การแก้ไขตัวเลือกแบบฟอร์มการชำระเงิน
คุณสามารถเปลี่ยนช่องบางช่องในหน้าการชำระเงินของคุณเพื่อให้เป็นช่องจำเป็นต้องกรอก ไม่จำเป็นต้องกรอก หรือไม่แสดงได้ ทั้งนี้ คุณไม่สามารถแก้ไขช่องแบบฟอร์มทั้งหมดได้
คุณสามารถเปลี่ยนตัวเลือกแบบฟอร์มต่อไปนี้ได้
ชื่อเต็ม
ชื่อจริงและนามสกุลคือช่องแบบฟอร์มที่แยกกันสองช่อง คุณสามารถเปลี่ยนให้เป็นเป็นช่องแบบฟอร์มช่องเดียวได้โดยเลือก “จำเป็นต้องใส่นามสกุลเท่านั้น”
ตัวเลือกแบบฟอร์ม
- จำเป็นต้องระบุนามสกุลเท่านั้น
- จำเป็นต้องระบุชื่อและนามสกุล
ชื่อบริษัท
หากลูกค้าป้อนข้อมูลใดๆ ในช่องชื่อบริษัท จะทำให้มีสิทธิ์เข้าถึงตัวเลือกการจัดส่งที่ให้เลือกใช้งานสำหรับที่อยู่ของธุรกิจเท่านั้น หากคุณไม่ได้ขายให้กับธุรกิจ คุณสามารถลบช่องออกโดยการเลือกไม่แสดงในตัวเลือกแบบฟอร์มการชำระเงิน
ตัวเลือกแบบฟอร์ม
- ไม่แสดง
- ไม่จำเป็น
- ต้องระบุ
ที่อยู่บรรทัดที่ 2 (อพาร์ทเมนต์, ยูนิต ฯลฯ)
บรรทัดที่อยู่รองช่วยให้ลูกค้าสามารถป้อนตัวระบุหน่วยที่อยู่รองได้ เช่น หมายเลขอพาร์ตเมนต์, ชั้น, ยูนิต หรือแผนก ควรใช้ช่องแบบฟอร์มนี้เพื่อจุดประสงค์นี้เท่านั้น
หากตั้งค่าตัวเลือกช่องแบบฟอร์มเป็น “จำเป็นต้องกรอก” หรือ “ไม่จำเป็นต้องกรอก” ลูกค้าบางรายอาจไม่สามารถดําเนินการดําเนินการซื้อต่อได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของที่อยู่
ตัวเลือกแบบฟอร์ม
- ไม่แสดง
- ไม่จำเป็น
- ต้องระบุ
หมายเลขโทรศัพท์ของที่อยู่ที่จัดส่ง
หากผู้ให้บริการการชำระเงินหรือผู้ให้บริการขนส่งของคุณกำหนดให้ลูกค้าต้องระบุหมายเลขโทรศัพท์ จึงจะสามารถชำระเงินให้เสร็จสิ้นได้ คุณสามารถกำหนดช่องฟอร์มหมายเลขโทรศัพท์ให้เป็นต้องระบุ หากมีลูกค้าบางรายละทิ้งตะกร้าสินค้าเนื่องจากไม่ต้องการมอบหมายเลขโทรศัพท์ของตนในขั้นตอนการชำระเงินออนไลน์ คุณสามารถกำหนดช่องฟอร์มหมายเลขโทรศัพท์ให้เป็นระบุหรือไม่ระบุก็ได้
ตัวเลือกแบบฟอร์ม
- ไม่แสดง
- ไม่จำเป็น
- ต้องระบุ
ตัวเลือกแบบฟอร์มอื่นๆ นั้นคือช่องที่จำเป็นต้องมีเสมอ ซึ่งรวมถึงตัวเลือก “บันทึกข้อมูลนี้สำหรับครั้งถัดไป” จากแบบฟอร์มการชำระเงิน
หากลูกค้าเลือกบันทึกข้อมูลนี้สำหรับครั้งถัดไปในขั้นตอนการชำระเงิน เบราว์เซอร์ของลูกค้าก็จะบันทึกข้อมูลติดต่อและที่อยู่สำหรับจัดส่งที่พวกเขาป้อนไว้สำหรับร้านค้าของคุณ เมื่อลูกค้าเข้าสู่ขั้นตอนการชำระเงินในร้านค้าคุณครั้งถัดไป เบราว์เซอร์ของพวกเขาก็จะกรอกข้อมูลติดต่อและที่อยู่สำหรับจัดส่งโดยอัตโนมัติ Shopify ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลที่บันทึกไว้ของลูกค้า โดยเบราว์เซอร์ของลูกค้าจะแคชข้อมูลดังกล่าว หลังผ่านไปหนึ่งปี Shopify จะทำให้เบราว์เซอร์ล้างข้อมูลที่ถูกแคชของลูกค้า หากลูกค้าไม่ได้ล้างแคชไปก่อนแล้ว
ขั้นตอน:
จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > การชำระเงิน
ในส่วนข้อมูลลูกค้า ให้แก้ไขตามความเหมาะสม
คลิกที่บันทึก
ในแอป Shopify ให้ไปที่ร้านค้า > การตั้งค่า
ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะการชำระเงิน
ในส่วนข้อมูลลูกค้า ให้แก้ไขตามความเหมาะสม
แตะที่บันทึก
ในแอป Shopify ให้ไปที่ร้านค้า > การตั้งค่า
ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะการชำระเงิน
ในส่วนข้อมูลลูกค้า ให้แก้ไขตามความเหมาะสม
แตะที่บันทึก