เงื่อนไขใน Shopify Flow

ใน Shopify Flow ระบบจะใช้เงื่อนไขเพื่อระบุว่าควรติดตามเส้นทางใดในขั้นตอนการทำงาน โดยมักจะใช้เพื่อควบคุมว่ามีการดำเนินการหรือไม่ เมื่อคุณกำหนดเงื่อนไข คุณจะต้องเลือกช่องข้อมูลเพื่อตรวจสอบ (เช่น ชื่อสินค้า) ตัวดำเนินการทางตรรกะ (เช่นequal to) และค่าที่ต้องการตรวจสอบเทียบ (Blue jeans)

ตัวอย่างเงื่อนไข

ตรวจสอบว่ามีสินค้าในรายการอย่างน้อย 1 ชิ้นที่ตรงกับเงื่อนไขหรือไม่

ตัวอย่างนี้จะแสดงให้เห็นถึงเงื่อนไขทั่วไปที่ตรวจสอบว่าสินค้าในรายการอย่างน้อย 1 ชิ้นตรงกับค่าใดค่าหนึ่งหรือไม่

ในกรณีนี้ เงื่อนไขจะตรวจสอบว่าสินค้า 1 ชิ้นในคำสั่งซื้อมีแท็กเป็น presale หรือไม่ หากต้องการสร้างเงื่อนไขนี้ คุณจะต้องเลือก order / lineItems / product / tags ตามค่าเริ่มต้นแล้ว Flow จะเลือกข้อใดข้อหนึ่งเป็นตัวดำเนินการทางตรรกะ:

If at least one of order / lineItems:
  If at least one of lineItem_item / product / tags
    tags_item
    is equal to
    presale

ส่วนข้อใดข้อหนึ่งเป็นตัวดำเนินการรายการและระบบจะใช้เพื่อจัดการกับการจับคู่กับสินค้าในรายการหลายชิ้น ส่วนเท่ากับเป็นตัวดำเนินการระดับช่องที่ระบุว่าสินค้าในรายการแต่ละชิ้นนั้นตรงกันหรือไม่

ตรวจสอบว่าไม่มีสินค้าชิ้นใดในรายการที่ตรงกับเงื่อนไข

ตัวอย่างนี้จะแสดงให้เห็นถึงเงื่อนไขทั่วไปที่ตรวจสอบว่าไม่มีสินค้าชิ้นใดในรายการที่ตรงกับค่าใดค่าหนึ่ง ปัญหาที่พบบ่อยที่ควรนำมาพิจารณาคือรายการอาจว่างเปล่า เมื่อรายการว่างเปล่า ตัวดำเนินการรายการจะจัดการกับเงื่อนไข (ในกรณีนี้คือไม่มี)

ในกรณีนี้ เงื่อนไขจะตรวจสอบว่าไม่มีแท็กสินค้าใดที่เท่ากับค่า foo:

If none of product / tags:
  tag_item
  is equal to
  foo

เงื่อนไขจะแสดงผลเป็น true หาก (1) ไม่มีแท็กสินค้าหรือ (2) ไม่มีแท็กใดเป็น foo มิฉะนั้น ระบบจะแสดงผลเป็น false

ตรวจสอบว่ามีสินค้าในรายการที่ตรงกับเกณฑ์จำนวนมากหรือไม่

ตัวอย่างนี้จะแสดงให้เห็นถึงเงื่อนไขทั่วไปที่ตรวจสอบว่าสินค้าในรายการอย่างน้อย 1 ชิ้นตรงกับเกณฑ์ 2 เกณฑ์แยกกันหรือไม่

ในกรณีนี้ เงื่อนไขจะตรวจสอบว่าสินค้า 1 ชิ้นในคำสั่งซื้อมีแท็ก presale หรือไม่ และตรวจสอบว่ามี productType clothing หรือไม่

If at least one of order / lineItems:
  If at least one of lineItem_item / product / tags
    tags_item
    is equal to
    presale
  AND
  If lineItem_item / product
    productType
    is equal to
    clothing

หากต้องการสร้างเงื่อนไขนี้ คุณควรดำเนินการต่อไปนี้

  1. เลือก order / lineItems / product / tags เป็นเกณฑ์แรก
  2. เลือกเพื่อเพิ่มเกณฑ์ของสินค้าเดียวกันในรายการ lineItems หมายเหตุ: การเลือกสินค้าในรายการที่ไม่ถูกต้องในส่วนนี้นั้นเป็นข้อผิดที่พบบ่อย
  3. เลือก lineItems_item เป็นออบเจ็กต์ระดับบนสุด จากนั้นเลือก product / productType เป็นเกณฑ์ที่สอง หมายเหตุ: การเลือกออบเจ็กต์ที่ไม่ถูกต้องในที่นี้เป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
  4. เลือก AND เพื่อรวมเกณฑ์ทั้ง 2 เกณฑ์
  5. ป้อนค่า presale และ clothing สำหรับทั้ง 2 เกณฑ์

ประเภทของข้อมูลที่ใช้กับ Flow

ค่าแรกในทุกเงื่อนไขของ Flow คือข้อมูลที่ได้รับจากร้านค้าของคุณ และเป็นค่าที่ได้จาก GraphQL Admin API

Flow รองรับประเภทข้อมูลดังต่อไปนี้:

  • ทศนิยม: ค่าทศนิยมคือตัวเลขที่มีจุดทศนิยม ตัวอย่างเช่น 4.25
  • จํานวนเต็ม: ค่าจํานวนเต็มคือจํานวนเต็มที่ไม่มีจุดทศนิยม ตัวอย่างเช่น 42
  • วันที่: ค่าวันที่คือตัวเลขที่แสดงวันที่ ตัวอย่างเช่น 01012021
  • สตริง: ค่าสตริงคือข้อความ ตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ไม่มีผลต่อการเปรียบเทียบโดยใช้ค่าสตริง
  • บูลีน: ค่าบูลีนจะเป็นจริงหรือเท็จ
  • Enum: ค่า Enum คือชุดข้อมูลที่อนุญาตให้ตัวแปรเป็นชุดของค่าคงที่ที่กําหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว

ตัวดำเนินการทางตรรกะ

ตัวดำเนินการตรรกะจะกำหนดวิธีการใช้งานเงื่อนไขของคุณ เงื่อนไขสามารถตรวจสอบคุณสมบัติอย่างง่ายได้ เช่น ยอดรวมของคำสั่งซื้อสูงกว่าจำนวนที่กำหนดใช่หรือไม่ หรือลูกค้ายอมรับการทำการตลาดใช่หรือไม่ นอกจากนี้ ตัวดำเนินการตรรกะยังสามารถตรวจสอบคุณสมบัติที่ซับซ้อนมากขึ้นได้

สามารถใช้ตัวดำเนินการเป็นตัวดำเนินการระดับช่อง เช่น เท่ากับหรือไม่เท่ากับ หรือตัวดำเนินการรายการ เช่น ข้อใดข้อหนึ่งหรือไม่มีอย่างใดอย่างหนึ่งได้

ตัวดำเนินการระดับช่อง

ระบบจะใช้ตัวดำเนินการระดับช่องเพื่อเปรียบเทียบค่า 2 ค่า Flow สามารถใช้ตัวประกอบการต่อไปนี้ได้:

เท่ากับ

เท่ากับ จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าเหมือนกันหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.currentTotalDiscountsSet.shopMoney.amount จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง 50

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “เท่ากับ” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาเท่ากับ 50

หากค่าแรกเท่ากับ 50 แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่เท่ากับ

ไม่เท่ากับ จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าเหล่านั้นเหมือนกันหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.currentTotalDiscountsSet.shopMoney.amount จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง 50

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่เท่ากับ” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาไม่เท่ากับ 50

หากค่าแรกเท่ากับ 93 แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

มากกว่าและมากกว่าหรือเท่ากับ

มากกว่าและมากกว่าหรือเท่ากับ จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกมากกว่าหรือมากกว่าหรือเท่ากับค่าที่สอง ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.currentTotalDiscountsSet.shopMoney.amount จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง 50

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “มากกว่า” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมามากกว่า 50

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ 137 แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจาก 137 มากกว่า 50 คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

น้อยกว่าและน้อยกว่าหรือเท่ากับ

น้อยกว่าและน้อยกว่าหรือเท่ากับจะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกน้อยกว่าหรือน้อยกว่าหรือเท่ากับค่าที่สอง ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.currentTotalDiscountsSet.shopMoney.amount จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง 50

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “น้อยกว่าหรือเท่ากับ” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ 47 แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจาก 47 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50 คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ข้อใดข้อหนึ่ง

ตัวดำเนินการข้อใดข้อหนึ่งจะตรวจสอบว่าช่องดังกล่าวมีค่าเท่ากับค่าใดๆ ในรายการที่ระบุไว้หรือไม่ โดยต้องป้อนค่าที่จะทำการตรวจสอบทีละค่าแล้วกด Enter (ใกล้เคียงกับแท็ก) การใช้ข้อใดข้อหนึ่งในอาร์เรย์ที่ว่างเปล่าจะทำให้เกิดการประเมินผลที่เป็นเท็จ ในตัวอย่างต่อไปนี้จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitem.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับชุดค่าที่สอง: สับปะรด ฝรั่ง กีวี่

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะอย่างน้อยหนึ่งข้อเพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมามี pineapple, guava หรือ kiwi

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ guava แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากมี guava อยู่ในอาร์เรย์ pineapple, guava, kiwi คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่ใช่ข้อใดข้อหนึ่ง

ตัวดำเนินการไม่ใช่ข้อใดข้อหนึ่งจะตรวจสอบว่าช่องดังกล่าวมีค่าไม่เท่ากับค่าใดๆ ในรายการที่ระบุไว้หรือไม่ โดยต้องป้อนค่าที่จะทำการตรวจสอบทีละค่าแล้วกด Enter (ใกล้เคียงกับแท็ก) ในตัวอย่างต่อไปนี้จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitem.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับชุดค่าที่สอง: สับปะรด ฝรั่ง กีวี่

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่เป็นข้อใดข้อหนึ่งใน” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมามีไม่มี pineapple, guava หรือ kiwi

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ raspberry แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากไม่มี raspberry อยู่ในอาร์เรย์ pineapple, guava, kiwi คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

มี

มี จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งในอินพุตค่าแรกมีข้อมูลที่อยู่ในอินพุตค่าที่สองหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitem.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง scrape

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “มี” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมามีสตริง scrape อยู่

หากค่าที่ได้จากข้อมูลร้านค้าของคุณคือ skyscraper แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากในสตริง skyscraper มีสตริง scrape อยู่ คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่มี

ไม่มี จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งในอินพุตค่าแรกไม่มีข้อมูลที่อยู่ในอินพุตค่าที่สองใช่หรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitem.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง scrape

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่มี” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาไม่มีสตริง scrape อยู่

หากค่าที่ได้จากข้อมูลร้านค้าของคุณคือ scrap-metal แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากในสตริง scrap-metal ไม่มีสตริง scrape อยู่ คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ขึ้นต้นด้วย

ขึ้นต้นด้วย จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกขึ้นต้นด้วยข้อมูลในค่าที่สองหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.shippingAddress.country จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง United

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ขึ้นต้นด้วย” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาขึ้นต้นด้วยสตริง United

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ United Kingdom แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากสตริง United Kingdom ขึ้นต้นด้วยสตริง United คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย

ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกไม่ได้ขึ้นต้นด้วยข้อมูลในค่าที่สองใช่หรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.shippingAddress.country จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง United

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาไม่ได้ขึ้นต้นด้วยสตริง United

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ Canada แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากสตริง United Kingdom ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย Canada คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ลงท้ายด้วย

ลงท้ายด้วย จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกลงท้ายด้วยข้อมูลในค่าที่สองหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitems.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง “ที่เหลืออยู่”

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ลงท้ายด้วย” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาลงท้ายด้วยสตริง “ที่เหลืออยู่”

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ “ถุงเท้ากีฬาที่เหลืออยู่” แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากสตริง “ถุงเท้ากีฬาที่เหลืออยู่” ลงท้ายด้วยสตริง “ที่เหลืออยู่” คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่ได้ลงท้ายด้วย

ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกไม่ได้ขึ้นต้นด้วยข้อมูลในค่าที่สองใช่หรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitems.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง “ที่เหลืออยู่”

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่ได้ลงท้ายด้วย” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาไม่ได้ลงท้ายด้วยสตริง “ที่เหลืออยู่”

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ “ถุงเท้ากีฬาใหม่” แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากสตริง “ถุงเท้ากีฬาใหม่” ไม่ได้ลงท้ายด้วยสตริง “ที่เหลืออยู่” คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ตัวดำเนินการ Null หรือว่างเปล่า

ว่างเปล่าหรือไม่มีอยู่

ช่องบางช่องในข้อมูลของคุณอาจว่างเปล่าอยู่ ตัวอย่างเช่น order.cancelReason จะแสดงผลเป็น null หากคำสั่งซื้อไม่ได้ถูกยกเลิก ใช้ว่างเปล่าหรือไม่มีอยู่ หากคุณต้องการให้แสดงผลเป็น true เมื่อช่องว่างเปล่าอยู่หรือ null และ false หากมีอยู่

ไม่ได้ว่างเปล่าและมีอยู่

ช่องบางช่องในข้อมูลของคุณอาจว่างเปล่าอยู่ ตัวอย่างเช่น order.cancelReason จะแสดงผลเป็น null หากคำสั่งซื้อไม่ได้ถูกยกเลิก ใช้ไม่ได้ว่างเปล่าและมีอยู่ หากคุณต้องการให้แสดง true เมื่อช่องไม่ได้ว่างเปล่าและ false เมื่อช่องว่างเปล่าอยู่

ตัวดำเนินการรายการ

ระบบจะรวมตัวดำเนินการรายการเข้ากับตัวดำเนินการระดับช่องเพื่อช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบเงื่อนไขของข้อมูลที่มีอยู่ในรายการได้

ดังที่ปรากฏในตัวอย่าง “ข้อใดข้อหนึ่ง” คุณควรจะตรวจสอบว่าคำสั่งซื้อมีสินค้าแบบเฉพาะเจาะจง (อยู่ใน order.lineItems) ด้วยแท็กแบบเฉพาะเจาะจง (รายการภายใต้ order.lineItems.product.tags) ในทั้งสองกรณี ตัวอย่างใช้ตัวดำเนินการรายงานข้อใดข้อหนึ่ง

Flow มีตัวดำเนินการ 3 ตัวสำหรับดำเนินการกับรายการต่างๆ ดังนี้: ข้อใดข้อหนึ่ง ไม่มี และ ทั้งหมด

ข้อใดข้อหนึ่ง

เงื่อนไขที่มีรายการส่วนมากควรใช้ข้อใดข้อหนึ่ง ตัวดำเนินการนี้จะแสดงผลเป็น true หากมีสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งในรายการที่ตรงกับเงื่อนไข ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการตรวจสอบว่าคำสั่งซื้อมีสินค้าที่มีแท็กแบบเฉพาะเจาะจง คุณก็ควรใช้ข้อใดข้อหนึ่ง เมื่อรายการว่างเปล่า หรือเมื่อเงื่อนไขไม่ตรงตามที่กำหนด เงื่อนไขจะแสดงผลเป็น false

ไม่มีข้อใดใน

ในบางกรณี คุณควรตรวจสอบว่ารายการนั้นมีสินค้าหรือไม่ วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างเงื่อนไขนี้คือการเปลี่ยนตัวดำเนินการรายการเป็น ไม่มี ตัวดำเนินการนี้จะแสดงผลเป็น true หากไม่มีสินค้าชิ้นใดในรายการที่ตรงกับเงื่อนไข โดยสิ่งที่สำคัญก็คือหากรายการวางเปล่า ตัวดำเนินการนี้จะแสดงผลเป็น true ด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการตรวจสอบว่าสินค้าไม่มีแท็ก presaleุ คุณก็ควรใช้ None of product tags is equal to presale

ทั้งหมดใน

ในบางกรณี คุณควรตรวจสอบว่าสินค้าทั้งหมดในรายการตรงกับเงื่อนไขหรือไม่ ตัวอย่างเช่น คุณควรตรวจสอบว่าสินค้าทั้งหมดในคำสั่งซื้อมีเวนเดอร์สินค้าที่เฉพาะเจาะจงชื่อ Acme หรือไม่ หากต้องการทำเช่นนี้ คุณก็ควรใช้ All of order line items have a product.vendor equal to Acme

การจัดลำดับเงื่อนไข

คุณสามารถสร้างขั้นตอนการทำงานที่มีเงื่อนไขหลายข้อได้ ซึ่งเงื่อนไขแต่ละข้ออาจส่งผลให้เกิดการดำเนินการที่แตกต่างกัน ดังนั้นลำดับของเงื่อนไขจึงเป็นสิ่งสำคัญ การตรวจสอบเงื่อนไขจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นของขั้นตอนการทำงานและดําเนินไปอย่างเป็นระบบตามเงื่อนไขแต่ละข้อ โดยการตรวจสอบจะหยุดลงเมื่อตรงตามเงื่อนไข

การรวมเกณฑ์หลายๆ เกณฑ์ไว้ในเงื่อนไขเดียว

เมื่อสร้างเงื่อนไข คุณสามารถกำหนดเกณฑ์ได้หลายข้อ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะรวมเกณฑ์แยกนี้อย่างไร

หากตรงตามเงื่อนไขทุกข้อ

การเลือกหากตรงตามเงื่อนไขทุกข้อ จะให้คำตอบเป็นจริงเฉพาะเมื่อเกณฑ์ที่คุณกำหนดทุกข้อเป็นจริง ซึ่งจะเหมือนกับข้อความ AND ในการเขียนโปรแกรม

ตัวอย่างเช่น คุณสร้างขั้นตอนการทำงานเพื่อแท็กลูกค้าที่อยู่ในแคนาดาและใช้จ่ายมากกว่า $500 ในคำสั่งซื้อเดียว

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้เงื่อนไข “และ”

โดยขั้นตอนนี้จะแท็กลูกค้าก็ต่อเมื่อลูกค้าอยู่ในแคนาดาและใช้จ่ายในคำสั่งซื้อเกินกว่า $500 เท่านั้น หากเงื่อนไขเหล่านี้ข้อใดข้อหนึ่งเป็นเท็จ ระบบจะไม่แท็กลูกค้า

หากตรงตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง

การเลือกหากตรงตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งจะให้คำตอบเป็นจริงเมื่อเกณฑ์ที่คุณตั้งข้อใดข้อหนึ่งเป็นจริง ซึ่งจะเหมือนกับข้อความ OR ในการเขียนโปรแกรม

ตัวอย่างเช่น คุณสร้างขั้นตอนการทำงานเพื่อแท็กคำสั่งซื้อที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูงหรือปานกลาง

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้เงื่อนไข “หรือ”

ขั้นตอนการทำงานจะแท็กคำสั่งซื้อหากมีความเสี่ยงสูงหรือปานกลาง ตราบใดที่เงื่อนไขเหล่านั้นเป็นจริง คำสั่งซื้อจะได้รับการแท็ก

การรวมเงื่อไขและการดำเนินการ

คุณสามารถรวมเงื่อนไขเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเงื่อนไขที่มีขนาดใหญ่ได้หนึ่งรายการ เมื่อรวมแล้ว เงื่อนไขทุกประการจะต้องตรงตามเงื่อนไขทั้งหมดจึงจะเป็นจริง หากไม่ตรงตามเงื่อนไขใด เงื่อนไขทั้งหมดจะเป็นเท็จ ในตัวอย่างต่อไปนี้ ลูกค้าต้องยอมรับเอกสารทางการตลาดและราคารวมของคำสั่งซื้อจะต้องตรงตามเกณฑ์ที่แน่นอน

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่จะทำการตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายรวมของลูกค้าและเพิ่มแท็ก

ในทำนองเดียวกัน คุณสามารถรวมการดำเนินการเข้าด้วยกันเพื่อเรียกใช้ครั้งละหลายรายการได้ ตัวอย่างนี้ใช้เงื่อนไขหลายประการเพื่อตรวจสอบว่าลูกค้ามีสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมความภักดีหรือไม่ โดยจะอิงตามจำนวนเงินทั้งหมดที่ใช้จ่ายในร้านค้า เงื่อนไขต่อไปนี้ในตัวอย่างข้างต้นได้รับการตรวจสอบตามลำดับที่ปรากฏ

  1. หากราคารวมมากกว่า $1,000 และลูกค้ายินยอมที่จะรับแผนด้านการตลาดดังกล่าว ให้แท็กลูกค้าด้วยแท็กทอง
  2. หากราคารวมน้อยกว่า $1,000 แต่มากกว่า $500 และลูกค้ายินยอมที่จะรับแผนด้านการตลาดดังกล่าว ให้แท็กลูกค้าด้วยแท็กเงิน
  3. หากลูกค้าใช้จ่ายมากกว่า $200 และยินยอมที่จะรับแผนด้านการตลาดดังกล่าว ให้แท็กลูกค้าด้วยแท็กทองแดง

ข้อมูลคงที่และข้อมูลไดนามิกในเงื่อนไข

โดยทั่วไปแล้ว ค่าที่สองในเงื่อนไขจะเป็นค่าคงที่ที่ป้อนด้วยตนเอง (เช่น product.title == "your title") ซึ่งค่านี้จะยังคงเหมือนเดิมทุกครั้งที่ดำเนินขั้นตอนการทำงาน

นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ค่าไดนามิกได้หากช่องสำหรับค่าที่สองแสดงสัญลักษณ์ </> ค่าไดนามิกจะถูกดึงมาจากข้อมูลร้านค้าของคุณทุกครั้งที่ดำเนินขั้นตอนการทำงาน หากต้องการใช้ค่าไดนามิก ให้คลิกที่สัญลักษณ์ </> และเลือกค่าที่คุณต้องการตรวจสอบ โดยค่าไดนามิกไม่ได้พร้อมใช้งานกับทุกช่อง

ตัวอย่างเช่น คุณต้องสร้างขั้นตอนการทำงานที่จะแท็กคำสั่งซื้อ หากประเทศที่อยู่ในที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงินของคำสั่งซื้อดังกล่าวตรงกับประเทศที่อยู่ในที่อยู่ที่จัดส่ง

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่จะแท็กคำสั่งซื้อที่ใช้ข้อมูล RHS เพื่อตรวจสอบว่าประเทศสำหรับเรียกเก็บเงินและประเทศที่จัดส่งของลูกค้าเหมือนกันหรือไม่

ในตัวอย่างนี้ ระบบจะทำการดึงทั้งค่าแรกและค่าที่สองมาจากข้อมูลร้านค้าของคุณ แทนที่จะระบุสตริงคงที่เพื่อตรวจสอบค่าที่สองด้วยตนเอง หากประเทศในที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงินที่ลูกค้าให้ไว้เป็นประเทศเดียวกันกับในที่อยู่ที่จัดส่งที่ลูกค้าให้ไว้ แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง และคำสั่งซื้อจะได้รับการแท็ก

คุณอาจจำเป็นต้องใช้ข้อมูลแบบไดนามิกแบบผิดประเภทในบางครั้ง ตัวอย่างเช่น คุณอาจจำเป็นต้องเปรียบเทียบตัวเลขที่จัดเก็บไว้เป็นสตริงกับตัวเลขอื่น ในกรณีนี้ คุณสามารถใช้ตัวเลือกเรียกใช้เพื่อแปลงข้อมูลให้เป็นประเภทที่ถูกต้องได้

พร้อมเริ่มต้นการขายด้วย Shopify แล้วหรือยัง

ทดลองใช้งานฟรี