เงื่อนไขใน Shopify Flow

ใน Shopify Flow เงื่อนไขจะเป็นตัวกำหนดว่าจะมีการดำเนินการเกิดขึ้นหลังจากทริกเกอร์เริ่มขั้นตอนการทำงานหรือไม่ เมื่อคุณกำหนดเงื่อนไข คุณต้องเลือกค่าที่ได้จากข้อมูลในร้านค้าของคุณ ซึ่งก็คือตัวดำเนินการทางตรรกะ และกำหนดค่าที่จะให้ตรวจสอบด้วยตนเอง

ประเภทของข้อมูลที่ใช้กับ Flow

ค่าแรกในทุกเงื่อนไขของ Flow คือข้อมูลที่ได้รับจากร้านค้าของคุณ และเป็นค่าที่ได้จาก GraphQL Admin API

Flow รองรับประเภทข้อมูลดังต่อไปนี้:

  • ทศนิยม: ค่าทศนิยมคือตัวเลขที่มีจุดทศนิยม ตัวอย่างเช่น 4.25
  • จํานวนเต็ม: ค่าจํานวนเต็มคือจํานวนเต็มที่ไม่มีจุดทศนิยม ตัวอย่างเช่น 42
  • วันที่: ค่าวันที่คือตัวเลขที่แสดงวันที่ ตัวอย่างเช่น 01012021
  • สตริง: ค่าสตริงคือข้อความ ตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ไม่มีผลต่อการเปรียบเทียบโดยใช้ค่าสตริง
  • บูลีน: ค่าบูลีนจะเป็นจริงหรือเท็จ
  • Enum: ค่า Enum คือชุดข้อมูลที่อนุญาตให้ตัวแปรเป็นชุดของค่าคงที่ที่กําหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว

ตัวดำเนินการตรรกะที่ใช้ใน Flow

ตัวดำเนินการตรรกะจะกำหนดวิธีการใช้งานเงื่อนไขของคุณ เงื่อนไขสามารถตรวจสอบคุณสมบัติอย่างง่ายได้ เช่น ยอดรวมของคำสั่งซื้อสูงกว่าจำนวนที่กำหนดใช่หรือไม่ หรือลูกค้ายอมรับการทำการตลาดใช่หรือไม่ นอกจากนี้ ตัวดำเนินการตรรกะยังสามารถตรวจสอบคุณสมบัติที่ซับซ้อนมากขึ้นได้

Flow สามารถใช้ตัวดำเนินการต่อไปนี้ได้:

เท่ากับ

เท่ากับเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าเหมือนกันหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.currentTotalDiscountsSet.shopMoney.amount จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง 50

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “เท่ากับ” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาเท่ากับ 50

หากค่าแรกเท่ากับ 50 แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่เท่ากับ

ไม่เท่ากับเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าเหล่านั้นเหมือนกันหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.currentTotalDiscountsSet.shopMoney.amount จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง 50

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่เท่ากับ” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาไม่เท่ากับ 50

หากค่าแรกเท่ากับ 93 แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

มากกว่าและมากกว่าหรือเท่ากับ

มากกว่าและมากกว่าหรือเท่ากับเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกมากกว่าหรือมากกว่าหรือเท่ากับค่าที่สอง ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.currentTotalDiscountsSet.shopMoney.amount จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง 50

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “มากกว่า” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมามากกว่า 50

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ 137 แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจาก 137 มากกว่า 50 คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

น้อยกว่าและน้อยกว่าหรือเท่ากับ

น้อยกว่าและน้อยกว่าหรือเท่ากับเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกน้อยกว่าหรือน้อยกว่าหรือเท่ากับค่าที่สอง ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.currentTotalDiscountsSet.shopMoney.amount จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง 50

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “น้อยกว่าหรือเท่ากับ” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ 47 แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจาก 47 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50 คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ข้อใดข้อหนึ่งใน

ข้อใดข้อหนึ่ง จะเปรียบเทียบค่าต่างๆ ในอาร์เรย์ของข้อมูลเพื่อดูว่าอินพุตค่าแรกมีข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งในอินพุตค่าที่สองหรือไม่ โดยต้องป้อนค่าที่จะทำการตรวจสอบทีละค่าแล้วกด Enter การใช้ ข้อใดข้อหนึ่ง ในอาร์เรย์ที่ว่างเปล่าจะทำให้เกิดการประเมินผลที่เป็นเท็จ ในตัวอย่างต่อไปนี้จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitem.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับชุดค่าที่สอง: สับปะรด ฝรั่ง กีวี่

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ข้อใดข้อหนึ่งใน” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมามี pineapple, guava หรือ kiwi

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ guava แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากมี guava อยู่ในอาร์เรย์ pineapple, guava, kiwi คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่ใช่ข้อใดข้อหนึ่งใน

ไม่ใช่ข้อใดข้อหนึ่ง เปรียบเทียบค่าต่างๆ ในอาร์เรย์ของข้อมูลเพื่อดูว่าอินพุตค่าแรกไม่มีข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งในอินพุตค่าที่สองใช่หรือไม่ โดยต้องป้อนค่าที่จะทำการตรวจสอบทีละค่าแล้วกด Enter ในตัวอย่างต่อไปนี้จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitem.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับชุดค่าที่สอง: สับปะรด ฝรั่ง กีวี่

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่เป็นข้อใดข้อหนึ่งใน” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมามีไม่มี pineapple, guava หรือ kiwi

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ raspberry แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากไม่มี raspberry อยู่ในอาร์เรย์ pineapple, guava, kiwi คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

มี

มีเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งในอินพุตค่าแรกมีข้อมูลที่อยู่ในอินพุตค่าที่สองหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitem.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง scrape

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “มี” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมามีสตริง scrape อยู่

หากค่าที่ได้จากข้อมูลร้านค้าของคุณคือ skyscraper แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากในสตริง skyscraper มีสตริง scrape อยู่ คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่มี

ไม่มีเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งในอินพุตค่าแรกไม่มีข้อมูลที่อยู่ในอินพุตค่าที่สองใช่หรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitem.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง scrape

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่มี” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาไม่มีสตริง scrape อยู่

หากค่าที่ได้จากข้อมูลร้านค้าของคุณคือ scrap-metal แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากในสตริง scrap-metal ไม่มีสตริง scrape อยู่ คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ขึ้นต้นด้วย

ขึ้นต้นด้วยเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกขึ้นต้นด้วยข้อมูลในค่าที่สองหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.shippingAddress.country จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง United

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ขึ้นต้นด้วย” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาขึ้นต้นด้วยสตริง United

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ United Kingdom แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากสตริง United Kingdom ขึ้นต้นด้วยสตริง United คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย

ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกไม่ได้ขึ้นต้นด้วยข้อมูลในค่าที่สองใช่หรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.shippingAddress.country จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง United

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาไม่ได้ขึ้นต้นด้วยสตริง United

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ Canada แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากสตริง United Kingdom ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย Canada คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ลงท้ายด้วย

ลงท้ายด้วยเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกลงท้ายด้วยข้อมูลในค่าที่สองหรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitems.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง “ที่เหลืออยู่”

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ลงท้ายด้วย” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาลงท้ายด้วยสตริง “ที่เหลืออยู่”

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ “ถุงเท้ากีฬาที่เหลืออยู่” แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากสตริง “ถุงเท้ากีฬาที่เหลืออยู่” ลงท้ายด้วยสตริง “ที่เหลืออยู่” คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

ไม่ได้ลงท้ายด้วย

ไม่ได้ลงท้ายด้วยเปรียบเทียบค่าต่างๆ เพื่อดูว่าค่าแรกไม่ได้ลงท้ายด้วยข้อมูลในค่าที่สองใช่หรือไม่ ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะมีการกู้คืนค่าสำหรับ order.lineitems.product.title จากข้อมูลร้านค้าของคุณและเปรียบเทียบกับค่าที่สองอย่าง “ที่เหลืออยู่”

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้ตัวดำเนินการตรรกะ “ไม่ได้ลงท้ายด้วย” เพื่อยกเลิกคำสั่งซื้อ หากข้อมูลที่กู้คืนมาไม่ได้ลงท้ายด้วยสตริง “ที่เหลืออยู่”

หากค่าที่ได้จากร้านค้าของคุณคือ “ถุงเท้ากีฬาใหม่” แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง เนื่องจากสตริง “ถุงเท้ากีฬาใหม่” ไม่ได้ลงท้ายด้วยสตริง “ที่เหลืออยู่” คำสั่งซื้อจะถูกยกเลิก

เงื่อนไขการสั่งซื้อ

คุณสามารถสร้างขั้นตอนการทำงานที่มีเงื่อนไขหลายข้อได้ ซึ่งเงื่อนไขแต่ละข้ออาจส่งผลให้เกิดการดำเนินการที่แตกต่างกัน ดังนั้นลำดับของเงื่อนไขจึงเป็นสิ่งสำคัญ การตรวจสอบเงื่อนไขจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นของขั้นตอนการทำงานและดําเนินไปอย่างเป็นระบบตามเงื่อนไขแต่ละข้อ โดยการตรวจสอบจะหยุดลงเมื่อตรงตามเงื่อนไข

ตรงตามเงื่อนไขหลายข้อ

ขณะที่คุณกำหนดเงื่อนไข คุณสามารถตั้งเกณฑ์ต่างๆ และกำหนดได้ว่า Flow จะถือว่าเงื่อนไขเป็นจริง หากตรงตามเงื่อนไขทั้งหมดหรือหากตรงตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง

หากตรงตามเงื่อนไขทุกข้อ

การเลือกหากตรงตามเงื่อนไขทุกข้อจะให้คำตอบเป็นจริง หากเกณฑ์ที่คุณตั้งทุกข้อเป็นจริง

ตัวอย่างเช่น คุณสร้างขั้นตอนการทำงานเพื่อแท็กลูกค้าที่อยู่ในแคนาดาและใช้จ่ายมากกว่า $500 ในคำสั่งซื้อเดียว

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้เงื่อนไข “และ”

ขั้นตอนนี้จะแท็กลูกค้าก็ต่อเมื่อลูกค้าอยู่ในแคนาดาและใช้จ่ายในคำสั่งซื้อเกินกว่า $500 เท่านั้น หากเงื่อนไขเหล่านี้ข้อใดข้อหนึ่งเป็นเท็จ ระบบจะไม่แท็กลูกค้า

หากตรงตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง

การเลือกหากตรงตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งจะให้คำตอบเป็นจริง หากเกณฑ์ที่คุณตั้งข้อใดข้อหนึ่งเป็นจริง

ตัวอย่างเช่น คุณสร้างขั้นตอนการทำงานเพื่อแท็กคำสั่งซื้อที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูงหรือปานกลาง

ตัวอย่างขั้นตอนการทำงานที่ใช้เงื่อนไข “หรือ”

ขั้นตอนการทำงานจะแท็กคำสั่งซื้อหากมีความเสี่ยงสูงหรือปานกลาง ตราบใดที่เงื่อนไขเหล่านั้นเป็นจริง คำสั่งซื้อจะได้รับการแท็ก

การรวมเงื่อนไขและการดำเนินการ

คุณสามารถรวมเงื่อนไขเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเงื่อนไขที่มีขนาดใหญ่ได้หนึ่งรายการ เมื่อรวมแล้ว เงื่อนไขทุกประการจะต้องตรงตามเงื่อนไขทั้งหมดจึงจะเป็นจริง หากไม่ตรงตามเงื่อนไขใด เงื่อนไขทั้งหมดจะเป็นเท็จ ในตัวอย่างต่อไปนี้ ลูกค้าต้องยอมรับเอกสารทางการตลาดและราคารวมของคำสั่งซื้อจะต้องตรงตามเกณฑ์ที่แน่นอน

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่จะทำการตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายรวมของลูกค้าและเพิ่มแท็ก

ในทำนองเดียวกัน คุณสามารถรวมการดำเนินการเข้าด้วยกันเพื่อเรียกใช้ครั้งละหลายรายการได้ ตัวอย่างนี้ใช้เงื่อนไขหลายประการเพื่อตรวจสอบว่าลูกค้ามีสิทธิ์เข้าร่วมโปรแกรมความภักดีหรือไม่ โดยจะอิงตามจำนวนเงินทั้งหมดที่ใช้จ่ายในร้านค้า เงื่อนไขต่อไปนี้ในตัวอย่างข้างต้นได้รับการตรวจสอบตามลำดับที่ปรากฏ:

  1. หากราคารวมมากกว่า $1,000 และลูกค้ายินยอมที่จะรับแผนด้านการตลาดดังกล่าว ให้แท็กลูกค้าด้วยแท็กทอง
  2. หากราคารวมน้อยกว่า $1,000 แต่มากกว่า $500 และลูกค้ายินยอมที่จะรับแผนด้านการตลาดดังกล่าว ให้แท็กลูกค้าด้วยแท็กเงิน
  3. หากลูกค้าใช้จ่ายมากกว่า $200 และยินยอมที่จะรับแผนด้านการตลาดดังกล่าว ให้แท็กลูกค้าด้วยแท็กทองแดง

ข้อมูลคงที่และไดนามิกในเงื่อนไข

โดยทั่วไปแล้ว ค่าที่สองในเงื่อนไขจะเป็นค่าคงที่ที่ป้อนด้วยตนเอง ค่านี้จะยังคงเหมือนเดิมทุกครั้งที่ดำเนินขั้นตอนการทำงาน

นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ค่าไดนามิกได้หากช่องสำหรับค่าที่สองแสดงสัญลักษณ์ </> ค่าไดนามิกจะถูกดึงมาจากข้อมูลร้านค้าของคุณทุกครั้งที่ดำเนินขั้นตอนการทำงาน หากต้องการใช้ค่าไดนามิก ให้คลิกที่สัญลักษณ์ </> และเลือกค่าที่คุณต้องการตรวจสอบ โดยค่าไดนามิกไม่ได้พร้อมใช้งานกับทุกช่อง

ตัวอย่างเช่น คุณต้องสร้างขั้นตอนการทำงานที่จะแท็กคำสั่งซื้อ หากประเทศที่อยู่ในที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงินของคำสั่งซื้อดังกล่าวตรงกับประเทศที่อยู่ในที่อยู่ที่จัดส่ง

ตัวอย่างของขั้นตอนการทำงานที่จะแท็กคำสั่งซื้อที่ใช้ข้อมูล RHS เพื่อตรวจสอบว่าประเทศสำหรับเรียกเก็บเงินและประเทศที่จัดส่งของลูกค้าเหมือนกันหรือไม่

ในตัวอย่างนี้ ระบบจะทำการดึงทั้งค่าแรกและค่าที่สองมาจากข้อมูลร้านค้าของคุณ แทนที่จะระบุสตริงคงที่เพื่อตรวจสอบค่าที่สองด้วยตนเอง หากประเทศในที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงินที่ลูกค้าให้ไว้เป็นประเทศเดียวกันกับในที่อยู่ที่จัดส่งที่ลูกค้าให้ไว้ แสดงว่าเงื่อนไขเป็นจริง และคำสั่งซื้อจะได้รับการแท็ก

พร้อมเริ่มต้นการขายด้วย Shopify แล้วหรือยัง

ทดลองใช้งานฟรี