ปกป้องบัญชีผู้ใช้ของคุณจากการฟิชชิ่ง การฟิชชิ่งด้วยเสียง และการฟิชชิ่งด้วยข้อความ

คำว่าฟิชชิ่งหมายถึงการใช้กลอุบายเพื่อขโมยตัวตนของคุณผ่านทางเว็บไซต์ อีเมล หรือข้อความปลอมต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อเข้าถึงบัญชีผู้ใช้และข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณ มิจฉาชีพสามารถสร้างเว็บไซต์ของตนเองเพื่อลอกเลียนแบบเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ หรือส่งข้อความที่ทำให้ดูเหมือนว่ามาจากแหล่งที่น่าไว้วางใจ ข้อความฟิชชิ่งอาจมาจากบัญชีผู้ใช้ปลอมหรือบัญชีผู้ใช้ที่ถูกแฮ็ก

นอกจากนี้ ผู้บุกรุกอาจลองใช้กลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกันในการโจมตีบัญชีผู้ใช้ของคุณโดยใช้การฟิชชิ่งด้วยเสียง ซึ่งเป็นการโจมตีผ่านการโทรพูดคุย และ ฟิชชิ่งด้วยข้อความ ซึ่งเป็นการโจมตีโดยใช้ข้อความ เพื่อล้วงข้อมูลที่ละเอียดอ่อน คุณต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทางโทรศัพท์และห้ามคลิกลิงก์ที่อาจเปิดช่องโหว่สำหรับการโจมตีที่ส่งผ่านข้อความ SMS หากคุณสงสัยว่าคุณอาจได้สายหรือข้อความ SMS ที่มีจุดประสงค์เพื่อการฟิชชิ่ง คุณควรติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify โดยทันที

ข้อความฟิชชิ่งอาจระบุคำขอให้คุณดำเนินตามขั้นตอนต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • เยี่ยมชมลิงก์
  • ดาวน์โหลดไฟล์
  • เปิดไฟล์แนบ
  • ตอบกลับด้วยข้อมูลส่วนบุคคลหรือรหัสยืนยันตัวตนแบบสองชั้น

หากคุณดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ คุณอาจแพร่มัลแวร์ให้กับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์มือถือของคุณ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ประสงค์ร้าย เช่น เวิร์ม โทรจัน บอท และไวรัส หลังจากที่อุปกรณ์ของคุณติดมัลแวร์แล้ว ผู้จู่โจมจะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ

การฟิชชิ่งอาจรวมถึงคำขอข้อมูลส่วนตัวโดยตรง เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคารของคุณ เป็นต้น

การต้มตุ๋นด้วยวิธีฟิชชิ่งอาจขอให้คุณเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีต่อไปนี้

  • ผ่านอีเมลหรือระบบการรับส่งข้อความอื่นๆ
  • ผ่านแบบฟอร์ม
  • ใช้หมายเลขโทรศัพท์ปลอม
  • ใช้ที่อยู่ปลอม

แม้แต่การขอให้คุณป้อนที่อยู่อีเมลและรีเซ็ตรหัสผ่านก็อาจเป็นอันตรายได้

การรับรู้อีเมล Shopify ที่เชื่อถือได้

Shopify จะส่งอีเมลจากโดเมนทางการ เช่น @shopify.com, @email.shopify.com, @em.shopify.com และ@shopify-billpay.melio.com อีเมลที่มาจากผู้ให้บริการอีเมลสาธารณะ เช่น Gmail, Yahoo, Apple Mail หรือ Hotmail ไม่ได้ส่งมาจาก Shopify และต้องระวังว่าอาจเป็นลักษณะของการฟิชชิ่ง

จะทำอย่างไรหากคุณสงสัยว่ามีอีเมลฟิชชิ่ง

หากคุณคลิกลิงก์ในอีเมลฟิชชิ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้ดำเนินการทันที

  1. เปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีผู้ใช้ Shopify ของคุณ
  2. เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น
  3. ติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify เพื่อตรวจสอบการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต

สัญญาณของอีเมล์ฟิชชิ่ง

ระวังสัญญาณทั่วไปต่อไปนี้ที่บ่งบอกว่าอีเมลอาจเป็นลักษณะการฟิชชิ่ง:

  • อีเมลที่ไม่คาดคิดจากบริการอีเมลฟรี
  • ร้องขอข้อมูลส่วนบุคคล
  • ไวยากรณ์และการสะกดคำไม่ดี
  • ภาษาที่เป็นลักษณะแบบเร่งด่วนหรือคุกคาม
  • ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย

ความสำคัญของการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น

การเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นหรือการยืนยันตัวตนแบบหลายชั้นในบัญชีผู้ใช้ Shopify ของคุณ จะทำให้กระบวนการเข้าสู่ระบบมีความปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยเพิ่มชั้นการป้องกันพิเศษและทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ของคุณได้ยากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณสงสัยว่าคุณได้รับอีเมลฟิชชิ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบัญชีของคุณด้วยการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น

ตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัย

หากคุณได้รับอีเมลที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify แต่ดูผิดปกติ ให้ตรวจสอบความถูกต้อง

  1. ตรวจสอบว่าอีเมลมาจากโดเมน Shopify ทางการ เช่น @shopify.com, @email.shopify.com, @em.shopify.com และ @shopify-billpay.melio.com
  2. ระวังอักขระหรือเครื่องหมายวรรคตอนที่ผิดปกติในที่อยู่อีเมล
  3. หากมีข้อสงสัย โปรดติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify โดยตรงผ่านช่องทางทางการเพื่อยืนยัน

รู้ทันสัญญาณเตือน

คุณสามารถป้องกันการฟิชชิ่งได้โดยการทำความเข้าใจกับสัญญาณเตือนต่างๆ โดยอ่านข้อความอย่างละเอียดไม่ว่าจะส่งมาจากใคร รวมถึงตรวจสอบเว็บไซต์ให้ดีแม้จะคุ้นเคยเป็นอย่างดีก็ตาม

ใช้คำพูดที่ไม่เจาะจงคลุมเครือ

แม้ว่าการฟิชชิ่งที่คุณพบอาจได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับคุณและธุรกิจของคุณ และผู้ทำการฟิชชิ่งอาจทราบข้อมูลของคุณอย่างดี แต่การใช้ภาษาที่คลุมเครือก็เป็นสัญญาณที่เด่นชัดซึ่งบ่งชี้ถึงการหลอกลวงผ่านการฟิชชิ่งได้ โปรดระมัดระวังข้อความที่ดูเหมือนมาจากองค์กรที่คุณไว้วางใจ แต่มีเนื้อหาขึ้นต้นด้วยข้อความที่กำกวม เช่น เรียนเจ้าของบัญชีผู้ใช้

นอกจากนี้ หากข้อความนำเสนอโอกาสทางธุรกิจหรือโอกาสทางการเงินที่สำคัญ แต่ไม่มีรายละเอียดมากพอที่คุณจะสามารถยืนยันได้ว่าผู้ส่งรู้จักคุณ ข้อความดังกล่าวอาจเป็นการหลอกลวง เช่น

ผมชื่อ Frederick เป็นนายธนาคาร

โปรดติดต่อผมด่วนที่สุดเกี่ยวกับเรื่องมรดกของญาติที่เสียชีวิต

ให้ข้อมูลผ่าน sms ไม่ได้ อีเมลมาตามที่อยู่ด้านล่างนี้

ข้อความธุรกิจจากบัญชีส่วนตัว

มิจฉาชีพที่มีความเชี่ยวชาญสามารถรวบรวมข้อมูลจากตัวตนบนโลกออนไลน์ของคุณเพื่อสร้างข้อความที่ดูเหมือนว่ามาจากผู้ติดต่อจริงได้ ตัวอย่างเช่น

อัปเดตการกำหนดราคาค้าส่ง

สวัสดี Georgia:

ฉันแค่อยากจะแจ้งข่าวให้คุณทราบนี่คือสเปรดชีตของราคาค้าส่งของเราในปัจจุบัน: fabric-prices-october.xls

หวังว่าคุณจะพึงพอใจกับเสื้อเชิร์ตล็อตล่าสุดจากเรา! โปรดแจ้งให้เราทราบหากมีข้อสงสัยหรือข้อกังวลใดๆ

Julia Chan
ผู้จัดการบัญชี
Example Fabrics

ผู้จู่โจมสามารถแฮคเข้าไปอยู่ในบัญชีธุรกิจของผู้ติดต่อของคุณ หรือสร้างบัญชีผู้ใช้ส่วนตัวปลอมขึ้นมาเพื่อส่งข้อความฟิชชิ่งผ่านอีเมลได้ ตัวอย่างเช่น หากชื่อผู้ใช้ของอีเมลส่วนบุคคลของผู้ติดต่อของ Julia คือ juliachan3857 ผู้จู่โจมอาจส่งอีเมลจากบัญชีผู้ใช้ที่มีชื่อว่า juliachan9665 รูปแบบการโจมตีนี้อาศัยจากพฤติกรรมดังต่อไปนี้:

  • ผู้คนมักจะส่งข้อความผ่านข้อความอีเมลจากบัญชีผู้ใช้ที่ไม่ถูกต้องโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • แม้ว่าคุณจะรู้จักอีเมลส่วนบุคคลของ Julia แต่คุณก็อาจไม่ได้ดูอย่างละเอียดพอที่จะรับรู้ถึงความแตกต่าง

น้ำเสียงที่ตื่นตูม

ระมัดระวังคำขอที่เร่งรัดซึ่งพยายามขู่ให้คุณดำเนินการบางอย่างโดยไม่มีเวลาไตร่ตรองให้รอบคอบ ตัวอย่างเช่น

เซิร์ฟเวอร์ของเราล้มเหลวอย่างรุนแรง โปรดส่งชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของคุณมาหาเราภายใน 24 ชั่วโมงนี้มิเช่นนั้นคุณจะไม่สามารถเข้าถึงร้านค้าของคุณได้อย่างถาวร

ข้อความอีเมลอาจให้ข้อเสนอที่ดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง ได้ เช่น ส่วนลด 90% จากบริษัทท่องเที่ยวที่มีให้ใช้งานเฉพาะเมื่อคุณตอบรับในทันที

การสะกดผิด ผิดไวยากรณ์ และรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม

แม้ว่าเว็บไซต์หรือข้อความอีเมลต้มตุ๋นอาจดูเป็นมืออาชีพ แต่ก็อาจมีข้อผิดพลาดในการพิมพ์และหลักไวยกรณ์ หากต้องการพิจารณาว่าเว็บไซต์หรือข้อความอีเมลอาจเป็นการหลอกลวงหรือไม่ ให้ลองมองหาเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องหรือไม่มีความไม่สอดคล้องกันดังต่อไปนี้:

  • การสะกดคำ
  • การใช้ตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่
  • หมายเลข
  • เครื่องหมายวรรคตอน
  • การจัดรูปแบบ

URL ที่น่าสงสัย

การฟิชชิ่งอาจรวมถึง URL ที่ดูเหมือนจะถูกต้องถ้าคุณไม่ตรวจดูอย่างละเอียด ผู้ทำการฟิชชิ่งหลายรายจงใจเลือกใช้ URL ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ URL ที่คุณคุ้นเคยอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น หากโดยปกติแล้วคุณมักซื้อชุดว่ายน้ำจาก Example Apparel โดยไปที่ URL ของร้านค้าที่ถูกต้อง และคุณได้รับข้อความอีเมลที่มีลิงก์ไปยัง URL ปลอม คุณจะสามารถทราบได้ทันทีว่ามีการฟิชชิ่งเกิดขึ้น

URL จริงจะพาคุณไปยังเว็บไซต์จากโดเมน example-apparel.com ซึ่งมี Example Apparel เป็นเจ้าของ ส่วน URL ปลอมจะพาคุณไปยังเว็บไซต์อันตรายที่โดเมน com-aquatic.net ซึ่งอาจมีมิจฉาชีพเป็นเจ้าของ

ลักษณะของ URL ที่ถูกต้องและ URL ปลอม
URL จริงURL ปลอม
example-apparel.com/aquatic/swimmiesexample-apparel.com-aquatic.net/swimmies

Shopify และคำเอกสารที่ละเอียดอ่อน

Shopify จะไม่ขอข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากคุณโดยตรงผ่านข้อความอีเมลที่เป็นข้อความหรือรูปภาพ หรือเป็นไฟล์แนบ

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของเอกสารที่ละเอียดอ่อน:

  • เอกสารระบุตัวตนทุกรูปแบบ
  • รหัสผ่าน
  • ข้อมูลบัตรเครดิต
  • ข้อมูลการธนาคาร
  • หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เช่น SIN (หมายเลขประกันสังคม) หรือ SSN (หมายเลขประกันสังคม)

Shopify จะร้องขอให้คุณส่งเอกสารที่ละเอียดอ่อนผ่านหน้าการอัปโหลดที่ปลอดภัยซึ่งขึ้นต้นด้วย app.shopify.com หรือ .shopify.com เท่านั้น

แจ้งข้อกังวลผ่านช่องทางสื่อสารอื่น

พูดคุยกับผู้ส่งที่ข้อความอันน่าสงสัยกล่าวอ้างถึงด้วยตนเองหรือผ่านโทรศัพท์ และแก้ไขข้อกังวลเกี่ยวกับเว็บเพจด้วยการพูดกับคนในองค์กร

หากคุณติดต่อผู้ส่งผ่านโทรศัพท์ โปรดใช้หมายเลขในเอกสารของคุณหรือที่ปรากฏบนแหล่งข้อมูลออนไลน์ต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่น หากได้รับคำขอข้อมูลที่น่าสงสัยจากตัวแทนภาษีของคุณผ่านอีเมล โปรดโทรหาตัวแทนดังกล่าวด้วยหมายเลขโทรศัพท์จากเอกสารเงินคืนภาษีในปีที่ผ่านมา ห้ามโทรติดต่อหมายเลขที่ปรากฏบนเว็บไซต์หรืออีเมลที่น่าสงสัย

ตรวจสอบยืนยันว่าการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ใช้ HTTPS

เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ใดๆ ที่อาจขอให้คุณป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีไอคอนแม่กุญแจปรากฏที่ด้านข้าง URL ในเบราว์เซอร์ของคุณ

ไอคอนแม่กุญแจเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ดังกล่าวมีการเข้ารหัสโดยใช้โปรโตคอล HTTPS ทั้งนี้ URL สำหรับการเชื่อมต่อที่มีการเข้ารหัสจะเริ่มต้นด้วย https:// แทนที่จะเป็น http:// การเชื่อมต่อที่ใช้ http:// นั้นจะส่งข้อมูลเป็นข้อความธรรมดา ซึ่งหมายความว่าอาจถูกดักจับและอ่านได้ระหว่างทาง

ก่อนที่คุณจะคลิกที่ลิงก์ไปยังที่ใดก็ตามที่คุณคาดว่าจะต้องป้อนข้อมูล ให้ตรวจสอบยืนยันว่า URL เริ่มต้นด้วย https://

เปิดไฟล์แนบหรือลิงก์ที่คุณคาดการณ์ว่าจะได้รับเท่านั้น

ห้ามคลิกไฟล์แนบ ลิงก์ หรือแบบฟอร์มใดๆ หากคุณไม่ได้ต้องการเข้าถึงตั้งแต่แรกและหากคุณไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ภายใน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่พาไปยังเว็บไซต์อันตรายที่ออกแบบมาเพื่อล้วงข้อมูลของคุณเท่านั้น แต่ยังส่งมัลแวร์แทรกซึมเข้าสู่อุปกรณ์ของคุณอีกด้วย

เมื่อข้อความลิงก์เป็น URL โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อความลิงก์ดังกล่าวตรงกับ URL ของเว็บไซต์ที่ลิงก์พาไป ตัวอย่างเช่น ลิงก์ที่ถูกเขียนเป็นข้อความว่า https://help.shopify.com ในส่วนเนื้อหาของอีเมลอาจพาคุณไปยังเพจฟิชชิ่งที่มาจาก URL อื่น

การฟิชชิ่งหลายกรณีใช้ประโยชน์จากการทำธุรกรรมออนไลน์ หากได้รับข้อความอีเมลที่น่าสงสัยซึ่งส่งมาจากธนาคารของคุณพร้อมด้วยข้อเสนอพิเศษสำหรับบัตรเครดิตต่างๆ ห้ามคลิกที่ลิงก์ ให้ป้อน URL ของธนาคารด้วยตัวเองในหน้าต่างใหม่แล้วดูว่าข้อเสนอดังกล่าวแสดงอยู่ในแดชบอร์ดของบัญชีผู้ใช้คุณหรือไม่

โปรดใช้ WiFi สาธารณะอย่างระมัดระวัง

WiFi สาธารณะมอบความสะดวกให้เมื่อคุณไม่ได้อยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน แต่ก็เปิดโอกาสให้กลุ่มมิจฉาชีพสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้หลายวิธีเช่นกัน คุณสามารถลดความเสี่ยงดังกล่าวได้โดยดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อปกป้องตนเองและข้อมูลของคุณ

ตรวจสอบยืนยันชื่อฮอตสปอต

มิจฉาชีพอาจสร้างฮอตสปอต WiFi ที่ไม่มีการเข้ารหัสของตนเอง โดยฮอตสปอตดังกล่าวอาจมีชื่อคล้ายฮอตสปอตที่เป็นที่รู้จักในพื้นที่ เช่นเครือข่ายของร้านกาแฟ หากคุณเชื่อมต่อกับฮอตสปอตปลอมนี้ มิจฉาชีพสามารถพาคุณไปยังเว็บไซต์ของตนเอง ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ของคุณถูกมัลแวร์แทรกซึมหรือขอให้คุณป้อนข้อมูลส่วนตัวได้

ก่อนที่คุณจะเชื่อมต่อกับฮอตสปอต โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าฮอตสปอตที่คุณจะใช้นั้นเป็นฮอตสปอตที่ถูกต้อง หากคุณไม่เห็นชื่อฮอตสปอตปรากฏอยู่บนที่ที่เห็นได้ชัดให้สอบถามพนักงานในสถานที่แห่งนั้น

ปิดใช้งานจุดเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณ

แม้จะเชื่อมต่อกับฮอตสปอต WiFi สาธารณะที่ถูกต้อง คุณก็ยังคงมีความเสี่ยงจากการใช้เครือข่ายเดียวกับมิจฉาชีพ เครือข่าย WiFi สาธารณะนั้นมีความปลอดภัยน้อยกว่าเครือข่ายส่วนตัวอย่างเช่นที่ทำงานหรือที่บ้านของคุณเป็นอย่างมาก

ปกป้องตนเองด้วยการปิดการแชร์ไฟล์ภายในเครือข่ายของคุณและเปิดใช้งานไฟร์วอลล์ก่อนทำการเชื่อมต่อ และถึงแม้ว่าจะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเหล่านี้แล้ว เราก็ไม่แนะนำให้คุณรับหรือส่งเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนผ่านเครือข่าย WiFi สาธารณะ

ส่งและรับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนผ่าน VPN เท่านั้น

เครือข่ายส่วนตัวเสมือนจะสร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของคุณและเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท VPN นั้นๆ ด้วยวิธีนี้ เซิร์ฟเวอร์ VPN จะถ่ายทอดข้อมูลของคุณลงบนอินเทอร์เน็ต หากมิจฉาชีพสามารถเข้าถึงข้อมูลที่คุณกำลังรับและส่งอยู่ผ่านฮอตสปอต WiFi สาธารณะ ข้อมูลดังกล่าวจะได้รับการเข้ารหัสและมิจฉาชีพจะไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบริการ VPN เราแนะนำให้ใช้บริการ Techradar และ PC Mag

หากไม่ใช้งาน VPN ทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือการหลีกเลี่ยงไม่ส่งข้อมูลที่ละเอียดอ่อนผ่าน WiFi สาธารณะ

ปฏิบัติตามคู่มือของรัฐบาลหากข้อมูลส่วนตัวของคุณรั่วไหล

ข้อมูลที่ระบุตัวบุคคลได้ (PII) ได้แก่ข้อมูลที่สามารถใช้ระบุตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือแม้แต่ใช้เพื่อสวมรอยเป็นบุคคลดังกล่าวได้ PII รวมถึงข้อมูลประเภทดังต่อไปนี้

  • ชื่อ-สกุล
  • ที่อยู่อีเมล
  • ที่อยู่
  • หมายเลขโทรศัพท์
  • หมายเลขบัตรเครดิต
  • หมายเลขประจำตัวประชาชน เช่น SIN, SSN หรือหนังสือเดินทาง
  • ใบขับขี่
  • วันเกิด

หากคุณเคยมอบข้อมูลที่ระบุตัวบุคคลได้ผ่านช่องทางที่น่าสงสัย หรือหากบัญชีผู้ใช้ Shopify ของคุณถูกบุกรุก โปรดปฏิบัติตามคู่มือจากรัฐบาลของคุณ เช่น ข้อมูลดังกล่าวจากรัฐบาลแคนาดาและสหรัฐฯ

แคนาดา

สิ่งที่ต้องทำ:

รายงาน:

สหรัฐอเมริกา

สิ่งที่ต้องทำ:

รายงาน:

ไม่พบคำตอบที่คุณต้องการงั้นหรือ เราพร้อมช่วยเหลือคุณ