การแปลธีม

คุณสามารถเปิดใช้งานหลายภาษาได้จากส่วนผู้ดูแล Shopify เพื่อให้ลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกสามารถดูเนื้อหาในภาษาของตนได้

สำหรับธีมที่รองรับการจำหน่ายสินค้าในหลายภาษา คุณสามารถเปลี่ยนภาษาเริ่มต้นของธีมและเพิ่มภาษาอื่น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกภาษาที่ตนต้องการได้หากธีมของคุณไม่มีภาษาที่คุณต้องการ หรือหากคุณต้องการแก้ไขคำแปลเริ่มต้น คุณสามารถสร้างคำแปลด้วยตนเองได้

สร้างคำแปลสำหรับธีมของคุณ

คุณสามารถแปลและทำร้านค้าของคุณให้เป็นภาษาท้องถิ่นเพื่อเปลี่ยนภาษาของธีมของคุณ คุณสามารถเพิ่มการแปลของคุณเองได้โดยติดตั้งแอป Translate & Adapt ของ Shopify โดยใช้ไฟล์ส่งออก/นําเข้าสกุล CSV หรือใช้แอปจากผู้ให้บริการภายนอก

ประเภทเนื้อหาที่สามารถแปลได้

มีเนื้อหาพื้นฐานสามประเภทที่คุณอาจต้องการแปล:

คุณสามารถแปลข้อความแต่ละส่วนได้โดยป้อนคำแปลลงในช่องข้อความ

คุณไม่จำเป็นต้องแปลทุกช่องในธีมของคุณ ระบบจะบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณโดยอัตโนมัติและคุณสามารถหยุดได้ตลอดเวลา คุณสามารถเข้าถึงคำแปลที่มีอยู่ได้หากคุณต้องการทำการเปลี่ยนแปลง

หากคุณทิ้งช่องว่างไว้โดยไม่มีคำแปล ระบบจะใช้ภาษาที่เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับธีมนั้น

คุณสามารถแปลข้อความธรรมดาได้โดยตรง แต่คุณจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการแปลช่องข้อความที่มี HTML หรือ Liquid

แปลข้อความธรรมดา

สำหรับข้อความส่วนใหญ่ในร้านค้าออนไลน์ของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องใช้ HTML หรือ Liquid เมื่อคุณป้อนคำแปลของช่องข้อความธรรมดา คุณต้องแทนที่ข้อความนั้นด้วยข้อความที่เหมือนกันในอีกภาษาหนึ่ง

ช่องข้อความที่มี HTML

หากช่องข้อความมี HTML คุณก็จะเห็นเครื่องหมายวงเล็บเหลี่ยมหลายคู่ ( < > ) รอบๆ คำหรือวลี

คุณต้องเข้าใจวิธีการใช้ HTML ในช่องข้อความที่คุณกำลังแปล แม้ว่าคุณจะต้องคงเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม แต่อาจมีคำภาษาอังกฤษบางคำซึ่งอยู่ภายนอกวงเล็บเหลี่ยมที่คุณควรจะต้องแปล

ตามปกติจะมีการใช้ช่องข้อความที่มี HTML ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:

แปลชื่อลิงก์ HTML

ลิงก์ HTML ล้อมรอบด้วยแท็กที่ขึ้นต้นด้วย <a href= และลงท้ายด้วย </a>

คุณต้องแปลเฉพาะชื่อของลิงก์นั้น และห้ามแปลองค์ประกอบอื่นๆ ชื่อลิงก์เป็นเพียงส่วนเดียวของลิงก์ที่ลูกค้าของคุณจะเห็น

Continue browsing <a href="/collections/all">here</a>.

ในตัวอย่างนี้ คุณจะแทนที่คำว่า Continue, browsing และ here ด้วยคำแปลที่เหมาะสม

ไม่ต้องแปลที่อยู่ปลายทาง (หรือเรียกอีกอย่างว่าเป้าหมาย) ในลิงก์ ที่อยู่ปลายทางคือตำแหน่งที่ลูกค้าจะไปเมื่อคลิกที่ลิงก์ ที่อยู่ปลายทางจะปรากฏในเครื่องหมายอัญประกาศและชี้ไปยังที่อยู่เว็บที่เฉพาะเจาะจงเสมอ ในลิงก์ตัวอย่างนี้ ที่อยู่ปลายทางคือ /collections/all

แปลข้อความที่ใส่รูปแบบด้วย HTML

บางครั้งอาจมีการใช้ HTML เพื่อเน้นหรือใส่รูปแบบเพิ่มเติมให้คำหรือวลี หรือเพื่อแสดงสัญลักษณ์ คุณต้องแปลเฉพาะคำที่ใส่รูปแบบด้วย HTML และไม่แปลรหัสหรือแท็ก ลองดูตัวอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจเนื้อหาที่ต้องแปลและเนื้อหาที่คุณควรปล่อยไว้ดังเดิม

ตัวอย่างการใส่รูปแบบด้วย HTML

ในตัวอย่างต่อไปนี้ มีการใช้แท็ก <strong> เพื่อแสดงข้อความเป็นตัวหนา:

<strong>On Sale</strong>

ในกรณีนี้ คุณจะแปลเฉพาะคำว่า On Sale เท่านั้น

ในตัวอย่างต่อไปนี้ มีการใช้โค้ด HTML &larr; และ &rarr; เพื่อสร้างสัญลักษณ์ลูกศรซ้ายและขวา:

&larr; Previous Product
Next Product &rarr;

ในกรณีนี้ คุณจะแปลเฉพาะวลี Previous Product และ Next Product เท่านั้น

ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการใช้แท็ก HTML <strong> เพื่อแสดงชื่อไฟล์ collection-sidebar.liquid เป็นตัวหนา

Add a type to your products for this list to build itself. All lists are created
in <strong>collection-sidebar.liquid</strong>

ชื่อไฟล์นี้เป็นไฟล์เทมเพลต Liquid คุณควรแปลชื่อไฟล์เมื่อจำเป็นต้องให้ตรงกับชื่อไฟล์นั้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณได้สร้างไฟล์ของคุณเอง คุณอาจต้องเปลี่ยนชื่อไฟล์ใน HTML

ห้ามแปลแท็ก HTML หรือรหัสสัญลักษณ์ เนื่องจากองค์ประกอบเหล่านี้เป็นสิ่งที่เบราว์เซอร์ใช้ และจะไม่ปรากฏให้ลูกค้าของคุณเห็น

ช่องข้อความที่มี Liquid

ไม่ต้องแปลแท็ก อ็อบเจกต์ หรือตัวกรอง Liquid

Liquid เป็นภาษาเทมเพลตที่ควบคุมลักษณะของเว็บไซต์ของคุณในบริบทที่แตกต่างกัน จะมีการคลุมเนื้อหา Liquid ด้วยสัญลักษณ์ชุดใดชุดหนึ่งต่อไปนี้:

  • {{ and }}
  • {% and %}
  • {%- and -%}

ตัวอย่างเช่น

Posted on {{ date }}

ในตัวอย่างนี้ คุณจะแปลเฉพาะข้อความรอบ Liquid ไม่ใช่ {{ date }}

นี่คือตัวอย่างของช่องข้อความที่มีการผสมกันระหว่างข้อความธรรมดา, HTML และ Liquid:

<strong>{{ author }}</strong> on {{ date }}

แม้ว่าตัวอย่างนี้อาจดูซับซ้อน แต่ที่คุณจะต้องแปลมีเพียงส่วนเดียวคือคำว่า on

พร้อมเริ่มต้นการขายด้วย Shopify แล้วหรือยัง

ทดลองใช้งานฟรี