ตั้งค่า Shopify Email
Shopify Email จะติดตั้งในร้านค้า Shopify ของคุณตามค่าเริ่มต้น ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้งาน Shopify Email โปรดตรวจสอบว่าร้านค้าของคุณเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมด และตรวจสอบการกำหนดราคาของ Shopify Email
ในหน้านี้
ข้อกำหนดสำหรับการใช้งาน Shopify Email
หากต้องการส่งอีเมลไปยังผู้สมัครใช้งานของคุณโดยใช้ Shopify Email คุณจึงต้องปฏิบัติตามข้อต้องการดังต่อไปนี้:
- มีร้านค้าออนไลน์กับ Shopify
- ใช้แผนการสมัครใช้งาน Shopify แบบชำระเงินที่ใช้งานได้อยู่
- ติดตั้งช่องทางการขายร้านค้าออนไลน์แล้ว
- ตั้งค่าผู้ให้บริการการชำระเงินแล้ว
หากบัญชีของคุณอยู่ในแผน Pause and Build หรือแผนทดลองใช้งานฟรี คุณสามารถใช้ Shopify Email สร้างข้อความอีเมลและส่งข้อความอีเมลทดสอบถึงตัวคุณเองได้ อย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถสร้างหรือส่งข้อความอีเมลถึงผู้สมัครใช้งานของคุณได้
ติดตั้ง Shopify Email
แอป Shopify Email จะติดตั้งในร้านค้า Shopify ของคุณตามค่าเริ่มต้น หากคุณไม่มีแอป Shopify Email ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ คุณสามารถติดตั้งได้จาก Shopify App Store
ขั้นตอนมีดังนี้
- ไปยังหน้าแอป Shopify Email
- คลิก เพิ่มแอป หากคุณไม่ได้เข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ Shopify ของคุณ ระบบจะแจ้งให้คุณเข้าสู่ระบบ
- คลิกติดตั้งแอป
หลังจากที่คุณติดตั้ง Shopify Email คุณจะสามารถเข้าถึงแอปได้จาก แอป > Shopify Email ในส่วนผู้ดูแล Shopify นอกจากนี้ คุณยังสามารถเข้าถึง Shopify Email ได้โดยการคลิก “สร้างแคมเปญ” ในส่วนการตลาดของส่วนผู้ดูแล Shopify อีกด้วย
ยืนยันอีเมลผู้ส่งของคุณ
หากต้องการส่งอีเมลโดยใช้ที่อยู่อีเมลผู้ส่งจาก Shopify Email คุณจึงต้องยืนยันสิทธิ์การเป็นเจ้าของอีเมลผู้ส่งของคุณ คุณสามารถยืนยันสิทธิ์การเป็นเจ้าของอีเมลผู้ส่งได้โดย การยืนยันตัวตนโดเมนอีเมลของคุณ หรือตรวจสอบยืนยันที่อยู่อีเมลผู้ส่งในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ
ขั้นตอนมีดังนี้
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การแจ้งเตือน
ในส่วนอีเมลผู้ส่ง ให้คลิก “รับรองความถูกต้องของโดเมนคุณ”
ปฏิบัติตามคําแนะนําเพื่อป้อนบันทึก CNAME ใหม่ไปยังตัวจัดการโดเมนจากภายนอกของคุณ
การเปลี่ยนแปลงอาจใช้เวลาถึง 48 ชั่วโมงจึงจะเสร็จสมบูรณ์ หากการตรวจสอบยืนยันโดเมนล้มเหลว ให้ตรวจสอบยืนยันว่าระเบียน DNS ที่คุณป้อนลงในผู้ให้บริการโดเมนจากภายนอกตรงกับระเบียนที่ระบุในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ
เปลี่ยนที่อยู่อีเมลผู้ส่งของคุณ
ที่อยู่อีเมลผู้ส่งของคุณคือที่อยู่อีเมลที่ปรากฏในช่อง “จาก” เมื่อลูกค้าได้รับอีเมลจากคุณ หากต้องการเพิ่มการจดจำแบรนด์และช่วยป้องกันไม่ให้ข้อความอีเมลของคุณถูกตั้งค่าเป็นสแปม ให้คุณใช้อีเมลที่มีโดเมนของร้านค้าของคุณ
หากคุณมีโดเมนที่โฮสต์โดย Shopify คุณไม่จำเป็นต้องดำเนินการตั้งค่าเพิ่มเติมเพื่อส่งจากที่อยู่อีเมลที่เชื่อมโยงกับโดเมนของร้านค้าของคุณ
หากผู้ให้บริการภายนอกเป็นผู้โฮสต์โดเมนของคุณ คุณจำเป็นที่จะต้องเชื่อมต่อกับระเบียน DKIM และ SPF ของ Shopify หากคุณไม่เชื่อมต่อโดเมนของผู้ให้บริการภายนอกกับระเบียน Shopify SPF และ DKIM ช่อง จาก บนข้อความอีเมลของคุณอาจแสดงเป็น store@shopifyemail.com หรือข้อความอีเมลอาจถูกตั้งค่าสถานะเป็นสแปม
หากคุณต้องการเปลี่ยนที่อยู่อีเมลผู้ส่งของคุณ คุณจะต้องยืนยันสิทธิ์การเป็นเจ้าของของที่อยู่อีเมลผู้ส่งใหม่เพื่อให้ส่งอีเมลจากที่อยู่ใหม่ได้สำเร็จ
หากที่อยู่อีเมลผู้ส่งของคุณลงท้ายด้วย @gmail.com แทนที่จะเป็นที่อยู่อีเมลผู้ส่งแบบกำหนดเองที่ลงท้ายด้วยชื่อร้านค้าของคุณ ที่อยู่อีเมลของคุณอาจแสดงในกล่องจดหมายเข้าเป็น youremailaddress@gmail.com via shopifyemail.com
หากที่อยู่อีเมลผู้ส่งของคุณได้รับการคุ้มครองจาก DMARC ที่อยู่อีเมลของคุณอาจแสดงในกล่องจดหมายเข้าเป็น no-reply@shopifyemail.com และการตอบกลับจากลูกค้าของคุณจะได้รับการส่งต่อไปยังที่อยู่อีเมลผู้ส่งที่คุณเลือก
หากโดเมนของคุณยังไม่ได้รับการตรวจสอบความถูกต้อง ที่อยู่อีเมลผู้ส่งของคุณจะแสดงในกล่องจดหมายเข้าเป็นที่อยู่อีเมลผู้ส่งที่คุณเลือกโดยมี via shopifyemail.com ต่อท้าย การรับรองความถูกต้องของโดเมนของคุณจะลบ via shopifyemail.com ออก และช่วยปรับปรุงอัตราการจัดส่งอีเมลให้สำเร็จ
ขั้นตอนมีดังนี้
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การแจ้งเตือน
ในส่วนอีเมลผู้ส่ง ให้ป้อนที่อยู่อีเมลของคุณ
แล้วคลิกที่บันทึก
หากคุณใช้โดเมนผู้ให้บริการภายนอก คลิก "รับรองความถูกต้องโดเมนของคุณ" จากนั้นทำตามคำแนะนำเพื่อสร้างระเบียนโดเมนใหม่สี่รายการกับผู้ให้บริการโดเมนของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณป้อนชื่อโฮสต์และค่าสำหรับ ระเบียนใหม่ตามลำดับที่แสดงในคำแนะนำ
โดยการตรวจสอบยืนยันโดเมนของคุณอาจใช้เวลาถึง 48 ชั่วโมง หากกระบวนการรับรองความถูกต้องของโดเมนล้มเหลว ให้ตรวจสอบระเบียนใหม่ที่คุณสร้างขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าชื่อโฮสต์และค่าที่จะยืนยันตรงกับแนวทางที่ให้ไว้ จากนั้นลองยืนยันโดเมนของคุณอีกครั้ง หากการรับรองความถูกต้องยังคงล้มเหลว หรือคุณต้องการความช่วยเหลือในการตั้งค่าโดเมนของบริษัทอื่น โปรดติดต่อผู้ให้บริการโดเมนของบริษัทอื่น