สร้างแคมเปญการตลาดผ่านอีเมลโดยใช้ Shopify Email
คุณสามารถสร้างและส่งอีเมลจาก Shopify Email ได้โดยตรงจากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ซึ่งคุณสามารถปรับแต่งหรือสร้างเทมเพลตที่มีแบรนด์ของคุณเองได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกกลุ่ม (เซกเมนต์) ลูกค้าที่คุณต้องการให้รับอีเมลของคุณได้ด้วย
ระบบจะบันทึกอีเมลฉบับร่างโดยอัตโนมัติระหว่างที่คุณแก้ไข และจะไม่ส่งไปจนกว่าคุณจะยืนยันว่าอีเมลนี้พร้อมแล้ว นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดเวลาส่งอีเมลเพื่อช่วยให้คุณสามารถวางแผนล่วงหน้าสำหรับร้านค้าได้
ดูคำแนะนำเกี่ยวกับหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดของ Shopify สำหรับการทำการตลาดผ่านอีเมลเพื่ออ่านคำแนะนำเกี่ยวกับเนื้อหา เคล็ดลับการออกแบบ และกลยุทธ์แบบเต็มๆ
ในหน้านี้
ตั้งค่ากิจกรรมทางการตลาดผ่านอีเมล
Shopify Email ช่วยให้คุณสามารถส่งอีเมลถึงกลุ่มลูกค้าที่สมัครรับข้อมูลการตลาดผ่านอีเมลจากร้านค้าของคุณได้ หากต้องการส่งแคมเปญอีเมลถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างกลุ่มลูกค้า
คุณจำเป็นต้องเพิ่มชื่อเรื่องสำหรับอีเมล เมื่อคุณเพิ่มชื่อเรื่อง กิจกรรมอีเมลของคุณจะถูกบันทึกด้วยชื่อดังกล่าวโดยคุณสามารถเปลี่ยนแปลงชื่อได้ตลอดเวลา
ขั้นตอน:
ไปที่การตลาดจากส่วนผู้ดูแล Shopify
คลิกสร้างแคมเปญ
คลิกที่ Shopify Email
เลือกเทมเพลตอีเมล
คลิก “ถึง” จากนั้นเลือกกลุ่มลูกค้า
ป้อนชื่อเรื่องสำหรับอีเมล
ตัวเลือกเสริม: ป้อนตัวอย่างข้อความเพื่อปรับแต่งข้อความที่จะปรากฏหลังชื่อเรื่องอีเมลในกล่องจดหมายเข้าของลูกค้า ตัวอย่างเช่น
More fresh finds for your summer wardrobe
หลังจากที่คุณตั้งค่ารายละเอียดกิจกรรมอีเมลคุณสามารถปรับแต่งเนื้อหาของเนื้อหาอีเมลได้
การเปลี่ยนที่อยู่อีเมลผู้ส่ง
ที่อยู่อีเมลของผู้ส่ง คือที่อยู่อีเมลที่ปรากฎในช่อง จาก ในข้อความที่ลูกค้าได้รับจากคุณ บางโดเมนอาจกำหนดให้ต้องมีการยืนยันตัวตนเพิ่มเติม มิฉะนั้นที่อยู่อีเมลผู้ส่งของคุณอาจปรากฏพร้อม via shopifyemail.com
หรือเป็น store@shopifyemail.com
ขั้นตอน:
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่ การตั้งค่า
- ในแอป Shopify ให้ไปที่ร้านค้า > การตั้งค่า
- เลื่อนไปยังส่วนการตั้งค่าร้านค้า
- ในแอป Shopify ให้ไปที่ร้านค้า > การตั้งค่า
- เลื่อนไปยังส่วนการตั้งค่าร้านค้า
คลิกที่รายละเอียดร้านค้า
ในส่วนข้อมูลติดต่อ ให้คลิกที่ “แก้ไข”
เปลี่ยนที่อยู่อีเมลของคุณในช่องอีเมลผู้ส่ง
คลิกที่บันทึก
การปรับแต่งข้อความอีเมลของคุณ
คุณสามารถเลือกใช้เทมเพลตที่มีแบรนด์หลากหลายรูปแบบได้ใน Shopify Email ทั้งนี้ตัวเลือกดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับประเภทของข้อความที่คุณต้องการส่งให้แก่ลูกค้า โดยเทมเพลตบางรายการจะใส่องค์ประกอบจากร้านค้าของคุณ (เช่น โลโก้ สินค้า และสีของคุณ) โดยอัตโนมัติ
เนื้อหาเริ่มต้นในเทมเพลต Shopify Email จะอิงตามหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดของการตลาดผ่านอีเมล และมีตัวยึดตำแหน่งข้อความ รูปภาพ และลิงก์ในส่วนที่อิงจากข้อมูลจากร้านค้าของคุณ
คุณสามารถปรับแต่งเนื้อหาในส่วนเนื้อความสำหรับกิจกรรมทางการตลาดผ่านอีเมลของคุณได้โดยเพิ่ม แก้ไข หรือลบส่วนต่างๆ ออก โดยระบบจะบันทึกการเปลี่ยนแปลงไปยังกิจกรรมทางการตลาดผ่านอีเมลที่คุณกำลังแก้ไขอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เพิ่ม แก้ไข หรือลบส่วนออกจากเนื้อหาของอีเมล
ไปที่การตลาดจากส่วนผู้ดูแล Shopify
คลิกปุ่มสร้างแคมเปญ> Shopify Email
-
เลือกเทมเพลตที่คุณต้องการปรับแต่ง คุณสามารถทำการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของเนื้อหาอีเมลได้ดังต่อไปนี้
- หากต้องการเพิ่มส่วน ให้เลื่อนเมาส์ไปวางเหนือเนื้อหาอีเมลที่คุณต้องการเพิ่มส่วนใหม่เข้าไป จากนั้นคลิกที่ไอคอน
+
- หากต้องการลบส่วนออกจากเนื้อหาของอีเมล ก่อนอื่นให้คลิกเพื่อเปิดตัวเลือกการแก้ไขขึ้นมา จากนั้นจึงคลิกที่ไอคอนถังขยะเพื่อลบส่วนดังกล่าวออก
- คลิกที่ส่วนที่คุณต้องการแก้ไขเพื่อดูตัวเลือกการแก้ไข โดยระบบจะใช้ประเภทของส่วนนั้นๆ เพื่อกำหนดว่ามีตัวเลือกการแก้ไขใดให้คุณใช้ได้บ้าง
- หากต้องการเพิ่มส่วน ให้เลื่อนเมาส์ไปวางเหนือเนื้อหาอีเมลที่คุณต้องการเพิ่มส่วนใหม่เข้าไป จากนั้นคลิกที่ไอคอน
ข้อความ
ตัวเลือกการแก้ไข |
ระบบจะปรับใช้การเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินการต่อรูปแบบข้อความกับอีเมลทั้งฉบับ ตัวอย่างเช่น หากคุณตั้งค่า Heading 1 ให้ใช้แบบอักษร Times New Roman ระบบก็จะแสดงข้อความทั้งหมดที่ปรับไว้ว่าเป็น Heading 1 ในรูปแบบอักษร Times New Roman ทั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อความที่ระบุราคาได้ เนื่องจากต้องเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าในตัวสินค้า |
---|---|
ปุ่ม
ตัวเลือกการแก้ไข |
|
---|---|
รูปภาพ
ตัวเลือกการแก้ไข |
คุณสามารถเลือกรูปภาพจากไฟล์ Shopify ของคุณ หรือจะอัปโหลดรูปภาพใหม่ก็ได้ |
---|---|
ข้อกำหนด |
|
ส่วนหัว
ตัวเลือกการแก้ไข |
|
---|---|
สินค้า
ตัวเลือกการแก้ไข |
ทั้งนี้จะสามารถเปลี่ยนราคาสินค้าได้เฉพาะในส่วนสินค้าที่เทมเพลตดึงรายละเอียดสินค้าออกมาเท่านั้น โดยจะไม่สามารถเปลี่ยนราคาสินค้าในเครื่องมือแก้ไข Shopify Email ได้ |
---|---|
การชำระเงินด่วน
ตัวเลือกการแก้ไข |
ส่วนนี้สามารถเลือกได้เฉพาะสินค้าที่มีตัวเลือกสินค้ารายการเดียวเท่านั้น หากคุณเปิดใช้ Shop Pay ในร้านค้าของคุณ ระบบจะแสดงปุ่ม “ซื้อด้วย Shop Pay” และปุ่ม “ชำระเงินเลย” ในส่วนดังกล่าวตามค่าเริ่มต้น โดยคุณสามารถยกเลิกการเลือกปุ่ม Shop Pay เพื่อซ่อนปุ่มดังกล่าวได้ แต่จะไม่สามารถซ่อนปุ่ม “ชำระเงินเลย” ได้ คุณแก้ไขได้เฉพาะขนาดและรูปแบบมุมของปุ่ม Shop Pay เท่านั้น |
---|---|
บัตรของขวัญ
ตัวเลือกการแก้ไข |
บัตรของขวัญต่างๆ ต้องมีการใช้งานในร้านค้ามาก่อนหน้าแล้ว คุณจะไม่สามารถสร้างหรือแก้ไขจากเครื่องมือแก้ไข Shopify Email ได้ |
---|---|
ส่วนลด
ตัวเลือกการแก้ไข |
ส่วนลดต่างๆ ต้องมีอยู่ในร้านค้ามาก่อนหน้าแล้ว คุณจะไม่สามารถสร้างหรือแก้ไขจากเครื่องมือแก้ไข Shopify Email ได้ |
---|---|
รูปภาพพร้อมข้อความ
ตัวเลือกการแก้ไข |
|
---|---|
หลายคอลัมน์
ตัวเลือกการแก้ไข |
|
---|---|
ส่วนท้าย
ตัวเลือกการแก้ไข |
ไม่สามารถลบส่วนท้ายออกได้ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของร้านค้านั้นสามารถปรับแต่งได้ในการตั้งค่าร้านค้าของคุณ หากต้องการเพิ่มลิงก์โซเชียลมีเดียไปยังอีเมลของคุณ คุณต้องใช้ธีม Brooklyn, Debut, Kagami, Minimal, Narrative หรือ Parallax |
---|---|
ปรับแต่ง Liquid
ตัวเลือกการแก้ไข |
คุณสามารถใส่ Liquid และ HTML แบบปรับแต่งเองลงในเครื่องมือแก้ไขโค้ดได้ โค้ดที่คุณป้อนต้องมีขนาดไม่เกิน 50 KB ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวแปร Liquid ที่ Shopify Email รองรับ |
---|---|
ดูตัวอย่างอีเมลก่อนส่ง
- จากเครื่องมือแก้ไขอีเมล ให้คลิกที่ “ส่งการทดสอบ” เพื่อแสดงตัวอย่างของอีเมลตามลักษณะที่จะปรากฏให้ลูกค้าเห็น โดยคุณสามารถส่งอีเมลทดสอบไปยังที่อยู่อีเมลที่เชื่อมโยงกับร้านค้า Shopify ของตัวเอง
- คลิกตรวจสอบเพื่อดูภาพรวมของกิจกรรมอีเมล
- เมื่อคุณพร้อมที่จะส่งอีเมล ให้คลิกที่ “ส่ง” จากนั้นคลิกที่ “ส่ง” อีกครั้งเพื่อยืนยัน หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงอีเมล ให้คลิกที่ “แก้ไขเนื้อหาอีเมล”
การปรับแต่งข้อความอีเมลของคุณให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
คุณสามารถเพิ่มข้อความที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลไปยังแคมเปญอีเมลของคุณ เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล เมือง รัฐ จังหวัด และประเทศของลูกค้าได้ ในกรณีที่คุณเพิ่มเนื้อหาที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลไปยังบางส่วนของข้อความอีเมลของคุณ หากระบบมีข้อมูลของลูกค้าที่จะได้รับอีเมลอยู่แล้ว Shopify Email ก็จะใช้ข้อมูลดังกล่าวในส่วนนั้นโดยอัตโนมัติ คุณสามารถเพิ่มข้อความที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลไปยังบรรทัดชื่อเรื่อง บรรทัดตัวอย่าง และข้อความเนื้อหาอีเมลได้ การปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลจะช่วยให้ผู้สมัครรับข้อมูลทางอีเมลของคุณได้รับประสบการณ์ที่มีความเฉพาะตัว และยังสามารถเพิ่มอัตราการเปิดอีเมล คอนเวอร์ชัน และการมีส่วนร่วมได้อีกด้วย
คุณสามารถสร้างค่าการปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้เพียงสองค่าในบรรทัดหัวเรื่องและบรรทัดตัวอย่างของอีเมลคุณ ตัวอย่างเช่น ในบรรทัดหัวเรื่อง คุณสามารถใช้ First name
และ Last name
ได้ แต่ไม่ใช่ค่าการปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลค่าที่สาม คุณสามารถมีค่าการปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้สูงสุดสิบค่าในข้อความเนื้อหาของอีเมล คุณยังสามารถเพิ่มข้อมูลเริ่มต้นที่ใช้เมื่อข้อมูลลูกค้ารายใดรายหนึ่งไม่พร้อมใช้งาน
ขั้นตอน:
- ไปที่การตลาดในส่วนผู้ดูแล Shopify
- คลิกปุ่มสร้างแคมเปญ > Shopify Email
- เลือกเทมเพลตเพื่อปรับแต่ง
- หากต้องการปรับแต่งบรรทัดหัวเรื่อง บรรทัดตัวอย่าง ส่วนหัว หรือข้อความเนื้อหาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ให้คลิกไอคอนรูปดินสอในส่วนที่เหมาะสม
- เลือกค่าที่คุณต้องการปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลจากตัวเลือกที่จะปรากฏขึ้น ตัวอย่างเช่น เลือก
City
หากคุณต้องการใส่เมืองของลูกค้าไว้ในอีเมลด้วย - ตัวเลือกเสริม: ป้อนค่าเริ่มต้นที่ใช้ในกรณีที่ข้อมูลของลูกค้าไม่สามารถใช้งานได้ หากคุณไม่ได้ป้อนค่าเริ่มต้น ช่องว่างของข้อความแบบส่วนบุคคลจะเว้นว่างไว้
- คลิกที่บันทึก
การสร้างและจัดการเทมเพลต Shopify Email ใหม่ๆ
คุณสามารถแก้ไขและปรับแต่งอีเมลทั้งหมดที่สร้างโดยใช้ Shopify Email ทั้งยังสามารถบันทึกเทมเพลตแบบปรับแต่งเองเพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นของแคมเปญในอนาคต
สร้างและบันทึกเทมเพลตอีเมลแบบปรับแต่งเอง
คุณสามารถสร้างและบันทึกเทมเพลตแบบปรับแต่งเองเพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นของแคมเปญในอนาคต
ขั้นตอน:
ไปที่การตลาดจากส่วนผู้ดูแล Shopify
คลิกปุ่มสร้างแคมเปญ> Shopify Email
คลิกที่สร้างเทมเพลต
แก้ไขเทมเพลตในเครื่องมือแก้ไขของ Shopify Email
เลือก “บันทึกเป็นเทมเพลต”
ตั้งชื่อเทมเพลต
คลิกที่บันทึก
เทมเพลตจะถูกบันทึกไว้ในส่วนอีเมล > เทมเพลต
การใช้เทมเพลตแบบปรับแต่งเอง
คุณสามารถใช้เทมเพลตแบบปรับแต่งเองได้กับแคมเปญการตลาดในอนาคตทุกแคมเปญ
ขั้นตอน:
ไปที่การตลาดจากส่วนผู้ดูแล Shopify
คลิกปุ่มสร้างแคมเปญ> Shopify Email
เลือกเทมเพลตจากส่วนเทมเพลตของฉัน หลังจากเลือกเทมเพลตแล้ว คุณก็สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนการสร้างแคมเปญการตลาดผ่านอีเมลได้เลย
การแก้ไขเทมเพลตแบบปรับแต่งเอง
หากคุณต้องการเปลี่ยนเทมเพลตที่มีอยู่ ก็สามารถแก้ไขเทมเพลตนั้นจากรายการเทมเพลตได้ในแอป Email
ขั้นตอน:
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่อีเมล > เทมเพลตในส่วนแอป
- คลิกปุ่มเมนูแบบล้นออกเพื่อเปิดตัวเลือกที่มีให้ใช้งานสำหรับเทมเพลตที่คุณต้องการจัดการ
- คลิกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้:
- คลิก “ทำซ้ำ” เพื่อทำซ้ำเทมเพลตที่เลือก
- คลิก “สร้างอีเมล” เพื่อสร้างแคมเปญการตลาดจากเทมเพลตที่เลือก
- คลิก “ลบ” เพื่อลบเทมเพลต
การเพิ่มการชำระเงินด่วน
คุณสามารถเพิ่มการชำระเงินด่วนไปยังอีเมลของคุณ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านลิงก์ชำระเงินโดยตรงได้ เมื่อใช้ส่วนนี้ คุณจะสามารถเลือกสินค้าหรือตัวเลือกสินค้า รวมถึงสร้างปุ่ม “ชำระเงินเลย” ได้ นอกจากนี้ หากคุณเปิดใช้ Shop Pay ในร้านค้าของคุณ ระบบจะแสดงปุ่ม “ซื้อด้วย Shop Pay” ด้วย
เมื่อลูกค้าใช้การชำระเงินด่วน พวกเขาจะข้ามหน้าสินค้าและหน้าตะกร้าสินค้าเพื่อรับประสบการณ์การชำระเงินแบบเร่งด่วน โดยการใช้การชำระเงินแบบเร่งด่วนนั้นช่วยเพิ่มคอนเวอร์ชันของลูกค้าได้
ระบบจะนำปุ่มการชำระเงินด่วนมาใช้กับสินค้าเพียงรายการเดียวเท่านั้น แต่คุณสามารถเพิ่มส่วนการชำระเงินแบบด่วนไปยังอีเมลได้มากกว่าหนึ่งส่วน
การเพิ่มตัวอักษรพิเศษลงในอีเมล
คุณสามารถเพิ่มอักขระของภาษาต่างประเทศลงในบรรทัดชื่อเรื่องและข้อความของอีเมลได้
บรรทัดชื่อเรื่องของอีเมลรองรับอิโมจิ
การแปลเนื้อหาอีเมล
ระบบจะส่งอีเมลในภาษาที่คุณเขียนเท่านั้นและจะไม่แปลอีเมลให้โดยอัตโนมัติ โดยคุณสามารถสร้างกลุ่มลูกค้าเพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงโดยอิงตามภาษาได้
ส่งหรือกำหนดเวลาส่งอีเมล
ควรพิสูจน์อักษรในเนื้อหาอีเมลของคุณก่อนที่คุณจะส่งอีเมลดังกล่าว เนื่องจาก Shopify ไม่ตรวจสอบคำผิดหรือข้อผิดพลาดอื่นๆ คุณสามารถส่งอีเมลทดสอบหาตัวเองเพื่อดูว่าอีเมลนั้นมีลักษณะอย่างไรในกล่องจดหมายเข้าได้
เมื่อคุณส่งหรือกำหนดเวลาส่งอีเมล เวลาในอนาคตที่แนะนำพร้อมเครื่องหมายแนะนำจะปรากฏขึ้นข้างๆ เวลาที่แนะนำอิงจากข้อมูล Shopify และได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับอัตราการคลิกผ่านสูงสุด หากคุณส่งอีเมลตามเวลาที่แนะนำ อาจทำให้อัตราคอนเวอร์ชันสูงขึ้น
ทดลองส่งอีเมล
- จากเครื่องมือแก้ไขอีเมล ให้คลิก “ส่งการทดสอบ”
- ในส่วนที่อยู่อีเมล ให้ป้อนที่อยู่อีเมลสูงสุดห้ารายการที่คุณต้องการส่งการทดสอบไปให้ โดยป้อนทีละรายการ
- คลิกที่ “ส่ง”
ตรวจสอบและส่งอีเมลของคุณได้เลย
- จากเครื่องมือแก้ไขอีเมล เมื่อคุณแก้ไขอีเมลเสร็จสิ้นแล้ว ให้คลิก “ตรวจสอบ”
- ตัวเลือกเสริม: หากต้องการแก้ไขเพิ่มเติม ให้คลิกแก้ไขอีเมล เพื่อกลับไปยังเครื่องมือแก้ไข หรือออก เพื่อกลับไปยังหน้าก่อนหน้านี้
- คลิก "กำหนดเวลาส่ง"
- เลือก ตอนนี้ หากมีค่าใช้จ่ายในการส่งอีเมล ระบบจะแสดงค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- คลิก "ส่ง" เพื่อส่ง
กำหนดเวลาส่งอีเมล
เมื่อคุณแก้ไขอีเมลเสร็จสิ้นแล้ว คุณอาจต้องการกำหนดเวลาไว้สำหรับวันหลัง หากคุณถึงขีดจำกัดอีเมลแล้ว คุณสามารถกำหนดเวลาส่งอีเมลในวันถัดไปได้
คุณสามารถกำหนดเวลาอีเมลตามเวลาที่กำหนดเองหรือเวลาที่แนะนำได้
ขั้นตอน:
- จากเครื่องมือแก้ไขอีเมล ให้คลิก “ตรวจสอบ”
- คลิก "กำหนดเวลาส่ง"
-
ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
- หากต้องการเลือกเวลาส่งของคุณเอง ให้คลิก "วันที่และเวลาที่กำหนดเอง" แล้วป้อนรายละเอียดในช่องวันที่ส่งและเวลาส่งหากมีค่าใช้จ่ายในการส่งอีเมล ระบบจะแสดงค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
- หากต้องการเลือกเวลาที่แนะนำซึ่งได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับอัตราการคลิกผ่านสูงสุด ให้เลือกตัวเลือกที่มีเครื่องหมายแนะนำอยู่ข้างๆ หากมีค่าใช้จ่ายในการส่งอีเมล ระบบจะแสดงค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
คลิกกำหนดเวลา
ยกเลิกหรือกำหนดเวลาส่งใหม่
คุณสามารถยกเลิกอีเมลที่กำหนดเวลาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งตามเวลาที่เลือก คุณยังสามารถกำหนดเวลาใหม่ได้อีกด้วย
ขั้นตอน:
- จาก Shopify Email ให้คลิก "แคมเปญ"
- คลิก "แก้ไขวันที่ส่ง"
- ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
- หากต้องการยกเลิกการส่งอีเมลตามเวลาที่กำหนด ให้คลิก "ลบวันที่ส่ง"
- หากต้องการกำหนดเวลาใหม่ ให้เลือกเวลาและวันที่ใหม่ แล้วคลิก "บันทึก"
ขีดจํากัดอีเมล
ขีดจํากัดอีเมลเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะสามารถส่งอีเมลถึงผู้สมัครรับข้อมูลได้มากเท่าใดในช่วงเวลาหนึ่ง โดยปัจจัยเหล่านี้จะถูกกําหนดจากปัจจัยหลายประการ ทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาด้านการจัดส่งได้
จํานวนอีเมลที่คุณได้ส่งในแต่ละวันจะถูกคํานวณจากจํานวนอีเมลที่ส่งถึงผู้สมัครรับข้อมูลแต่ละรายในวันนั้น แทนที่จะเป็นจํานวนแคมเปญอีเมลที่คุณได้ส่งไป
หากคุณถึงขีดจํากัดอีเมล ให้เลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
- กำหนดเวลาส่งอีเมลในวันถัดไปที่สามารถใช้งานได้
- สร้างกลุ่มลูกค้าและปรับแต่งอีเมลของคุณให้เหมาะกับบางกลุ่มอย่างเฉพาะเจาะจง นักการตลาดที่มีกลยุทธ์สร้างการตลาดผ่านอีเมลให้กับกลุ่มเป้าหมายของตน คุณสามารถสร้างกลุ่มลูกค้าเพื่อกำหนดผู้สมัครรับข้อมูลเฉพาะรายเป็นเป้าหมายด้วยแคมเปญที่เจาะจง หรือเพื่อแยกรายการให้กลายเป็นกลุ่มที่มีขนาดเล็กลงได้
คุณอาจเพิ่มขีดจํากัดอีเมลของคุณได้โดยการปรับปรุงเกณฑ์ชี้วัดด้านการจัดส่ง ทั้งนี้ เกณฑ์ชี้วัดด้านการจัดส่งจะได้รับผลกระทบดังต่อไปนี้:
- อัตราตีกลับ: อัตราตีกลับจะระบุว่าอีเมลที่คุณส่งนั้น “ถูกตีกลับ” หรือส่งคืนให้คุณมากเท่าใด
- อัตราสแปม: อัตราตีกลับ การมีส่วนร่วมจากผู้สมัครรับข้อมูลของคุณ และการที่ลูกค้าของคุณระบุว่าอีเมลของคุณเป็นสแปมหรืออีเมลขยะส่งผลต่อผู้ให้บริการอีเมลว่ามองอีเมลของคุณเป็นสแปมหรือไม่
- อัตราการเลิกรับข้อมูล: หากลูกค้าคลิก “เลิกรับข้อมูล” ในอีเมลที่คุณส่งหรือทำเครื่องหมายอีเมลว่าเป็นสแปม ระบบจะลบพวกเขาออกจากรายชื่อของคุณ
- อัตราการคลิก: อัตราการคลิกจะคํานวณโดยการหารจำนวนการคลิกเฉพาะด้วยจํานวนอีเมลที่ส่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับอีเมล เพื่อปรับปรุงอัตราการคลิก
- อัตราการเพิ่มตะกร้าสินค้า: อัตราการเพิ่มตะกร้าสินค้าคือเปอร์เซ็นต์ของผู้เยี่ยมชมที่เพิ่มสินค้าอย่างน้อยหนึ่งรายการลงในตะกร้าสินค้าของตนในระหว่างเซสชัน
- อัตราคอนเวอร์ชัน: อัตราคอนเวอร์ชันคือเปอร์เซ็นต์ของผู้สมัครรับข้อมูลที่ปฏิบัติตามการกระตุ้นให้ดำเนินการของอีเมลหลังจากที่ได้อ่านอีเมลของคุณ เช่น การซื้อสินค้าที่คุณโฆษณาในอีเมล
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการกำหนดเวลาหรือการแบ่งกลุ่มลูกค้า คุณสามารถติดต่อทีมให้ความช่วยเหลือของเราเพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้