การเพิ่มป๊อปอัปไปยังหน้าสินค้าของคุณด้วยเมตาฟิลด์
เมตาฟิลด์ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งฟังก์ชันการใช้งานและรูปลักษณ์ของร้านค้า Shopify ของคุณได้โดยการช่วยให้คุณสามารถบันทึกข้อมูลเฉพาะที่มักจะไม่ได้จัดเก็บในส่วนผู้ดูแล Shopifyเมตาฟิลด์สามารถใช้ได้ภายในส่วนผู้ดูแล Shopify และคุณสามารถเลือกที่จะแสดงในร้านค้าออนไลน์ของคุณ
ด้วยเมตาฟิลด์ คุณสามารถเพิ่มการอ้างอิงหน้าไปยังบล็อกป๊อปอัปที่แสดงลิงก์บนหน้าสินค้าของคุณ เมื่อคลิกที่ลิงก์จะเปิดป๊อปอัปที่แสดงเนื้อหาในหน้าของคุณ คุณสามารถเพิ่มรูปภาพและสื่ออื่นๆ ได้โดยใช้เครื่องมือแก้ไข Rich Textในหน้าของคุณ
ต่อไปนี้คือตัวอย่างข้อมูลป๊อปอัปที่คุณสามารถเพิ่มไปยังหน้าสินค้าได้:
- ตารางขนาด
- คําแนะนําในการดูแล
- คําแนะนําในการประกอบ
- ข้อมูลเฉพาะของสินค้า
- คำถามที่พบบ่อย
นี่คือบทแนะนาการใช้งานแบบ 4 ขั้นตอนที่ใช้เมตาฟิลด์อ้างอิงหน้า การสร้างเมตาฟิลด์สินค้าเพื่อใช้ในการอ้างอิงหน้า การสร้างเทมเพลตหน้าสินค้าให้กับร้านค้าออนไลน์ของคุณ การเพิ่มหน้าใหม่ การอ้างอิงหน้าในสินค้าเฉพาะรายการ และใช้เทมเพลตหน้าสินค้ากับสินค้าเฉพาะรายการ
หากคุณมีธีม Online Store 2.0 คุณจะสามารถเชื่อมต่อเมตาฟิลด์ส่วนใหญ่เข้ากับธีมของคุณได้โดยการใช้ตัวแก้ไขธีม หากคุณใช้ธีมวินเทจ หรือหากคุณต้องการเพิ่มประเภทเมตาฟิลด์ที่ธีมของคุณไม่รองรับ คุณสามารถแก้ไขรหัสธีมของคุณหรือว่าจ้าง Shopify Partner ได้
ในหน้านี้
ขั้นตอนที่ 1: สร้างเมตาฟิลด์สินค้าสำหรับหน้า
ในการเริ่มต้น คุณต้องสร้างคำจำกัดความของเมตาฟิลด์อ้างอิงหน้าให้กับหน้าสินค้าของคุณ เมตาฟิลด์สินค้าจะเชื่อมโยงไปยังหน้าใดหน้าหนึ่งและสามารถปรับแต่งได้เองในแต่ละสินค้า หากคุณไม่ได้เพิ่มการอ้างอิงหน้าไปยังสินค้าที่ใช้เทมเพลตเดียวกัน ข้อความลิงก์ป๊อปอัปของคุณจะยังคงแสดงเหมือนกับว่ามีเนื้อหาอยู่ หากต้องการแสดงลิงก์ป๊อปอัปแค่ในสินค้าเฉพาะรายการ คุณสามารถสร้างเทมเพลตสินค้าและใช้กับสินค้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ด้วยเมตาฟิลด์อ้างอิงหน้า คุณสามารถแสดงข้อมูลสินค้าที่แตกต่างกันได้โดยสร้างหน้าต่างๆ ให้กับสินค้าประเภทต่างๆ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสร้างหน้าตารางขนาดที่แตกต่างกันสองหน้าให้กับกลุ่มอายุที่แตกต่างกันได้ เช่น ตารางขนาดของเด็กเล็กและตารางขนาดของทารก จากนั้นคุณสามารถเพิ่มเฉพาะสินค้าสำหรับเด็กเล็กได้
คุณต้องสร้างคำจำกัดความของเมตาฟิลด์การอ้างอิงหน้าเพื่อเชื่อมต่อกับบล็อกป๊อปอัปในตัวแก้ไขธีมของคุณ การเข้าถึงหน้าร้านจะถูกเลือกไว้ตามค่าเริ่มต้นเมื่อคุณสร้างคำจำกัดความเมตาฟิลด์ของคุณ
ขั้นตอน:
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > ข้อมูลแบบกำหนดเอง
- ในส่วนคำจำกัดความเมตาฟิลด์ ให้คลิก สินค้า
- คลิกที่ “เพิ่มคำจำกัดความ”
- ในช่องชื่อ ต้องให้ชื่อคำจำกัดความเมตาฟิลด์ ตัวอย่างเช่น หากคุณสร้างตารางขนาด คุณอาจต้องการให้ชื่อคำจำกัดความตารางขนาด
- คลิก ⊕ เลือกประเภท
- เลือกหน้าจากเมนูดรอปดาวน์ มีการเลือก หนึ่งหน้า ไว้เป็นค่าเริ่มต้น
- คลิกบันทึก
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ ... > การตั้งค่า
- แตะที่ ข้อมูลแบบปรับแต่งเอง
- ในส่วนคำจำกัดความเมตาฟิลด์ ให้แตะที่ สินค้า
- แตะ +
- การให้ชื่อคำจำกัดความ ตัวอย่างเช่น หากคุณสร้างตารางขนาด คุณอาจต้องการให้ชื่อคำจำกัดความตารางขนาด
- แตะ + เลือกประเภท
- แตะเพื่อเลือกหน้าจากเมนูดรอปดาวน์ มีการเลือก หนึ่งหน้า ไว้เป็นค่าเริ่มต้น
- แตะบันทึก
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ ☰ > การตั้งค่า
- แตะที่ ข้อมูลแบบปรับแต่งเอง
- ในส่วนคำจำกัดความเมตาฟิลด์ ให้แตะที่ สินค้า
- แตะ +
- การให้ชื่อคำจำกัดความ ตัวอย่างเช่น หากคุณสร้างตารางขนาด คุณอาจต้องการให้ชื่อคำจำกัดความตารางขนาด
- แตะ + เลือกประเภท
- แตะเพื่อเลือกหน้าจากเมนูดรอปดาวน์ มีการเลือก หนึ่งหน้า ไว้เป็นค่าเริ่มต้น
- แตะ ✓ เพื่อบันทึก
ขั้นตอนที่ 2: สร้างเทมเพลตหน้าสินค้าของคุณ
หากคุณมีธีม Online Store 2.0 คุณสามารถเชื่อมต่อการอ้างอิงหน้ากับธีมของคุณได้โดยใช้ตัวแก้ไขธีม หากคุณใช้ธีมวินเทจ หรือหากคุณต้องการเพิ่มประเภทเมตาฟิลด์ที่ธีมของคุณไม่รองรับ คุณสามารถแก้ไขรหัสธีมของคุณหรือว่าจ้าง Shopify Partner ได้
หลังจากที่คุณเพิ่มส่วนหรือบล็อกแล้ว คุณสามารถเลือกเมตาฟิลด์ได้โดยคลิกที่ไอคอนแหล่งที่มาแบบไดนามิก:
หากคุณไม่ต้องการเพิ่มบล็อกป๊อปอัปไปยังสินค้าของคุณทั้งหมด คุณอาจต้องสร้างเทมเพลตหน้าสินค้าใหม่ ในขั้นตอนการสร้างเทมเพลตหน้าสินค้าใหม่ ทว่าคุณยังสามารถเลือกเทมเพลตหน้าสินค้าที่มีอยู่เพื่อปรับแต่งแทนได้
ขั้นตอน:
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่ ร้านค้าออนไลน์ > ธีม
- คลิกปรับแต่งที่อยู่ถัดจากธีมที่คุณต้องการปรับแต่ง
- จากเมนูดรอปดาวน์ของหน้าแรกที่ด้านบนของเครื่องมือแก้ไข ให้คลิกที่สินค้า จากนั้นคลิก ⊕ สร้างเทมเพลตเพื่อสร้างและปรับแต่งเทมเพลตใหม่
- ในแถบด้านข้างการนำทาง "ส่วนต่างๆ" ให้ไปที่บล็อกเทมเพลต > ข้อมูลสินค้า จากนั้นคลิก ⊕ เพิ่มบล็อก
- คลิก ป๊อปอัป
- ป้อน ป้ายกำกับลิงก์ นี่คือข้อความที่แสดงให้ลูกค้าคลิกที่เนื้อหาในหน้าป๊อปอัป ตัวอย่างเช่น หากหน้าป๊อปอัปเป็นตารางขนาด คุณอาจต้องการให้ป้ายกำกับลิงก์เป็นตารางขนาด
- ถัดจากหน้า ให้คลิกไอคอนแหล่งที่มาแบบไดนามิก จากนั้นคลิกเลือกเมตาฟิลด์อ้างอิงหน้าที่คุณสร้าง
- คลิกบันทึก
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ ... > ร้านค้าออนไลน์
- แตะจัดการธีมทั้งหมด
- แตะที่ ปรับแต่ง ซึ่งอยู่ถัดจากธีมที่คุณต้องการปรับแต่ง
- จากเมนูดรอปดาวน์หน้าแรกที่ด้านบนของเครื่องมือแก้ไข ให้แตะที่ สินค้า จากนั้นแตะ ⊕ สร้างเทมเพลตเพื่อสร้างและปรับแต่งเทมเพลตใหม่
- ในแถบด้านข้างการนำทาง "ส่วนต่างๆ" ให้ไปที่บล็อกเทมเพลต > ข้อมูลสินค้า จากนั้นแตะ ⊕ เพิ่มบล็อก
- แตะ ป๊อปอัป
- ป้อน ป้ายกำกับลิงก์ นี่คือข้อความที่แสดงให้ลูกค้าคลิกที่เนื้อหาในหน้าป๊อปอัป ตัวอย่างเช่น หากหน้าป๊อปอัปเป็นตารางขนาด คุณอาจต้องการให้ป้ายกำกับลิงก์เป็นตารางขนาด
- ถัดจากหน้า ให้แตะไอคอนแหล่งที่มาแบบไดนามิก จากนั้นแตะเพื่อเลือกหน้าเมตาฟิลด์อ้างอิงที่คุณสร้างขึ้น
- แตะบันทึก
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ ☰ > ร้านค้าออนไลน์
- แตะจัดการธีมทั้งหมด
- แตะที่ ปรับแต่ง ซึ่งอยู่ถัดจากธีมที่คุณต้องการปรับแต่ง
- จากเมนูดรอปดาวน์หน้าแรกที่ด้านบนของเครื่องมือแก้ไข ให้แตะที่ สินค้า จากนั้นแตะ ⊕ สร้างเทมเพลตเพื่อสร้างและปรับแต่งเทมเพลตใหม่
- ในแถบด้านข้างการนำทาง "ส่วนต่างๆ" ให้ไปที่บล็อกเทมเพลต > ข้อมูลสินค้า จากนั้นแตะ ⊕ เพิ่มบล็อก
- แตะ ป๊อปอัป
- ป้อน ป้ายกำกับลิงก์ นี่คือข้อความที่แสดงให้ลูกค้าคลิกที่เนื้อหาในหน้าป๊อปอัป ตัวอย่างเช่น หากหน้าป๊อปอัปเป็นตารางขนาด คุณอาจต้องการให้ป้ายกำกับลิงก์เป็นตารางขนาด
- ถัดจากหน้า ให้แตะไอคอนแหล่งที่มาแบบไดนามิก จากนั้นแตะเพื่อเลือกหน้าเมตาฟิลด์อ้างอิงที่คุณสร้างขึ้น
- แตะ ✓ เพื่อบันทึกธีมของคุณ
ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มหน้าที่มีข้อมูลสินค้าของคุณ
คุณต้องสร้างหน้าที่มีเนื้อหาในการอ้างอิงเมตาฟิลด์ หากคุณได้สร้างหน้าแล้ว คุณสามารถข้ามไปยังขั้นตอนที่ 4 ได้
ขั้นตอน:
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่ ร้านค้าออนไลน์ > หน้า
- คลิกเพิ่มหน้า
- ตั้งชื่อหน้าของคุณและสร้างเนื้อหาที่คุณต้องการให้แสดงในป๊อปอัปบนหน้าสินค้าของคุณ
- ในส่วนการแสดงผล ให้ตั้งค่าหน้าว่า แสดง
- คลิกบันทึก
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ ... > ร้านค้าออนไลน์
- แตะหน้า
- แตะ "เพิ่มหน้า"
- ตั้งชื่อหน้าของคุณและสร้างเนื้อหาที่คุณต้องการให้แสดงในป๊อปอัปบนหน้าสินค้าของคุณ
- ในส่วนการแสดงผล ให้ตั้งค่าหน้าว่า แสดง
- แตะบันทึก
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ ☰ > ร้านค้าออนไลน์
- แตะหน้า
- แตะ "เพิ่มหน้า"
- ตั้งชื่อหน้าของคุณและสร้างเนื้อหาที่คุณต้องการให้แสดงในป๊อปอัปบนหน้าสินค้าของคุณ
- ในส่วนการแสดงผล ให้ตั้งค่าหน้าว่า แสดง
- แตะ ✓ เพื่อบันทึก
คุณสามารถสร้างหลายหน้าเพื่ออ้างอิงในเมตาฟิลด์ได้เท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณต้องการ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถลิงก์ได้เพียงหนึ่งหน้าในเมตาฟิลด์สินค้า
ขั้นตอนที่ 4: อ้างอิงหน้าและใช้เทมเพลตสินค้ากับสินค้าเฉพาะรายการ
เมื่อคุณเพิ่มการอ้างอิงหน้าไปยังสินค้าเฉพาะรายการ ข้อมูลจากหน้านั้นจะแสดงกับสินค้าดังกล่าวเท่านั้น หากคุณปล่อยให้การอ้างอิงหน้าว่างไว้ สำหรับสินค้าที่ใช้เทมเพลตสินค้านั้นข้อความลิงก์ก็จะยังคงแสดงเป็นลิงก์ อย่างไรก็ตาม ป๊อปอัปที่เว้นว่างไว้โดยไม่มีการอ้างอิงหน้า ก็อาจสร้างความสับสนให้แก่ลูกค้าของคุณได้ ในกรณีนี้ คุณสามารถใช้เทมเพลตหน้าสินค้าอื่นในประเภทสินค้าบางประเภทได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสร้างเทมเพลตสินค้าให้กับเสื้อผ้าที่มีหน้าตารางขนาดในบล็อกป๊อปอัปของคุณ จากนั้นคุณสามารถสร้างเทมเพลตสินค้าสำหรับกระเป๋าโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเพิ่มบล็อกป๊อปอัปอีก
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทมเพลต
ขั้นตอน:
- ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า
- คลิกสินค้าที่คุณต้องการเพิ่มการอ้างอิงหน้า
- ในส่วนเมตาฟิลด์สินค้า ให้คลิกเมตาฟิลด์อ้างอิงหน้าที่คุณสร้าง จากนั้นคลิก เลือกหน้า
- เลือกหน้าที่คุณสร้างจากเมนูดรอปดาวน์
- ในส่วนเทมเพลตธีม ให้เลือกเทมเพลตหน้าสินค้าที่คุณสร้างไว้ในขั้นตอนที่ 2
- คลิกบันทึก
- จากแอป Shopify ให้ไปที่สินค้า > สินค้าทั้งหมด
- แตะที่สินค้าที่คุณต้องการเพิ่มการอ้างอิงหน้า
- ในส่วนเมตาฟิลด์ ให้แตะดูทั้งหมด
- แตะที่เมตาฟิลด์อ้างอิงหน้าที่คุณสร้าง จากนั้นแตะเพื่อเลือกหน้าที่คุณสร้างไว้แล้ว
- ในส่วนเทมเพลตธีม ให้เลือกเทมเพลตหน้าสินค้าที่คุณสร้างไว้ในขั้นตอนที่ 2
- แตะบันทึก
- จากแอป Shopify ให้ไปที่สินค้า > สินค้าทั้งหมด
- แตะที่สินค้าที่คุณต้องการเพิ่มการอ้างอิงหน้า
- ในส่วนเมตาฟิลด์ ให้แตะดูทั้งหมด
- แตะที่เมตาฟิลด์อ้างอิงหน้าที่คุณสร้าง จากนั้นแตะเพื่อเลือกหน้าที่คุณสร้างไว้แล้ว
- ในส่วนเทมเพลตธีม ให้เลือกเทมเพลตหน้าสินค้าที่คุณสร้างไว้ในขั้นตอนที่ 2
- แตะ ✓ เพื่อบันทึก
คุณสามารถทําซ้ำขั้นตอนเหล่านี้กับสินค้าได้มากเท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณต้องการ