ข้อกำหนดและข้อควรพิจารณาในการใช้งาน B2B
ก่อนที่คุณจะตั้งค่า Shopify B2B โปรดตรวจสอบข้อกำหนดและข้อควรพิจารณาต่อไปนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะกับธุรกิจของคุณ
ฟีเจอร์บางส่วนไม่สามารถใช้ได้กับ B2B และมีการปิดใช้งานฟีเจอร์บางส่วนตามค่าเริ่มต้นสำหรับคำสั่งซื้อแบบ B2B
ในหน้านี้
การกำหนดราคาและข้อกำหนดสำหรับ Shopify B2B
ตรวจสอบรายละเอียดการกำหนดราคาต่อไปนี้สำหรับ Shopify B2B
- ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม: ฟีเจอร์ B2B รวมอยู่ในการสมัครใช้งาน Shopify Plus ของคุณโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มแบบแปรผัน: หากใช้ได้ คำสั่งซื้อ B2B และ D2C จะมีอัตราค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มแบบแปรผันที่แตกต่างกัน โปรดติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
ตรวจสอบข้อกำหนดต่อไปนี้เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Shopify B2B:
- ข้อกำหนดแผน: ฟังก์ชันการใช้งาน Shopify B2B ใช้งานได้เฉพาะบน Shopify Plus เท่านั้น ซึ่งใช้การกำหนดราคาแบบกำหนดเองตามความต้องการทางธุรกิจและปริมาณการขายของคุณ
- ข้อกำหนดการตั้งค่า: คุณต้องตั้งค่าลูกค้าแบบ B2B เป็นบริษัทในส่วน Shopify Admin ของคุณ ทั้งนี้ บริษัทสามารถได้รับมอบหมายตำแหน่งที่ตั้งและลูกค้าได้หลายรายการ
- บัญชีผู้ใช้ของลูกค้า: คุณต้องเปิดใช้งานบัญชีผู้ใช้ของลูกค้า โดยคุณไม่สามารถใช้บัญชีผู้ใช้ของลูกค้ารุ่นเก่าสำหรับคำสั่งซื้อและลูกค้าแบบ B2B ได้
- B2B กับ Markets: หากต้องการใช้ B2B กับ Markets คุณจะต้องเปิดใช้งานใน การทดลองใช้งานฟีเจอร์
ฟีเจอร์ที่ใช้ไม่ได้กับ Shopify B2B
ฟีเจอร์ต่อไปนี้ไม่สามารถใช้ได้กับ B2B:
- การชำระเงินแบบเร่งด่วน ซึ่งรวมถึง Shop Pay, Apple Pay, Google Pay และ Amazon Pay
- การรับสินค้าที่ร้าน
- การจัดส่งในพื้นที่
- จุดรับสินค้า
- ตัวเลือกการให้ทิป
- การสมัครรับข้อมูล
- เครดิตร้านค้า
- บัญชีผู้ใช้ของลูกค้าแบบดั้งเดิม
- แอปจากภายนอกบางส่วน (โปรดติดต่อผู้พัฒนาแอปโดยตรง)
- การปรับแต่งการชำระเงินที่ทำไว้กับไฟล์ checkout.liquid
ปิดใช้งานฟีเจอร์ตามค่าเริ่มต้นสำหรับ B2B
มีการปิดใช้งานฟีเจอร์บางอย่างตามค่าเริ่มต้นสำหรับ Shopify B2B หากคุณต้องการเปิดใช้งานฟีเจอร์ต่อไปนี้ในร้านค้าแบบ B2B ของคุณ โปรดติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify
- ส่วนลด
- วิธีการชำระเงินด้วยตนเอง
- Shopify Scripts ที่มีผลต่อส่วนลดสินค้าเฉพาะรายการ
- ขั้นตอนการชำระเงินที่ยังไม่เสร็จสิ้น
ในร้านค้าแบบผสม คุณจะใช้ฟีเจอร์เหล่านี้กับลูกค้าทั้งแบบ B2B และ D2C ได้ คุณสามารถปรับแต่งส่วนลดและวิธีการชำระเงินได้โดยทำตามวิธีต่อไปนี้
- หากต้องการปรับแต่งและจำกัดส่วนลดไว้สำหรับลูกค้าหรือกลุ่มบางส่วนโดยเฉพาะ ให้ใช้การแบ่งกลุ่มลูกค้า
- หากต้องการจำกัดวิธีการชำระเงินตามประเภทลูกค้าหรือภูมิภาค ให้ใช้แอป เช่น Checkout Blocks หรือ Payfy นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ Payment Customization Function API ได้อีกด้วย
คุณไม่สามารถปรับแต่งฟีเจอร์อื่นๆ เพื่อใช้กับลูกค้าหรือประเภทลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงในร้านค้าแบบผสมได้
ข้อกำหนดและข้อจํากัดสำหรับคำสั่งซื้อแบบ B2B
ตรวจสอบข้อกำหนดและข้อควรพิจารณาสำหรับคำสั่งซื้อแบบ B2B ต่อไปนี้:
- ลูกค้าธุรกิจแบบ B2B เท่านั้นที่จะสร้างคำสั่งซื้อแบบ B2B ได้ โดยจะต้องมีการตั้งค่าและเชื่อมโยงลูกค้าธุรกิจแบบ B2B กับตำแหน่งที่ตั้งของบริษัทในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณในตอนที่ดำเนินการสั่งซื้อ ซึ่งอัตรา B2B ตามสัญญาของคุณจะมีผลกับคำสั่งซื้อที่สร้างขึ้นกับบริษัทเหล่านี้ หากคำสั่งซื้อหรือคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินของคุณไม่มีการมอบหมายลูกค้าธุรกิจแบบ B2B หรือตำแหน่งที่ตั้งของบริษัท ระบบจะนำอัตรา D2C มาใช้งานด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ คุณต้องแน่ใจว่าได้มีการปฏิบัติตรงตามเกณฑ์นี้ เพื่อให้ระบบนำอัตรา B2B ตามสัญญาของคุณไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
- คำสั่งซื้อมีสินค้าเฉพาะรายการได้สูงสุด 500 รายการ หากลูกค้าสั่งซื้อสินค้าหรือตัวเลือกสินค้าที่แตกต่างกันมากกว่า 500 รายการ ระบบจะไม่สามารถดำเนินการสั่งซื้อให้ได้
- คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินมีสินค้าเฉพาะรายการได้สูงสุด 200 รายการ หากคุณได้รับหรือสร้างคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินของสินค้าหรือตัวเลือกสินค้าต่างๆ มากกว่า 200 รายการ คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินนั้นจะล้มเหลว
- ต้องจัดเก็บคำสั่งซื้อและคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินซึ่งมีลูกค้าแบบ B2B หรือจากหน้าการชำระเงินแบบ B2B ด้วยตนเองเมื่อรายการเหล่านั้นไม่มีการอนุมัติและเงื่อนไขการชำระเงินให้ครบกำหนดชำระเมื่อมีการจัดการคำสั่งซื้ออย่างถูกต้อง