วิธีจัดการคุณสมบัติสำหรับโปรแกรมแอปที่รับรองโดย Shopify Plus

เพื่อรักษามาตรฐานด้านคุณภาพให้อยู่ในระดับสูง เราจึงจะใช้ข้อกำหนดต่อไปนี้ในการตรวจสอบแอปที่สมัครเข้าร่วมโปรแกรมแอปที่รับรองโดย Shopify Plus ข้อกำหนดเหล่านี้จะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญหลายประเด็น ได้แก่ ประโยชน์ที่ได้รับการพิสูจน์ โครงสร้างพื้นฐานและประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และการช่วยเหลือสำหรับผู้ขาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ขายของ Shopify Plus ตลอดช่วงการใช้งานของแอป ตั้งแต่การทำรายการสินค้าและการติดตั้ง ไปจนถึงการเริ่มต้นใช้งาน ฟังก์ชันการใช้งาน ความปลอดภัย และคุณภาพ

แม้ว่าคุณสมบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้จะไม่อาจรับประกันได้ว่าคุณจะได้รับการตอบรับเข้าร่วมโปรแกรม แต่คุณสมบัติดังกล่าวจะเป็นมาตรฐานที่พาร์ทเนอร์ของแอป Shopify Plus ทั้งหมดจะต้องคำนึงถึงในตลอดการเข้าร่วมโปรแกรม โดยทั่วไปแล้ว จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพาร์ทเนอร์ของแอปที่จะมีความรู้พื้นฐานที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับ Shopify Plus รวมถึงบันทึกที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับผู้ขาย Shopify Plus จำนวนมาก

ข้อกำหนดการรับรองแอป Shopify Plus จะมีผลบังคับใช้โดยแยกต่างหากจากข้อกำหนดของ Shopify App Store

หมายเหตุ: ข้อกำหนดเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากมีการปรับปรุงโปรแกรมแอปที่รับรองโดย Shopify Plus และแพลตฟอร์มสำหรับผู้พัฒนา เมื่อเพิ่มข้อกำหนดเพิ่มเติมใดๆ พาร์ทเนอร์ก็ควรจะอัปเดตแอปของพวกเขาเพื่อให้รักษาความสอดคล้องกับข้อกำหนดเหล่านั้นภายในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยทีมโปรแกรมแอปที่รับรองโดย Shopify Plus สามารถปฏิเสธหรือลบแอปที่เข้าร่วมออกได้ตามดุลยพินิจของตน

1. ข้อกำหนดทั่วไปที่พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์

ข้อกำหนดในส่วนนี้จะมีผลบังคับใช้กับแอปทั้งหมดที่สมัครเข้าร่วมโปรแกรมแอปที่รับรองโดย Shopify Plus ตรวจสอบเนื้อหาแต่ละส่วนให้ละเอียดก่อนส่งใบสมัครของคุณ

1.1 รายการร้านค้า Shopify App

แอปจะต้องมีชื่ออยู่ในรายการบน Shopify App Store และต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดที่ระบุไว้ในเอกสารสำหรับผู้พัฒนา

รายการแอปเป็นข้อมูลติดต่อกับผู้ขายในขั้นแรก และเป็นแหล่งข้อมูลที่พวกเขาจะดูว่าแอปของคุณเป็นแอปที่ใช่สำหรับพวกเขาหรือไม่ และเช่นเดียวกับเพจของคุณในไดเรกทอรี Shopify Plus App รายการของแอปของคุณใน Shopify App Store เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่มีประโยชน์ที่สุดของคุณ รายการแอปที่มีประสิทธิภาพจะกระตุ้นให้ผู้ขายของ Shopify สนใจลองใช้แอปด้วยตนเองหรือติดต่อทีมของคุณเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม รายการแอปของคุณควรมีความชัดเจน กระชับ และเกี่ยวข้องกับผู้ขายที่สนใจ

รายการแอปที่เผยแพร่ในปัจจุบันทั้งหมดควรได้รับการอัปเดตข้อมูลฟีเจอร์สินค้าและข้อมูลความช่วยเหลือให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

1.2 การให้คะแนนและรีวิว

ความคิดเห็นเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความไว้วางใจกับผู้ขาย โดย Shopify นำเอาการให้คะแนนของแอปและรีวิวจากหลากหลายแหล่งที่มามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความคิดเห็นและความพึงพอใจของผู้ขาย เมื่อผู้ขายรีวิวแอปของคุณ พวกเขาก็จะต้องให้คะแนนจาก 1-5 และแสดงความคิดเห็น หากต้องการรีวิว ผู้ขายจะต้องติดตั้งแอปของคุณไปยังร้านค้าของพวกเขาเสียก่อน โดยหลังจากที่ผู้ขายถอนการติดตั้งแอป พวกเขามี 45 วันเพื่อเขียนรีวิวก่อนจะหมดสิทธิ์

พาร์ทเนอร์แอปที่ผ่านการรับรองโดย Shopify Plus ทุกรายต้องรักษาคะแนนของแอปให้มากกว่า 4.0 อยู่เสมอเมื่อได้รับการรีวิวไม่ต่ำกว่า 20 รีวิว

แอปใหม่หรือแอปนอกรายการใดๆ จะได้รับการตรวจสอบแยกต่างหากโดยทีมพาร์ทเนอร์แอป Shopify Plus

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการการรีวิวของแอป ให้ไปที่การจัดการรีวิวของแอป

2. ข้อกำหนดของโซลูชัน

ในฐานะแอปที่ได้รับการรับรองโดย Plus การผสานการทำงานของคุณกับ Shopify จะต้องแก้ปัญหาให้กับผู้ขายของ Plus และสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่มีอยู่เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขายของ Plus

2.1 การกำหนดเวอร์ชัน

ในฐานะที่เป็นพาร์ทเนอร์ที่ได้รับการรับรอง คุณจะต้องเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและระบบนิเวศ แอปของคุณควรใช้เวอร์ชันสองเวอร์ชันล่าสุดในการสร้าง และคุณจะต้องมีวิธีการย้ายเวอร์ชัน API สำหรับการผสานการทำงานของคุณที่ชัดเจน

2.2 การใช้งาน API

หากการผสานการทำงานของคุณโต้ตอบกับส่วนหน้าหรือธีมของผู้ขายใน Shopify โดยตรง (เฉพาะแอปหน้าร้านเท่านั้น) คุณต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการออกแบบและสินค้าล่าสุดของ Shopify คุณต้องมีแผนการใช้งาน API (สำหรับแอปทั้งหมด) เพื่อหลีกเลี่ยงการควบคุมขีดจำกัดอัตรา และหากจะให้ดีที่สุด คุณควรจะต้องรองรับหรือวางแผนที่จะรองรับ Graph QL และ Bulk API ด้วย

2.3 Checkout Extensibility

หากในขณะนี้คุณมีฟีเจอร์ที่แก้ไขการชำระเงินผ่าน checkout.liquid ได้ แอปของคุณต้องได้รับการอัปเกรดหรือสามารถรองรับ Checkout Extensibility ได้

2.4 ความเข้ากันได้ของฟีเจอร์ Plus

การผสานการทำงานของคุณต้องเข้ากันได้กับฟีเจอร์สำคัญของ Shopify Plus เช่น B2B, Markets/Markets Pro และ Flow

3. ข้อกำหนดในการให้ความช่วยเหลือ

การให้ความช่วยเหลือในเวลาที่เหมาะสม มีความเชี่ยวชาญ และเป็นที่พึงพอใจนับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ขายของ Shopify Plus

3.1 การตอบสนองต่อการขอรับความช่วยเหลือ

พาร์ทเนอร์ของแอป Shopify Plus ที่ได้รับการรับรองทั้งหมดดำเนินการดังต่อไปนี้

  • ตอบกลับคำขอรับความช่วยเหลือที่สำคัญเร่งด่วนภายใน 30 นาทีแรก คำขอรับความช่วยเหลือที่สำคัญเร่งด่วน ได้แก่ การที่การบริการขาดหายในวงกว้าง (ลูกค้าหลายราย) และการรายงานความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากลูกค้า วิธีการสื่อสารที่ใช้ได้คือโดยการโทรศัพท์, SMS, อีเมล และการสื่อสารผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ
  • ตอบสนองต่อประเด็นที่มีความสำคัญสูงภายใน 12 ชั่วโมง คำขอความช่วยเหลือที่มีความสำคัญสูงได้แก่ การที่ผู้ใช้หลายคนไม่สามารถเข้าถึงสินค้าได้ (ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้หลายคนไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้) และคำขอที่คล้ายกันอื่นๆ วิธีการสื่อสารที่ใช้ได้คือโดยการโทรศัพท์, SMS, อีเมล และการสื่อสารผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ
  • ตอบกลับคำขอความช่วยเหลือที่สำคัญน้อยลงมาภายใน 3 วันผ่านทางโทรศัพท์, SMS, อีเมล หรือการสื่อสารผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ
  • ให้บริการความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงที่ให้บริการได้ทั่วโลก โดยสามารถติดต่อได้ผ่านโทรศัพท์ แชท และอีเมลเพื่อขอความช่วยเหลือ
  • แจ้งหมายเลขติดต่อผู้พัฒนาฉุกเฉินที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีรายชื่อผู้ติดต่อที่จะสามารถรับคำขอฉุกเฉินได้ทันที

ข้อมูลติดต่อฝ่ายช่วยเหลือและเนื้อหาของคุณควรจะค้นหาได้อย่างง่ายดาย และควรมีคำแนะนำที่ชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับวิธีการผสานการทำงานของแอปของคุณเข้ากับ Shopify หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนเอกสารความช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ โปรดดูที่เอกสารช่วยเหลือ

3.2 การอัปเดตสถานะของระบบ

การมอบการอัปเดตสถานะที่ง่ายต่อการค้นหาให้แก่ผู้ขายช่วยให้ผู้ขายทราบว่าแอปของคุณทำงานอย่างที่ต้องการหรือไม่ พาร์ทเนอร์ของแอปที่รับรองโดย Shopify Plus ทั้งหมดจะต้องให้บริการต่อไปนี้แก่ผู้ขาย:

  • แดชบอร์ดหรือหน้าสถานะที่แสดงว่าระบบของคุณทำงานตามที่คาดไว้พบปัญหาหรือไม่
  • ทีมรับสายโทรศัพท์และการแผนการดูแลประเด็นปัญหาที่จะจัดการการหยุดชะงักของระบบ
  • กระบวนการที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพื่อให้ลูกค้าทราบถึงการหยุดทำงานที่วางแผนไว้

เราขอแนะนำให้พาร์ทเนอร์ของแอปที่ได้รับการรับรองจาก Shopify Plus สร้างหน้าแสดงสถานะที่มีบริการดังต่อไปนี้: statuspage.io หรือ sorryapp.com

4. ข้อกำหนดในการคุ้มครองข้อมูล

เนื่องจากผู้ขายของ Shopify Plus มักจะต้องรับมือกับข้อมูลลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ Shopify และพาร์ทเนอร์ของแอปที่ได้รับการรับรองโดย Plus ต้องมีมาตรฐานการดูแลสำหรับการประมวลผล การจัดการ และการเก็บข้อมูลในระดับสูง

4.1 ข้อมูลลูกค้า

หากคุณประมวลผลข้อมูลลูกค้าที่ได้รับการคุ้มครอง คุณต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการคุ้มครองข้อมูลของ Shopify ทั้งหมด และคุณต้องมีนโยบายความเป็นส่วนตัว และ/หรือข้อตกลงว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล

4.2 GDPR, CCPA, CPRA

หากคุณร่วมงานกับผู้ขายของ Plus ที่ต้องปฏิบัติตาม GDPR, CCPA หรือ CPRA คุณจะต้องสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ โปรดดู dev docs ของเราที่ได้มีการสรุปแนวทางอย่างละเอียดไว้ที่นี่:

4.3 การยืนยันตัวตนแบบหลายชั้น (MFA)

บริษัทของคุณต้องบังคับใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายชั้นกับพนักงานที่มีสิทธิ์เข้าถึงหรือใช้งานระบบที่มีข้อมูลลูกค้า

4.4 ความปลอดภัย

บริษัทของคุณต้องประเมินความปลอดภัยของแอปอย่างน้อยปีละครั้ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเพียงการประเมินช่องโหว่ การทดสอบการเจาะระบบ

5 ข้อกำหนดของโครงสร้างพื้นฐาน ความน่าเชื่อถือ และประสิทธิภาพ

ในการทำให้แอปประสบความสำเร็จ คุณควรเสนอประสบการณ์การใช้งานที่ต่อเนื่องและในแง่บวกให้แก่ผู้ขายของ Shopify Plus ที่เป็นผู้ใช้งาน โดยคุณภาพการผสานการทำงานของแอปใน Shopify ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาระหว่างขั้นตอนการสมัครใช้งาน

5.1 โครงสร้างพื้นฐานที่น่าเชื่อถือ

เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้พาร์ทเนอร์แอป Shopify Plus ผ่านการรับรองทั้งหมดใช้บริการของหนึ่งในผู้ให้บริการ cloud ที่เชื่อถือได้ต่อไปนี้:

  • AWS
  • Azure
  • แพลตฟอร์มของ Google Cloud

หากพาร์ทเนอร์คนนั้นไม่ได้ใช้งานหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ระบุไว้ข้างต้น นั่นหมายความว่าพวกเขาตระหนักว่าพวกเขามีโครงสร้างพื้นฐานที่มีความปลอดภัยทางอุปกรณ์ ระบบการสำรองการทำงาน และการรับมือกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมภายนอกที่พร้อมใช้งานอยู่แล้ว

5.2 การทดสอบโหลด

แอปพลิเคชันจำเป็นต้องได้รับการทดสอบเพื่อดูการตอบสนองในแง่ของเสถียรภาพและประสิทธิภาพการทำงานของตน (ตัวอย่างเช่น การดูว่าแอปพลิเคชันช่วยผู้ขายจัดการกับงานในปริมาณมากได้ดีเพียงใด) พาร์ทเนอร์ของแอป Shopify Plus ที่ได้รับการรับรองทั้งหมดควรให้ข้อมูลดังต่อไปนี้

  • ข้อมูลสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาทดสอบการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขาไม่ว่าการทดสอบนี้จะมีอยู่ในกระบวนการพัฒนาหรือไม่ก็ตาม ซึ่งควรจะระบุประเภทของการทำงานที่พาร์ทเนอร์ใช้ในการทดสอบและเครื่องมือที่พวกเขาใช้ในการทดสอบการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานด้วย
  • เวลาการทำงานโดยเฉลี่ยของ < 400 มิลลิวินาที

5.3 ช่วงเวลาให้บริการ

พาร์ทเนอร์ของแอป Shopify Plus ที่ได้รับการรับรองทั้งหมดต้องมีวัตถุประสงค์ด้านระดับช่วงเวลาให้บริการ (SLO) อยู่ที่ 99.9%

5.4 มาตรฐานของแอปที่ติดตั้งภายใน

หากคุณต้องการฝังแอปของคุณในส่วนผู้ดูแล Shopify คุณต้องใช้หรือโอนย้ายแอปไปยัง Shopify App Bridge 2.0 แทนที่จะใช้ App Bridge 1.0 หรือ SDK ของแอปที่ติดตั้งภายในซึ่งเลิกใช้แล้วเพื่อฝังแอปของคุณ

5.5 ความเร็วหน้าร้าน

หากแอปของคุณ (เฉพาะแอปหน้าร้านเท่านั้น) มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อความเร็วร้านค้าของผู้ขาย การผสานการทำงานของคุณจะต้องไม่ลดคะแนนประสิทธิภาพของ Lighthouse ของร้านค้ามากกว่า 10 คะแนนอย่างมีนัยสำคัญ

6. ข้อกำหนดทางกฎหมายและการปฏิบัติตามกฎ

การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวถือเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจที่ประกอบการบนเว็บไซต์เนื่องจากแอปออนไลน์สามารถถูกเปิดเผยข้อมูลหรือบุกรุกได้จากหลายวิธี พาร์ทเนอร์ Shopify ทั้งหมดจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปพลิเคชันของพวกเขามีความปลอดภัยเพียงพอที่ผู้ขายที่ใช้บริการของพวกเขาจะไม่ได้รับความเสี่ยงใดๆ

6.1 ข้อกำหนดในการใช้บริการ

พาร์ทเนอร์ของแอปที่ Shopify Plus รับรองทั้งหมดควรมีข้อกำหนดในการใช้บริการเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงที่เชื่อมโยงกับ Shopify App Store และรายการไดเรกทอรีแอปของ Shopify Plus ผู้ขายต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการใช้บริการของคุณซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเริ่มต้น

6.2 ความปลอดภัยของข้อมูล

การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลหมายถึงชุดกลยุทธ์ที่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีควรมีเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการกระบวนการ เครื่องมือ และนโยบายที่จำเป็นในการป้องกัน ตรวจหา จัดทำเอกสาร และป้องกันการคุกคามต่อข้อมูล

Shopify ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นอย่างมาก เราจึงขอแนะนำให้พาร์ทเนอร์ของ Shopify Plus ที่ได้รับการรับรองทั้งหมดรักษาและแบ่งปันรายละเอียดนโยบายการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยพาร์ทเนอร์ทั้งหมดจะต้องมีลิงก์ไปยังนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลของตน นอกจากนี้ จะต้องแจ้งให้ทราบถึงช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของข้อมูลภายใน 24 ชั่วโมง และต้องรวมอยู่ในข้อกำหนดในการใช้บริการของพาร์ทเนอร์ด้วย

หากจะให้ดีที่สุด บริษัทของคุณควรมีใบรับรองความปลอดภัยที่ถูกต้องซึ่งนำไปใช้กับแอปพลิเคชัน บริษัท และโครงสร้างพื้นฐานโดยรวม เช่น PCI, SOC2 Type 2

6.3 นโยบายความเป็นส่วนตัว

ผู้ขายของ Shopify Plus จะพึ่งพา Shopify และระบบความสัมพันธ์ของพาร์ทเนอร์เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของพวกเขาจะได้รับการจัดการอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว เราจึงจำเป็นต้องจัดเตรียมมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลให้พร้อมเพื่อสร้างและคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือที่ผู้ขายของ Shopify Plus มีต่อเรา

พาร์ทเนอร์จะต้องมีนโยบายความเป็นส่วนตัว และ/หรือข้อตกลงว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล

6.4 การประกัน

พาร์ทเนอร์ที่ให้บริการซอฟต์แวร์ (SAAS) ให้แก่ลูกค้าจะมีลักษณะความเสี่ยงที่แตกต่างจากความเสี่ยงทั่วไป ดังนั้นพาร์ทเนอร์จึงต้องแสดงหลักฐานความครอบคลุมในการประกันภัยประเภทต่อไปนี้

  • การประกันข้อผิดพลาดทางเทคนิคและการละเลยหน้าที่ (E&O)
  • การประกันภัยความรับผิดทางไซเบอร์
  • การประกันภัยความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่ (D & O)
  • การประกันภัยความรับผิดชอบในการจ้างงาน (EPLI)
  • ภาระผูกพันทั่วไป/ประกันทรัพย์สิน