การนําเข้าสินค้าจากแอป Shopify Collective ไปยังร้านค้าของคุณ

หลังจากที่คุณเชื่อมต่อกับซัพพลายเออร์แล้ว คุณสามารถนําเข้าสินค้าของพวกเขาไปยังร้านค้าของคุณ ปรับรายละเอียดสินค้า เพิ่มตำแหน่งที่ตั้ง Shopify Collective ของซัพพลายเออร์ไปยังโปรไฟล์การจัดส่ง แล้วทำให้สินค้าพร้อมจำหน่ายในร้านค้าของคุณได้

คุณสามารถขายสินค้าของซัพพลายเออร์ได้เฉพาะราคาขายปลีกที่ระบุไว้เท่านั้น โดยคุณไม่สามารถขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าได้

ข้อมูลสินค้า

สินค้าของซัพพลายเออร์นั้นพร้อมให้คุณเลือกใช้งาน โดยจะมีรายละเอียดสินค้าเดิม เช่น ชื่อ คำอธิบาย รูปภาพ ตัวเลือกสินค้า และราคา คุณสามารถดูรายละเอียดสินค้าเดิมได้เมื่อคุณคลิกชื่อสินค้า หรือหลังจากที่คุณนําเข้าสินค้าไปยังร้านค้าของคุณแล้ว เมื่อคุณนําเข้าสินค้าไปยังร้านค้าของคุณ คุณสามารถปรับรายละเอียดสินค้าได้ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ แต่คุณจะไม่สามารถแก้ไขราคาของสินค้าได้

ระบบได้นำเข้าข้อมูลสินค้าต่อไปนี้จากร้านค้าของซัพพลายเออร์ไปยังร้านค้าของคุณแล้ว

  • price
  • สินค้าคงคลัง
  • ชื่อสินค้า
  • รูปภาพสินค้า
  • คำอธิบายสินค้า
  • ตัวเลือกสินค้า
  • เวนเดอร์ (ซัพพลายเออร์)
  • ประเภทสินค้า
  • ราคาต้นทุน (ต้นทุนต่อรายการ)

ระบบจะไม่มีการนำเข้าข้อมูลสินค้าต่อไปนี้จากร้านค้าของซัพพลายเออร์ไปยังร้านค้าของคุณ:

  • SKU (รหัสสินค้าคงคลัง)
  • คอลเลกชัน
  • แท็ก
  • บาร์โค้ด
  • ประเทศ (ภูมิภาคต้นทาง)
  • พิกัดศุลกากร
  • ราคาเปรียบเทียบ
  • ส่วนลดสินค้า

Shopify Collective จะสร้าง SKU ที่ไม่ซ้ำกับหมายเลขอื่นให้กับสินค้าที่นําเข้า โดยคุณแก้ไข SKU นั้นได้ แต่จะต้องไม่ซ้ำกับหมายเลขอื่น

การซิงค์ข้อมูลสินค้า

หลังจากนําเข้าข้อมูลสินค้าของซัพพลายเออร์ไปยังร้านค้าของคุณแล้ว Shopify Collective จะซิงค์ราคาสินค้า ต้นทุนสินค้า และสินค้าคงคลังอย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่ซิงค์ข้อมูลสินค้าที่นําเข้ารายการอื่นๆ เวลาซิงค์โดยเฉลี่ยจะน้อยกว่า 30 วินาที แต่ก็อาจนานถึง 5 นาทีได้เช่นกัน

เมื่อลูกค้าสร้างคำสั่งซื้อที่มีสินค้า Shopify Collective ในร้านค้าของคุณ ระบบจะปรับจำนวนสินค้าคงคลังของซัพพลายเออร์ทั้งในร้านค้าของคุณและของซัพพลายเออร์โดยอัตโนมัติ

สินค้าที่หมดสต็อก

หากสินค้าที่ซัพพลายเออร์แชร์กับคุณหมดสต็อก คุณต้องติดต่อซัพพลายเออร์เพื่อตัดสินใจว่าจะจัดการสินค้าที่หมดสต็อกอย่างไร คุณไม่สามารถปิดใช้งานตัวเลือก ขายต่อไปเมื่อสินค้าหมดสต็อก สำหรับสินค้าที่ซัพพลายเออร์แชร์กับคุณ

ข้อกำจัด

Collective จะอนุญาตให้สินค้ามีตัวเลือกสินค้าได้สูงสุด 100 รายการ หากสินค้าเกินขีดจํากัดดังกล่าว Collective อาจไม่สามารถซิงค์ข้อมูลสินค้าคงคลังและการกําหนดราคาของสินค้าได้ หากคุณได้นําเข้าสินค้าที่มีตัวเลือกสินค้ามากกว่า 100 รายการแล้ว โปรดติดต่อซัพพลายเออร์เพื่อหารือถึงวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการสินค้านี้

รายละเอียดการกําหนดราคาสินค้า

ตรวจสอบตารางต่อไปนี้เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดการกําหนดราคาสินค้าใน Shopify Collective:

การกําหนดราคาสินค้าโดยรวมของ Shopify
รายละเอียดการกำหนดราคา คำอธิบาย
ราคาขายปลีก ราคาขายปลีกคือราคาสินค้าแบบคงที่ซึ่งซัพพลายเออร์เป็นผู้กําหนด โดยคุณจำเป็นต้องขายสินค้าในราคานี้บนร้านค้าออนไลน์ของคุณ คุณไม่สามารถแก้ไขราคาขายปลีกของสินค้าได้
ราคาต้นทุน ราคาต้นทุนคือราคาขายปลีกของสินค้าลบด้วยอัตรากําไรของร้านค้าปลีกในอัตราเปอร์เซ็นต์ที่ซัพพลายเออร์ตั้งไว้ ซึ่งจะเป็นจํานวนเงินที่คุณจะต้องจ่ายซัพพลายเออร์เมื่อคุณขายสินค้า โดยคุณไม่สามารถแก้ไขราคาต้นทุนของสินค้าได้
อัตรา อัตรากําไรเป็นเปอร์เซ็นต์ที่หักจากราคาขายปลีกของสินค้าเพื่อระบุราคาต้นทุนให้กับผู้ค้าปลีก
กำไร กําไรจะระบุจํานวนเงินที่คุณได้รับเมื่อขายสินค้า โดยกําไรของคุณคือราคาขายปลีกของสินค้าลบด้วยราคาต้นทุน

หากซัพพลายเออร์เปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกหรือราคาต้นทุนของสินค้า ระบบจะคำนวณราคาขายปลีกและราคาต้นทุนใหม่และอัปเดตในร้านค้าของคุณโดยอัตโนมัติ

ลูกค้าของคุณสามารถใช้รหัสส่วนลดกับสินค้าที่นําเข้าโดยใช้ Shopify Collective ได้ แต่ราคาต้นทุน (จํานวนเงินที่คุณต้องจ่ายให้กับซัพพลายเออร์) สำหรับการขายสินค้าแต่ละครั้งจะไม่เปลี่ยนแปลง

ตัวอย่างเช่น คุณนําเข้าสินค้าจากซัพพลายเออร์ด้วยราคาขายปลีก 100 ดอลลาร์สหรัฐ และมีราคาต้นทุน 70 ดอลลาร์สหรัฐ หากลูกค้าของคุณใช้รหัสส่วนลด 20 ดอลลาร์สหรัฐ คุณก็ยังต้องจ่ายให้กับซัพพลายเออร์ 70 ดอลลาร์สหรัฐ และกําไรของคุณจะอยู่ที่ 10 ดอลลาร์สหรัฐ แทนที่จะเป็น 30 ดอลลาร์สหรัฐ

ดูค่าจัดส่งของซัพพลายเออร์

ซัพพลายเออร์ที่คุณร่วมงานด้วยอาจมีค่าจัดส่งและเขตการจัดส่งที่แตกต่างกัน คุณต้องตรวจสอบค่าจัดส่งของซัพพลายเออร์แต่ละรายก่อนที่คุณจะเริ่มขายสินค้าของซัพพลายเออร์ในร้านค้าออนไลน์ของคุณ

ข้อมูลการจัดส่งของซัพพลายเออร์จะแสดงราคาที่ซัพพลายเออร์เรียกเก็บเงินจากคุณตามการจัดส่งและเขตที่ซัพพลายเออร์จัดส่ง

ขั้นตอน:

  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้คลิกการตั้งค่า > แอปและช่องทางการขาย

  2. จากหน้าแอปและช่องทางการขาย ให้คลิก “Collective (Retailer)

  3. คลิก “เปิดแอป

  4. จากแอป Collective (ผู้ค้าปลีก) ให้คลิกที่ซัพพลายเออร์

  5. ในแท็บเชื่อมต่อแล้ว ให้คลิกซัพพลายเออร์ที่คุณต้องการดู

  6. คลิกดูค่าจัดส่ง เพื่อดูอัตราค่าจัดส่งและเขตการจัดส่งของซัพพลายเออร์

ขั้นตอนที่ 1: นําเข้าสินค้าไปยังร้านค้าของคุณ

หากต้องการนําเข้าสินค้าของซัพพลายเออร์ไปยังร้านค้าของคุณ ซัพพลายเออร์จะต้องทำให้สินค้าเหล่านั้นพร้อมให้คุณใช้งาน

ขั้นตอน:

  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้คลิกการตั้งค่า > แอปและช่องทางการขาย

  2. จากหน้าแอปและช่องทางการขาย ให้คลิก “Collective (Retailer)

  3. คลิก “เปิดแอป

  4. จากแอป Collective (ผู้ค้าปลีก) ให้คลิกที่ซัพพลายเออร์

  5. คลิกซัพพลายเออร์ที่คุณต้องการนําเข้าสินค้า

  6. จากแท็บพร้อมให้ใช้งาน ให้เลือกสินค้าที่คุณต้องการนําเข้าไปยังร้านค้าของคุณ

  7. คลิก “นําเข้าสินค้า

  8. หากคุณติดตั้งแอป Collective หลังจากวันที่ 3 เมษายน 2023 กล่องโต้ตอบจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างโปรไฟล์การจัดส่งใหม่ในการนําเข้าสินค้าครั้งแรกของคุณซึ่งคุณสามารถแก้ไขได้ในภายหลัง ตรวจสอบแล้วคลิกนําเข้า โมดอลนี้จะปรากฏในการนําเข้าครั้งแรกเท่านั้น สินค้าที่นําเข้ามาในภายหลังทั้งหมดจะถูกย้ายไปยังโปรไฟล์การจัดส่งนี้โดยอัตโนมัติ คุณสามารถค้นหาโปรไฟล์การจัดส่งใหม่ได้ในการตั้งค่าการจัดส่ง

หลังจากที่คุณนําเข้าสินค้าไปยังร้านค้าของคุณแล้ว สินค้าเหล่านั้นจะถูกย้ายจากแท็บพร้อมให้ใช้งาน ไปยังแท็บนำเข้าแล้ว

ขั้นตอนที่ 2: แก้ไขรายละเอียดสินค้า

คุณสามารถเปลี่ยนรายละเอียดสินค้าได้ดังต่อไปนี้:

  • ชื่อสินค้า
  • คำอธิบาย
  • สื่อ

คุณไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขรายละเอียดสินค้าบางส่วนที่คุณนําเข้าและขายโดยใช้ Shopify Collective การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ดำเนินการกับรายละเอียดต่อไปนี้จะได้รับการเปลี่ยนกลับโดยอัตโนมัติ:

  • ราคาสินค้า
  • จำนวนสินค้าคงคลัง
  • SKU (รหัสสินค้าคงคลัง) — SKU ของสินค้าต้องตรงกับ SKU ที่ใช้ในตำแหน่งที่ตั้งสินค้าคงคลังของซัพพลายเออร์
  • ติดตามปริมาณ — ตรวจสอบให้แน่ใจว่ายังคงเลือกช่องทำเครื่องหมายนี้ไว้
  • ตำแหน่งที่ตั้งสินค้าคงคลังจากที่ที่ซัพพลายเออร์ของคุณจัดการคำสั่งซื้อ
  • การจัดส่ง – ตรวจสอบให้แน่ใจว่ายังคงเลือกช่องทำเครื่องหมาย "นี่คือสินค้าจริง" เอาไว้

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า

  2. คลิกที่ชื่อของสินค้าที่คุณต้องการเปลี่ยน

  3. แก้ไขชื่อสินค้า อธิบาย หรือสื่อ

  4. คลิกที่ “บันทึก

ขั้นตอนที่ 3: การตั้งค่าการจัดส่ง

โปรดกรอกขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง โดยขึ้นอยู่กับว่าคุณได้ติดตั้งแอป Collective ก่อนหรือหลังวันที่ 3 เมษายน 2023

ก่อนวันที่ 3 เมษายน - เพิ่มสถานที่ Shopify Collective ของซัพพลายเออร์ลงในโปรไฟล์การจัดส่งของคุณ

สินค้าที่คุณนําเข้าจากซัพพลายเออร์มีการมอบหมายตำแหน่งที่ตั้ง Shopify Collective ของซัพพลายเออร์แล้ว สินค้าที่นําเข้ามาใหม่จะถูกมอบหมายไปยังโปรไฟล์การจัดส่งทั่วไปเสมอ แต่คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าตำแหน่งที่ตั้งและสินค้าของซัพพลายเออร์อยู่ในโปรไฟล์การจัดส่งเดียวกัน

หากคุณมีโปรไฟล์การจัดส่งหลายโปรไฟล์หรือมีกลุ่มตำแหน่งที่ตั้งหลายกลุ่มภายในโปรไฟล์การจัดส่งทั่วไปของคุณ คุณต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:

หลังวันที่ 3 เมษายน - จัดการอัตราค่าจัดส่งของคุณ

ดูและจัดการการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าของคุณเมื่อชำระเงินได้ในการตั้งค่าการจัดส่ง

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า

  2. จากแอป Collective (ผู้ค้าปลีก) ให้คลิกที่ซัพพลายเออร์

  3. คลิกซัพพลายเออร์ที่คุณต้องการแก้ไขอัตราค่าจัดส่ง

  4. คลิกดูค่าจัดส่ง เพื่อดูอัตราค่าจัดส่งและเขตการจัดส่งของซัพพลายเออร์

  5. คลิกที่ “จัดการอัตรา

  6. แก้ไขอัตราค่าจัดส่งในโปรไฟล์การจัดส่งแบบปรับแต่งเอง แล้วคลิก “บันทึก

ขั้นตอนที่ 4: ทำให้สินค้าพร้อมจำหน่ายในร้านค้าของคุณ

หลังจากที่คุณนําเข้าสินค้าของซัพพลายเออร์ไปยังร้านค้าของคุณแล้ว ระบบจะสร้างสินค้าขึ้นโดยให้มีสถานะ “แบบร่าง” สินค้าเหล่านี้ยังไม่พร้อมจำหน่ายในร้านค้าของคุณ คุณต้องเปลี่ยนสถานะสินค้าให้เป็น “ใช้งานอยู่

ขั้นตอน:

  1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า

  2. คลิกที่ชื่อของสินค้าเพื่อเปิดดูรายละเอียด โดยสินค้าจะถูกรวมไว้ในช่องทางการขายที่ระบุไว้ในส่วนที่กำลังเผยแพร่

  3. คลิก : > จัดการช่องทางการขาย

  4. เลือกช่องทางการขายและแอปที่คุณต้องการรวมสินค้าเข้าไป

  5. คลิกที่เสร็จสิ้น

  6. คลิกที่ “บันทึก

ลบสินค้าจากร้านค้าของคุณ

  1. จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้คลิกการตั้งค่า > แอปและช่องทางการขาย

  2. จากหน้าแอปและช่องทางการขาย ให้คลิก “Collective (Retailer)

  3. คลิก “เปิดแอป

  4. จากแอป Collective (ผู้ค้าปลีก) ให้คลิกที่ซัพพลายเออร์

  5. คลิกซัพพลายเออร์ที่คุณต้องการลบสินค้าออก

  6. ไปที่แท็บนําเข้าแล้ว แล้วจากนั้นเลือกสินค้าที่คุณต้องการลบจากร้านค้าของคุณ

  7. คลิก “ลบสินค้า” แล้วจากนั้นคลิก “ลบ

หลังจากที่คุณลบสินค้าจากร้านค้าของคุณแล้ว ระบบจะย้ายสินค้าจากแท็บนำเข้าแล้ว ไปยังแท็บพร้อมจำหน่าย

พร้อมเริ่มต้นการขายด้วย Shopify แล้วหรือยัง

ทดลองใช้งานฟรี