การโต้แย้งการเรียกเก็บเงินจากบัญชี Shopify Balance ของคุณ

ในฐานะผู้ขายบน Shopify แล้ว คุณควรทำหน้าที่กำกับดูแลธุรกรรมทางการเงินของคุณ ซึ่งรวมถึงธุรกรรมที่มีในบัญชี Shopify Balance ของคุณ หากคุณพบธุรกรรมที่คุณคิดว่าไม่ถูกต้อง คุณจะมีตัวเลือกในการโต้แย้ง

ในกรณีที่คุณสงสัยว่าบัตร Shopify Balance ของคุณถูกบุกรุก สูญหาย ถูกขโมย หรือใช้โดยฉ้อโกง คุณควรยกเลิกบัตรและขอใบใหม่ทันทีเพื่อปกป้องบัญชีของคุณและป้องกันกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ต่อไป

ทำความเข้าใจกับข้อแตกต่างระหว่างการโต้แย้งและการคืนเงิน

ข้อโต้แย้งจะเกิดขึ้นเมื่อคุณระบุข้อผิดพลาดหรือปัญหาเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินรายการใดรายการหนึ่งในบัญชีของคุณ โดยระบุว่าการเรียกเก็บเงินไม่ถูกต้อง หรือผู้ขายไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดในการใช้บริการที่ตกลงกันไว้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับกรณีที่มียอดเรียกเก็บเงินไม่ถูกต้อง ความไม่พอใจต่อคุณภาพของสินค้าหรือบริการ หรือไม่ได้รับการจัดส่งสินค้าหรือบริการ ในกระบวนการโต้แย้งนั้น คุณต้องทำการโต้แย้งการเรียกเก็บเงินผ่าน Shopify Balance (ผู้ออกบัตร) ซึ่งจะเป็นฝ่ายตรวจสอบและไกล่เกลี่ยกับผู้ขายเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโต้แย้งด้านบัตร Shopify Balance ประเภทต่างๆ

ในทางกลับกัน การคืนเงินเป็นคำขอแบบตรงไปตรงมาซึ่งจะขอกับผู้ขายโดยตรงให้คืนเงินที่ได้ชำระไป ซึ่งตามปกติมักเกิดขึ้นเพราะคุณเปลี่ยนแผน ไม่พอใจกับการซื้อ หรือตัดสินใจคืนสินค้าตามนโยบายการคืนสินค้า การคืนเงินจะแตกต่างกับการโต้แย้งตรงที่การคืนเงินไม่ต้องมีผู้ออกบัตรเข้ามาเกี่ยวข้องในขั้นแรก และเป็นการดำเนินการระหว่างคุณและผู้ขายกันโดยตรง

สิทธิ์ในการโต้แย้งการเรียกเก็บเงินในบัญชี Shopify Balance ของคุณ

ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการโต้แย้ง โปรดทำความเข้าใจกับเกณฑ์กำหนดสิทธิ์ดังต่อไปนี้

  • สถานะธุรกรรม: เฉพาะธุรกรรมที่มีการบันทึกข้อมูลไว้เท่านั้นที่โต้แย้งได้
  • กรอบเวลา: จะต้องยื่นข้อโต้แย้งภายใน 60 วันนับจากวันที่มีการบันทึกข้อมูลธุรกรรมแล้ว
  • หมวดหมู่การโต้แย้ง: การโต้แย้งที่มีสิทธิ์จะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่แบบเฉพาะเจาะจง และอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของธุรกรรม (ธุรกรรมผ่านบัตรหรือการโอนเงินแบบสำนักหักบัญชีอัตโนมัติ (ACH))

คุณสามารถโต้แย้งได้เฉพาะการซื้อเท่านั้น ไม่สามารถโต้แย้งการคืนเงินได้

การดำเนินการก่อนการโต้แย้ง

ก่อนโต้แย้งการเรียกเก็บเงิน โปรดพิจารณาติดต่อกับผู้ขายและตรวจสอบรายละเอียดธุรกรรม ตามรายละเอียดดังนี้:

  • ติดต่อเวนเดอร์: ลองติดต่อเวนเดอร์โดยตรงก่อนสร้างการโต้แย้ง ในหลายกรณี การติดต่อเวนเดอร์โดยตรงอาจช่วยให้แก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น หากคุณต้องการ ID ธุรกรรม ให้ติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify
  • ตรวจสอบรายละเอียดธุรกรรม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าธุรกรรมมีการบันทึกข้อมูลไว้แล้ว และยืนยันว่าวันที่ทำธุรกรรมอยู่ภายในกรอบเวลาที่ให้สิทธิ์ยื่นข้อโต้แย้งได้ (ผ่านมาแล้วไม่เกิน 60 วัน)

โต้แย้งธุรกรรมผ่านบัตร Shopify Balance ที่มีสิทธิ์

หลังจากที่คุณรายงานธุรกรรมแล้ว บัตร Shopify Balance ของคุณจะถูกยกเลิกทันทีและจะมีการออกบัตรทดแทนให้ การเปลี่ยนบัตรเสมือนจะออกให้ทันที สำหรับบัตรจริง คุณสามารถคาดหวังได้ว่าบัตรทดแทนจะมาถึงภายใน 5-8 วันทำการ หลังจากที่คุณได้รับบัตรใหม่แล้ว คุณจะต้องอัปเดตการชำระเงินที่เกิดซ้ำด้วยรายละเอียดบัตรใหม่ของคุณ คุณยังสามารถตรวจสอบสถานะของรายงานธุรกรรมการฉ้อโกงของคุณได้โดยการดูรายละเอียดธุรกรรม

หมวดหมู่การโต้แย้งที่มีสิทธิ์สำหรับธุรกรรมผ่านบัตร Shopify Balance

คุณสามารถโต้แย้งการเรียกเก็บเงินจากบัตร Shopify Balance ของคุณด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:

  • ยกเลิกแล้ว
  • ถูกโจรกรรมข้อมูล
  • ทำซ้ำ
  • การฉ้อโกง
  • สูญหาย
  • สินค้าไม่ตรงตามคำอธิบาย
  • ไม่ได้รับ
  • บริการไม่ตรงตามคำอธิบาย
  • ถูกขโมย
  • เหตุผลอื่นๆ

ขั้นตอน:

  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่ การเงิน > ยอดคงเหลือ
  2. ในส่วนธุรกรรม ให้คลิกที่ธุรกรรมที่คุณต้องการรายงานว่าเป็นการฉ้อโกง
  3. คลิก รายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย
  4. ทางเลือก: หากคุณสงสัยว่ามีธุรกรรมหลายรายการที่ถูกฉ้อโกง ให้คลิกเพิ่มเพื่อรวมธุรกรรมเพิ่มเติมในรายงานของคุณ
  5. ตรวจสอบธุรกรรมทั้งหมดที่คุณเลือก จากนั้นคลิกดำเนินการต่อ
  6. ทางเลือก: คลิกเพิ่มไฟล์เพื่อแนบหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งสนับสนุนการเรียกร้องของคุณ เช่น รายงานของตำรวจ หรือการโต้ตอบกับผู้ขาย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ยกเว้นข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือรหัสผ่านส่วนตัว คลิกดำเนินการต่อหลังจากแนบเอกสาร
  7. ทางเลือก: สำหรับบัตรจริง ให้ยืนยันที่อยู่ที่จัดส่งของคุณ จากนั้นคลิกดำเนินการต่อ
  8. เลือกฉันยืนยันว่าฉันไม่ได้อนุญาตธุรกรรมที่เลือกเพื่อยืนยันรายงานของคุณ จากนั้นคลิกส่งรายงาน
  9. ในกล่องโต้ตอบส่งรายงานและเปลี่ยนบัตร คลิกดำเนินการต่อ

โต้แย้งการโอนเงินแบบ ACH ที่มีสิทธิ์

หากข้อโต้แย้งที่มีสิทธิ์ของคุณอยู่ในหมวดหมู่การโอนเงินแบบ ACH คุณต้องส่งการโต้แย้งเพื่อให้ฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify ตรวจสอบ

หมวดหมู่การโต้แย้งที่มีสิทธิ์สำหรับการโอนเงินแบบ ACH

หากต้องการมีสิทธิ์โต้แย้ง การโอนเงินแบบ ACH จะต้องอยู่ในหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่งดังต่อไปนี้

  • การเรียกเก็บเงินซ้ำซ้อน
  • จำนวนเงินไม่ถูกต้อง
  • ธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
  • ชื่อผู้รับไม่ถูกต้อง
  • หมายเลขบัญชีหรือหมายเลขเส้นทางไม่ถูกต้อง

ขั้นตอน:

  1. เข้าถึงบัญชีผู้ใช้ของคุณ: จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่ การเงิน > Balance
  2. ระบุธุรกรรม: ในส่วนธุรกรรม คลิกธุรกรรมที่คุณต้องการโต้แย้ง
  3. ประเมินและรวบรวมเอกสาร: รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องที่จะช่วยสนับสนุนคำร้องของคุณ ตัวอย่างเช่น ใบเสร็จ การโต้ตอบกับผู้ขาย หลักฐานการคืนสินค้า และข้อตกลงการใช้บริการ
  4. ติดต่อกับฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify: ติดต่อที่ปรึกษาด้านความช่วยเหลือของ Shopify และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมที่เป็นประเด็น เหตุผลในการโต้แย้ง และหลักฐานเพิ่มเติมใดๆ ที่ฝ่ายช่วยเหลือต้องการ
  5. ส่งข้อโต้แย้ง: ตรวจสอบยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดถูกต้อง และให้ฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify ส่งข้อโต้แย้งของคุณ

การยกเลิกข้อโต้แย้ง

หากคุณต้องการยกเลิกข้อโต้แย้ง คุณมีเวลา 24 ถึง 48 ชั่วโมงในการขอยกเลิกข้อโต้แย้งนับจากเวลาที่มีการสร้างข้อโต้แย้งดังกล่าวขึ้น หลักจากที่มีการยกเลิกข้อโต้แย้งแล้ว คุณจะไม่สามารถโต้แย้งธุรกรรมนั้นๆ ได้อีกในภายหลัง

คุณจะไม่สามารถยกเลิกข้อโต้แย้งได้เมื่อคุณรายงานการเรียกเก็บเงินที่เป็นการฉ้อโกงผ่าน Shopify admin ของคุณ

ลำดับเหตุการณ์การระงับข้อโต้แย้งและคำตัดสินที่เป็นที่สิ้นสุด

อาจใช้เวลาในการระงับข้อโต้แย้งสูงสุดถึง 90 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและรายละเอียดที่กำหนดโดยกฎเครือข่าย (เช่น Visa)

หลังจากที่คุณส่งการโต้แย้งมาถึงเราแล้ว พาร์ทเนอร์ทางธนาคารของ Shopify Balance จะเป็นฝ่ายตรวจสอบการโต้แย้ง คุณจะได้รับอัปเดตทางอีเมลเกี่ยวกับสถานะและผลลัพธ์ของการตรวจสอบการโต้แย้ง หากมีคำตัดสินให้คุณเป็นฝ่ายชนะการโต้แย้ง ระบบจะปรับบัญชีของคุณให้สอดคล้องกับคำตัดสิน

คำตัดสินในการระงับข้อโต้แย้งถือเป็นที่สิ้นสุด

ทำความเข้าใจกับข้อโต้แย้งเกี่ยวกับบัตรประเภทต่างๆ

ตารางต่อไปนี้จำแนกข้อโต้แย้งเกี่ยวกับบัตรออกเป็นประเภทต่างๆ บอกรายละเอียดข้อโต้แย้งแต่ละประเภท ชี้แจงเอกสารสำคัญที่อาจจำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการ และยกตัวอย่างสถานการณ์ที่จัดเป็นข้อโต้แย้งที่ยอมรับได้หรือยอมรับไม่ได้

ประเภทข้อโต้แย้ง คำอธิบายประเภทข้อโต้แย้ง เอกสารที่จำเป็น ตัวอย่างข้อโต้แย้งที่ยอมรับได้ ตัวอย่างข้อโต้แย้งที่ยอมรับไม่ได้
การหลอกลวง มีการเรียกเก็บเงินโดยปราศจากคำยินยอมจากผู้ถือบัตร
  • คำอธิบาย (ต้องมี): อธิบายธุรกรรมที่เป็นประเด็นและเหตุผลในการโต้แย้ง
  • เอกสารเพิ่มเติม: เอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบแจ้งยอดบัตรและการติดตามการจัดส่งคืนสินค้า ในรูปแบบไฟล์ PDF หรือ JPEG
มีธุรกรรมที่ไม่รู้จักปรากฏอยู่ในใบแจ้งยอด โต้แย้งธุรกรรมที่คุณลืมไปแล้ว
ไม่ได้รับจัดส่ง ชำระค่าสินค้าหรือบริการไปแล้วแต่ไม่ได้รับจัดส่งตามที่ตกลงกันไว้
  • ประเภทสินค้า (ต้องมี)
  • คำอธิบายสินค้า (ต้องมี)
  • วันที่คาดว่าจะได้รับ (ต้องระบุ)
  • คำอธิบาย: ระบุว่าสินค้ามาถึงช้าหรือไม่
  • เอกสารเพิ่มเติม: ภาพหน้าจอแสดงอีเมลหรือข้อความ
ชำระค่าสินค้าไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับจัดส่ง โต้แย้งการจัดส่งล่าช้าแต่มีการจัดส่งแล้ว
ทำซ้ำ ถูกเรียกเก็บเงินจากธุรกรรมเดียวกันเกินหนึ่งครั้ง
  • ส่งเอกสารใดเอกสารหนึ่งต่อไปนี้
    • ใบเสร็จเงินสด: ใบเสร็จของการทำธุรกรรมด้วยเงินสด
    • ภาพเช็ค: ภาพเช็คทั้งสองด้าน
    • ธุรกรรมเดิม: โทเค็นแสดงการทำธุรกรรมครั้งแรก
มีการเรียกเก็บเงินเหมือนกันสองครั้งปรากฏอยู่ในใบแจ้งยอด มีการเรียกเก็บเงินสำหรับธุรกรรมที่คล้ายกันสองรายการซึ่งทำโดยสมัครใจ
สินค้าไม่ตรงตามคำอธิบาย สินค้าที่ได้รับแตกต่างจากคำอธิบาย ณ เวลาที่ทำการซื้อ
  • ได้รับเมื่อ (ต้องมี)
  • สถานะการคืนสินค้า (ต้องมี): ผลจากการขอคืนสินค้า
  • ส่งคืนเมื่อ (ต้องมี)
  • คำบรรยายการคืนสินค้า (ต้องมี): รายละเอียดขั้นตอนการคืนสินค้า
  • คำอธิบาย (ต้องมี)
  • เอกสารเพิ่มเติม: ภาพหน้าจอแสดงการโต้ตอบ
สินค้าที่ได้รับมีสี รูปลักษณ์ หรือขนาดแตกต่างไปจากที่สั่งเอาไว้ โต้แย้งเพราะนึกเสียดายที่ซื้อหรือเกิดเปลี่ยนใจหลังจากที่ได้รับสินค้าที่ตรงตามคำอธิบายแล้ว
บริการไม่ตรงตามคำอธิบาย ได้รับบริการแตกต่างไปจากที่ซื้อไว้
  • ได้รับเมื่อ (ต้องมี)
  • ยกเลิกเมื่อ (ต้องมี)
  • เหตุผลที่ยกเลิก (ต้องมี)
  • คำอธิบาย (ต้องมี)
  • เอกสารเพิ่มเติม: ภาพหน้าจอแสดงการโต้ตอบ
บริการผิดไปจากคุณภาพหรือเนื้อหาที่โฆษณาไว้อย่างมาก ไม่พอใจการให้บริการโดยประเมินจากประสบการณ์ส่วนตัวซึ่งผู้ขายไม่ได้ให้คำมั่นไว้
ยกเลิกแล้ว มีการเรียกเก็บเงินสำหรับบริการหรือสินค้าที่ถูกยกเลิกตามนโยบายของผู้ขาย
  • ประเภทสินค้า (ต้องมี)
  • คำอธิบายสินค้า (ต้องมี)
  • วันที่คาดว่าจะได้รับ (ต้องระบุ)
  • การปฏิบัติตามนโยบายการยกเลิก (ต้องมี)
  • ยกเลิกเมื่อ (ต้องมี)
  • เหตุผลที่ยกเลิก (ต้องมี)
  • ส่งคืนเมื่อ
  • สถานะการคืนสินค้า
  • คำอธิบาย
  • เอกสารเพิ่มเติม: ภาพหน้าจอแสดงการโต้ตอบ
ถูกเรียกเก็บเงินหลังจากที่คำสั่งซื้อถูกยกเลิกตามนโยบายการยกเลิก โต้แย้งหลังจากยกเลิกบริการหรือสินค้าซึ่งอยู่นอกกรอบเวลานโยบายการยกเลิก
อื่นๆ ข้อโต้แย้งที่ไม่เป็นไปตามหมวดหมู่มาตรฐาน
  • ประเภทสินค้า (ต้องมี)
  • คำอธิบายสินค้า (ต้องมี)
  • คำอธิบาย (ต้องมี)
  • เอกสารเพิ่มเติม: ภาพหน้าจอแสดงการโต้ตอบ
การเรียกเก็บเงินที่ไม่คาดคิดโดยไม่มีคำอธิบายหรือหมวดหมู่ที่ชัดเจน ไม่มีตัวอย่าง เนื่องจากข้อโต้แย้งหมวดหมู่อื่นๆ ครอบคลุมสถานการณ์ได้กว้างมาก จึงต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป

พร้อมเริ่มต้นการขายด้วย Shopify แล้วหรือยัง

ทดลองใช้งานฟรี