดภัย

ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นสำหรับการยื่นภาษีอัตโนมัติในรัฐโรดไอแลนด์

1. ในหน้าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้คัดลอกที่อยู่อีเมลในส่วนการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
2. เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากรของรัฐโรดไอแลนด์และเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณ
3. ในแถบการนําทาง ให้คลิกที่ข้อมูลโปรไฟล์
4. เลือกโปรไฟล์ผู้ใช้
5. ในส่วนข้อมูลติดต่อ ให้เพิ่มข้อมูลติดต่อของคุณในช่องเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในเวลาทำการ ส่วนขยาย และโทรศัพท์มือถือ
6. ในช่องอีเมลและยืนยันอีเมล ให้ป้อนที่อยู่อีเมลที่คุณคัดลอกมาจากส่วนผู้ดูแล Shopify
7. คลิกบันทึกโปรไฟล์

หลังจากที่คุณตั้งค่ารัฐหนึ่งแล้ว คุณสามารถทำซ้ำขั้นตอนนี้ได้ตามต้องการเพื่อตั้งค่ารัฐเพิ่มเติมที่คุณเก็บภาษีการขาย

ตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐวอชิงตัน

1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตั้งค่าของคุณจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นแบบภาษี หากการตั้งค่าของคุณไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 20 ของเดือนก่อนวันครบกําหนดในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีครั้งถัดไปของคุณ ให้พิจารณายื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณด้วยตนเอง
2. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การเงิน > การยื่นภาษี
3. คลิกตั้งค่าแบบแสดงรายการภาษี
4. เลือกรัฐ
5. ในส่วนแบบฟอร์ม ให้คลิกที่ตั้งค่าเพื่อเพิ่มรายละเอียดของแบบฟอร์มแล้วเลือกความถี่ในการยื่นของคุณ หากมีแบบฟอร์มให้เลือกหลายแบบและคุณไม่แน่ใจว่าควรใช้แบบฟอร์มใดในการยื่นภาษี โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ รวมถึงดูที่แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐเพื่อดูรายการแบบฟอร์มภาษีที่เรียงตามรัฐ
6. หากมีแบบฟอร์มมากกว่าหนึ่งรายการ ให้คลิกที่เพิ่มแบบฟอร์ม แล้วเลือกความถี่ในการยื่นของฟอร์มแต่ละรายการ
7. ในส่วน ID ภาษีการขาย ให้ป้อน ID ภาษีการขายของรัฐของคุณ โปรดดูที่ แบบฟอร์มและ ID ภาษีของรัฐ เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อที่แต่ละรัฐใช้เรียก ID
8. ในส่วนข้อมูลประจำตัวการเข้าสู่ระบบ ให้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่คุณใช้เพื่อเข้าถึงบัญชีกับหน่วยงานด้านภาษีของรัฐ
9. คลิกบันทึก

หลังจากตั้งค่าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของคุณแล้ว คุณจะต้องตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นในพอร์ทัลการยื่นภาษีของรัฐวอชิงตัน เพื่อให้ Shopify เข้าถึงบัญชีของคุณได้อย่างปลอดภัย

ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นสำหรับการยื่นภาษีอัตโนมัติในรัฐวอชิงตัน

1. ในหน้าการยื่นแบบแสดงรายการภาษีของรัฐในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้คัดลอกที่อยู่อีเมลในส่วนการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น
2. ไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากรของรัฐวอชิงตันและเข้าสู่ระบบบัญชีของคุณ
3. คลิกที่อัปเดตโปรไฟล์ SAW ของคุณ
4. คลิกโปรไฟล์
5. ในส่วนข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย ให้ป้อนที่อยู่อีเมลที่คุณคัดลอกมาจากส่วนผู้ดูแล Shopify ในช่องที่อยู่อีเมลเพิ่มเติม
6. ตัวเลือกเสริม: ป้อนหมายเลขโทรศัพท์ของคุณในช่องหมายเลขโทรศัพท์มือถือ
7. คลิก “อัปเดต”

หลังจากที่คุณตั้งค่ารัฐหนึ่งแล้ว คุณสามารถทำซ้ำขั้นตอนนี้ได้ตามต้องการเพื่อตั้งค่ารัฐเพิ่มเติมที่คุณเก็บภาษีการขาย