การตั้งค่าสินค้าคงคลังที่จัดการได้
สินค้าคงคลังที่จัดการได้ช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้การตั้งค่าการจัดส่งมีผลต่อความพร้อมจำหน่ายของสินค้าคงคลังสำหรับลูกค้าคุณอย่างไร โดยอิงตามตลาดและตำแหน่งที่ตั้งสำหรับการจัดส่งของลูกค้า สินค้าคงคลั งที่จัดส่งได้จะส่งผลต่อสินค้าและตัวเลือกสินค้าที่จะแสดงในสต็อกหรือหมดสต็อกในหน้าสินค้าของคุณ ระบบจะแสดงสินค้าคงคลังที่จัดการได้ที่หน้าร้านและในขั้นตอนการชำระเงินของคุณ
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถทำให้สินค้าคงคลังของคุณพร้อมจำหน่ายเฉพาะในตำแหน่งที่ตั้งที่จัดส่งไปยังเขตการจัดส่งของลูกค้าเท่านั้น การทำเช่นนี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้คุณขายสินค้าเกินจำนวนในตลาดต่างๆ และนอกเขตการจัดส่ง
ในหน้านี้
ข้อกำหนดในการใช้สินค้าคงคลังที่จัดการได้
ร้านค้าของคุณจำเป็นต้องมีโปรไฟล์การจัดส่งอย่างน้อยหนึ่งโปรไฟล์ที่มีกลุ่มเขตการจัดส่งที่มีต้นทางการจัดส่งที่แตกต่างกันอย่างน้อยสองกลุ่มหรือมากกว่า หรือมีตำแหน่งที่ตั้งอย่างน้อยหนึ่งแห่งที่มีการรับสินค้าที่ร้านหรือการจัดส่งในพื้นที่ ตัวอย่างเช่น คลังสินค้า A และ B คือต้นทางการจัดส่งในแคนาดา และคลังสินค้า C คือต้นทางการจัดส่งในสหรัฐอเมริกา
ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับการใช้สินค้าคงคลังที่จัดการได้
ก่อนที่คุณจะกําหนดค่าสินค้าคงคลังที่จัดการได้ โป รดตรวจสอบข้อควรพิจารณาดังต่อไปนี้
- หากร้านค้าของคุณไม่มีขั้นตอนการชำระเงินเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่ได้เปิดใช้งานความสามารถในการปรับขนาดการชำระเงินไว้ สินค้าคงคลังที่จัดการได้จะไม่แสดงในขั้นตอนการชำระเงินของคุณ หน้าร้านของคุณยังคงแสดงปริมาณที่จัดการได้ต่อตลาดและหน้าการชำระเงินของคุณจะยังคงใช้มูลค่าของสินค้าคงคลังทั่วโลกต่อไปในการกําหนดว่าสามารถทำการสั่งซื้อได้หรือไม่
- สินค้าคงคลังที่จัดการได้จะแสดงเฉพาะในคำสั่งซื้อที่ชำระเงินผ่านร้านค้าออนไลน์เท่านั้น การนำเข้าคำสั่งซื้อและ Shopify POS จะใช้มูลค่าของสินค้าคงคลังทั่วโลก แม้ว่าจะมีการเปิดใช้งานการตั้งค่าสินค้าคงคลังที่จัดการได้อยู่ก็ตาม
- ระบบจะไม่แสดงสินค้าคงคลังที่จัดการได้ในแอป Shop ทั้งนี้ แอป Shop จะแสดงจำนวนที่พร้อมจำหน่ายที่สต็อกไว้ในตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดต่อไป
- สินค้าคงคลังที่จัดการได้จะไม่แสดงในแอป Shopify POS แอป Shopify POS จะยังคงแสดงปริมาณที่พร้อมจำหน่ายซึ่งมีสต็อกอยู่ในทุกตำแหน่งที่ตั้ง
- ระบบจะไม่แสดงสินค้าคงคลังที่จัดการได้ในกระเป๋าเงินบางรายการ การชำระเงินแบบเร่งด่วนที่เริ่มจากหน้าตะกร้าสินค้าที่หน้าร้านของคุณจะยังคงแสดงปริมาณที่มีสต็อกในตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมด
- สินค้าคงคลังที่จัดการได้จะใช้กับชุดสินค้าในขั้นตอนการชำระเงินเท่านั้น หน้าร้านของคุณแสดงชุดสินค้าที่มีสต็อกในตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมด
การเลือกกา รตั้งค่าสินค้าคงคลังที่จัดการได้สำหรับธุรกิจของคุณ
การตั้งค่าสินค้าคงคลังที่จัดการได้จะมีอยู่ 2 แบบให้เลือก โดยคุณสามารถเลือกได้ที่หน้าการจัดส่งและการนำส่ง ตรวจสอบตารางต่อไปนี้เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าเหล่านี้
การตั้งค่า | คำอธิบาย | ความเข้ากันได้ |
---|---|---|
ขายสินค้าจากทุกที่ตั้งไปยังทุกเขตการจัดส่ง | ลูกค้าในเขตการจัดส่งใดๆ สามารถซื้อสินค้าที่มีสต็อกไว้ได้จากทุกตำแหน่งที่ตั้งของคุณ ตัวเลือกนี้จะช่วยให้สามารถขายสินค้าเกินจำนวนในตลาดและเขตการจัดส่งต่างๆ ได้ รวมถึงออกแบบมาเพื่อให้ระบบบันทึกการขายที่อาจขายได้ทุกรายการ | เหมาะที่สุดกับธุรกิจขนาดเล็กที่ใช้ตลาดเดียวหรือมีข้อกำหนดในการจัดส่งที่ไม่ยุ่งยาก นอกจากนี้ ยังเหมาะกับธุรกิจที่มีหลายตลาดซึ่งต้องการให้สามารถจัดส่งสินค้าจากตำแหน่งที่ตั้งใดๆ ไปยังทุกเขตการจัดส่งได้ |
ขายสินค้าเฉพาะในเขตการจัดส่งที่กําหนดค่าไว้เท่านั้น | ลูกค้าจะสามารถซื้อได้เฉพาะสินค้าที่มีในสต็อกในตำแหน่งที่ตั้งที่จัดส่งไปยังเขตการจัดส่งของตนเท่านั้น ตัวเลือกนี้ป้องกันไม่ให้มีการขายสินค้าเกินจำนวนในเขตการจัดส่งต่างๆ | การตั้งค่านี้เหมาะที่สุดกับธุรกิจที่มีเกณฑ์ดังต่อไปนี้
|
ตัวอย่าง: ขายสินค้าจากทุกตำแหน่งที่ตั้งไปยังทุกเขตการจั ดส่ง
ธุรกิจ Sally’s Soaps มีตำแหน่งที่ตั้ง 2 แห่งที่มีการติดตามสินค้าคงคลัง โดยมีหนึ่งตำแหน่งอยู่ในสหรัฐอเมริกา และอีกตำแหน่งหนึ่งอยู่ในแคนาดา แบรนด์ดังกล่าวสต็อกสินค้าแบบเดียวกันไว้ในทั้งสองตำแหน่ง โดยทั่วไปแล้ว แบรนด์จะไม่อยากจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่จะจัดส่งบ้างในบางโอกาสเพื่อทำยอด
ในสต็อกสินค้าที่สหรัฐอเมริกามีสบู่มะพร้าวซึ่งเป็นสินค้าซิกเนเจอร์ของแบรนด์ Sally's อยู่ 2 ก้อน แต่สต็อกสินค้าในแคนาดาไม่เหลือแล้ว ในกรณีนี้ลูกค้าในแคนาดาจะเห็นว่าสบู่ดังกล่าวมีสถานะเป็น “มีในสต็อก” และจะสามารถซื้อสบู่ที่เหลือ 2 ก้อนนั้นได้ โดยกำลังสั่งดังกล่าวจะถูกส่งไปยังตำแหน่งที่ตั้งในแคนาดา และสินค้าคงคลังจะมีจำนวนลดลงเป็น -2 หลังจากที่ลูกค้าทำการซื้อ ในตัวอย่างนี้ Sally’s Soaps ได้ให้ความสำคัญกับการซื้อแต่ละรายการมากกว่าที่จะปฏิบัติตามการกำหนดค่าเขตการจัดส่งอย่างเคร่งครัด
ตัวอย่าง: ขายสินค้าเฉพาะภายในเขตการจัดส่งที่กําหนดค่าไว้เท่านั้น
ธุรกิจ Sally’s Soaps มีตำแหน่งที่ตั้ง 2 แห่งที่มีการติดตามสินค้าคงคลัง โดยมีหนึ่งตำแหน่งอยู่ในสหรัฐอเมริกา และอีกตำแหน่งหนึ่งอยู่ในแคนาดา แบรนด์ดังกล่าวสต็อกสินค้าแบบเดียวกันไว้ในทั้งสองตำแหน่ง โดยทั่วไปแล้วพวกเขาไม่ต้องการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศ
ในสต็อกสินค้าที่สหรัฐอเมริกามีสบู่มะพร้าวซึ่งเป็นสินค้าซิกเนเจอร์ของแบรนด์ Sally's อยู่ 2 ก้อน แต่สต็อกสินค้าในแคนาดาไม่เหลือแล้ว ในกรณีนี้ เฉพาะลูกค้าที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่จะซื้อสบู่ที่เหลืออีก 2 ก้อนได้ ส่วนลูกค้าในแคนาดาจะเห็นว่าสินค้าดังกล่าวมีสถานะเป็น “หมดสต็อก” ในหน้าสินค้าและจะไม่สามารถซื้อสินค้ารายการดังกล่าวไ ด้ ในตัวอย่างนี้ Sally’s Soaps ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามการกําหนดค่าเขตการจัดส่งเป็นหลักแทนที่จะเป็นการขายสินค้าให้ได้มากที่สุด
กําหนดค่าสินค้าคงคลังที่จัดการได้ของคุณ
คุณสามารถกําหนดการตั้งค่าสินค้าคงคลังที่จัดการได้ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ
ขั้นตอนมีดังนี้
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การจัดส่งและส่งมอบ
ในส่วนการจัดส่ง ให้คลิกที่ลิงก์สินค้าคงคลังที่จัดการได้
-
เลือกวิธีกำหนดความพร้อมจำหน่ายของสินค้าคงคลังในตำแหน่งที่ตั้งการจัดส่งของคุณ
- หากต้องการทำให้สินค้าคงคลังพร้อมจำหน่ายจากทุกตำแหน่งที่ตั้งไปยังเขตการจัดส่งใดๆ ให้เลือกขายสินค้าจากทุกตำแหน่งที่ตั้งไปยังทุกเขตการจัดส่ง
- หากต้องการทำให้สินค้าคงคลังพร้อมจำหน่ายจากตำแหน่งที่ตั้งซึ่งจัดส่งไปยังเขตการจัดส่งของตำแหน่งนั้นๆ ให้เลือกขายสินค้าเฉพาะภายในเขตการจัดส่งที่กําหนดค่าไว้เท่านั้น
คลิกบันทึก