เลือกบริการด้านภาษี

ขณะกำหนดภาษีสำหรับสหรัฐอเมริกา คุณสามารถเลือกบริการด้านภาษีที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุดได้ โดยคุณสามารถเลือก Shopify Tax, Basic Tax หรือ Manual Tax เพื่อคำนวณและเก็บภาษีจากลูกค้าของคุณในขั้นตอนการชำระเงิน นอกจากนี้คุณยังเปลี่ยนบริการด้านภาษีที่ใช้ได้ทุกเมื่อ

ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2023 เป็นต้นไป เราจะอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับ Shopify Tax เท่านั้น ส่วนบริการสำหรับ Basic Tax และ Manual Tax จะยังใช้งานได้ต่อไปรวมถึงได้รับการอัปเดตอัตราภาษี แต่จะไม่ได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ

หมายเหตุ

หากร้านค้าของคุณใช้แผน Shopify Plus คุณก็สามารถเลือกใช้ Avalara AvaTax เป็นบริการด้านภาษีได้อีกด้วย

ตรวจสอบตารางต่อไปนี้เพื่อดูว่าบริการด้านภาษีใดเหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด

ตารางแสดงฟีเจอร์ของบริการด้านภาษี

	Shopify Tax	Basic Tax	Manual Tax
การคํานวณภาษีการขาย
การคํานวณอัตราอัตโนมัติโดยใช้การจดทะเบียนภาษี	✔	✔	✘
การคํานวณอัตราอัตโนมัติโดยใช้หมวดหมู่สินค้า	✔	✘	✘
คำแนะนำอัตโนมัติสำหรับหมวดหมู่สินค้า	✔	✘	✘
ความแม่นยำตามที่อยู่บ้าน	✔	✘	✘
รองรับค่าธรรมเนียมของรัฐ	✔	✘	✘
การงดเก็บภาษีชั่วคราว	✔	✘	✘
Markets Pro	✔	✔	✘
การรายงานและข้อมูลเชิงลึก
รายงานภาษี	✔	✔	✔
ข้อมูลเชิงลึกของภาษีที่ต้องจ่าย	✔	✘	✘
รายงานขั้นสูง	✔	✘	✘
การยกเว้นและการกำหนดเอง
การยกเว้นภาษีสำหรับธุรกิจแบบ B2B	✔	✔	✘
การยกเว้นภาษีสำหรับลูกค้า	✔	✔	✘
การกำหนดอัตราภาษีด้วยตนเอง	✔	✔	✔
การเก็บภาษีในรัฐที่ไม่มีภาษีการขายในรัฐ	✘	✘	✔

เลือกบริการด้านภาษีของคุณ

หลังจากตรวจสอบฟีเจอร์และข้อควรพิจารณาของบริการด้านภาษีแต่ละรายการแล้ว คุณก็สามารถเลือกบริการที่ต้องการใช้ได้

ขั้นตอน:

1. ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
2. คลิก “สหรัฐอเมริกา”
3. ในส่วน บริการด้านภาษีปัจจุบัน ให้คลิก “จัดการ”
4. เลือกบริการด้านภาษีที่ต้องการใช้ จากนั้นคลิก “เปิดใช้งาน”

การเก็บภาษีตามการจดทะเบียน

ภาษีจะถูกเก็บโดยอัตโนมัติในรัฐที่คุณมีความรับผิดชอบด้านภาษีตามการจดทะเบียน

การคำนวณอัตราภาษีโดยใช้หมวดหมู่สินค้า

มูลค่าภาษีที่ได้รับการยกเว้นและเปลี่ยนแปลงไปจะคํานวณโดยอัตโนมัติตามประเภทสินค้า

การแนะนำหมวดหมู่สินค้าโดยอัตโนมัติ

หมวดหมู่สินค้าสำหรับสินค้าของคุณจะได้รับการแนะนำโดยอัตโนมัติ

ความแม่นยำตามที่อยู่บ้าน

ความแม่นยำตามที่อยู่บ้านหมายความว่าจะมีการคำนวณภาษีอย่างแม่นยำตามที่อยู่แทนที่จะใช้เพียงรหัสไปรษณีย์ ทั้งนี้ ฟีเจอร์นี้จะรวมอยู่ใน Shopify Tax เท่านั้น

รองรับค่าธรรมเนียมของรัฐ

รัฐบางรัฐจะเก็บค่าธรรมเนียมที่มีลักษณะเหมือนภาษี ตัวอย่างเช่นในรัฐโคโลราโด คำสั่งซื้อที่มีสินค้าที่ต้องเสียภาษีและจัดส่งโดยใช้ยานยนต์ในรัฐโคโลราโดจะมีค่าธรรมเนียมการจัดส่งแบบปลีกที่ไม่สามารถขอคืนเงินได้ที่ $0.28 ทั้งนี้ ฟีเจอร์นี้จะรวมอยู่ใน Shopify Tax เท่านั้น

การงดเก็บภาษีชั่วคราว

อัตราภาษีพิเศษที่มีผลในวันที่กำหนดจะคํานวณโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น Texas มีการงดเก็บภาษีชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 5-7 สิงหาคมของทุกปี ทั้งนี้ ฟีเจอร์นี้จะรวมอยู่ใน Shopify Tax เท่านั้น

Markets Pro

มีเพียง Basic Tax และ Shopify Tax เท่านั้นที่รองรับMarkets Pro คุณไม่สามารถใช้ Manual tax กับ Markets Pro ได้

รายงานภาษี

ทำให้คุณสามารถเข้าถึงรายงานที่แสดงยอดภาษีที่คุณได้เก็บมาแล้ว

ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความรับผิดชอบ

ระบบจะให้คำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความรับผิดชอบด้านภาษีที่อาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติตามพื้นที่ที่คุณจัดส่งและขายสินค้า

รายงานขั้นสูง

รายงานภาษีขั้นสูงจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับยอดภาษีที่คุณเก็บ ทั้งยังมีส่วนช่วยในการยื่นภาษีกับหน่วยงานทางภาษีอีกด้วย

การยกเว้นภาษีสำหรับธุรกิจแบบ B2B

ทำให้คุณสามารถขายสินค้าที่ต้องมีสิทธิ์การใช้งานซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี

การยกเว้นภาษีสำหรับลูกค้า

ทำให้คุณสามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าที่จะให้ยกเว้นภาษี

มูลค่าภาษีที่กำหนดเองสำหรับสินค้าและการจัดส่ง

กำหนดมูลค่าภาษีสำหรับสินค้าหรือการจัดส่งด้วยตนเอง เพื่อกําหนดอัตราภาษีเฉพาะซึ่งจะไปแทนที่มูลค่าภาษีอื่นๆ ที่คำนวณไว้สำหรับสินค้าหรือปลายทางการจัดส่งที่เลือก ทั้งนี้ สามารถใช้งานการกำหนดภาษีด้วยตนเองที่ระดับรัฐใน Manual Tax เท่านั้น

การเก็บภาษีในรัฐที่ไม่มีภาษีการขายในรัฐ

ทำให้คุณสามารถเก็บภาษีในรัฐที่ไม่มีอัตราภาษีโดยรวมได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์และขายอาหารที่จัดเตรียมและบริโภคภายในร้าน คุณก็ต้องคิดอัตราภาษี 9% ด้วย