ภาษีของสหรัฐอเมริกา
Shopify จะช่วยในการเรียกเก็บภาษีการขายโดยอัตโนมัติ แต่ Shopify จะไม่ชำระเงินหรือยื่นภาษีให้คุณ คุณสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำนี้เพื่อระบุว่าพื้นที่ใดบ้างในสหรัฐฯ ที่คุณอาจต้องรับผิดชอบในการเรียกเก็บภาษี หลังจากที่คุณทราบแล้วว่ามีพื้นที่ใดบ้างที่คุณต้องรับผิดชอบในการเรียกเก็บภาษี คุณสามารถกำหนดค่าร้านค้าของคุณเพื่อเลือกเก็บภาษีตามนั้นได้
หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับแบบฟอร์ม 1099-K และคุณใช้ Shopify Payments ให้ดูที่การรายงานภาษี
ระบุความรับผิดชอบด้านภาษีของคุณ
ก่อนที่คุณจะตั้งค่าภาษีของสหรัฐฯ คุณต้องระบุความรับผิดชอบด้านภาษีของคุณก่อน ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องเรียกเก็บภาษีจากลูกค้าของคุณและโอนเงินภาษีไปยังหน่วยงานจัดเก็บภาษีของรัฐ
หากคุณเป็นผู้ขายที่อยู่ในสหรัฐฯ คุณมีโอกาสที่จะมีความรับผิดชอบด้านภาษีในรัฐของคุณเนื่องจากมีความสัมพันธ์ทางภาษีทางกายภาพ หากคุณขายสินค้าให้แก่ลูกค้าในรัฐใดรัฐหนึ่งบ่อยๆ คุณมีโอกาสที่จะมีความรับผิดชอบด้านภาษีในรัฐดังกล่าวเนื่องจากความสัมพันธ์ทางภาษีทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสหรัฐฯ หรือไม่ก็ตาม
ในสหรัฐอเมริกา ภาษีการขายที่คุณควรเรียกเก็บนั้นได้รั บผลกระทบจากหลายปัจจัยต่อไปนี้:
- ตำแหน่งที่ตั้งที่เป็นต้นทางในการส่งสินค้าของคุณ
- ตำแหน่งที่ตั้งที่เป็นปลายทางในการส่งสินค้าของคุณ
- ท้องที่ซึ่งคุณลงทะเบียนเพื่อเก็บภาษี
- การเรียกเก็บภาษีจากสินค้า
- การยกเว้นให้กับผู้ซื้อ
ความเชื่อมโยงต่อเขตอำนาจภาษี
ความสัมพันธ์ทางภาษี หรือความเกี่ยวข้องกันระหว่างร้านค้าของคุณกับรัฐของสหรัฐฯ เป็นตัวกำหนดว่าคุณมีโอกาสที่จะมีความรับผิดชอบด้านภาษีในรัฐดังกล่าวหรือไม่ โดยความสัมพันธ์ทางภาษีสามารถเป็นได้ทั้งทางกายภาพและทางเศรษฐกิจ
ความเกี่ยวข้องทางกายภาพ
โดยทั่วไปแล้ว ความสัมพันธ์ทางภาษีทางกายภาพจะเกิดขึ้นเมื่อคุณมีที่อยู่จริงตั้งอยู่ในรัฐ เช่น ร้านค้า คลังสินค้า หรือพนักงาน บางรัฐให้นิยามความสัมพันธ์ทางภาษีทางกายภาพไว้อย่างกว้างๆ โดยอาจรวมถึงข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้:
- การเชิญชวนให้เกิดการสั่งซื้อ
- บริการจัดการคำสั่งซื้อ
- การมีอยู่ของสินค้าคงคลัง
หากคุณไม่แน่ใจว่ากิจกรรมต่างๆ ภายนอกรัฐที่คุณอยู่นั้นนับว่ามีความสัมพันธ์ทางภาษีทางกายภาพหรือไม่ ให้ปรึกษากับหน่วยงานจัดเก็บภาษีของรัฐหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในท้องถิ่น
ความเกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจ
ความสัมพันธ์ทางภาษีทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นเมื่อคุณมียอดขายให้แก่ลูกค้าเกินเกณฑ์การขายในรัฐที่กำหนด
ในเดือนมิถุนายน 2018 ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ชี้ขาดว่ารัฐต่างๆ สามารถกำหนดให้ผู้ขายออนไลน์เก็บภาษีการขายตามปริมาณหรือมูลค่าการทำธุรกรรมที่เข้าสู่รัฐ หรือที่เรียกว่าความเชื่อมโยงต่อเขตอำนาจภาษีทางเศรษฐกิจ หากต้องการข้อมูลว่าการตัดสินนี้อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณได้อย่างไรบ้าง ดูที่บล็อกโพสต์เรื่อง ภาษีการขายออนไลน์: คู่มือว่าด้วยความเชื่อมโยงต่อเขตอำนาจภาษีทางเศรษฐกิจและอีคอมเมิร์ซ ของ Shopify
ขีดจำกัดการขายที่กำหนดว่าคุณมีความสัมพันธ์ ทางภาษีหรือไม่นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ให้ดูที่ตารางอ้างอิงภาษีของรัฐเพื่อระบุว่าการขายในรัฐหนึ่งๆ จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ทางภาษีทางเศรษฐกิจหรือไม่ หากคุณคิดว่าคุณอาจจะมีความสัมพันธ์ทางภาษีทางเศรษฐกิจในรัฐนั้นๆ ให้ปรึกษาหน่วยงานจัดเก็บภาษีของรัฐหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในท้องถิ่น
สินค้าดิจิทัล
สินค้าดิจิทัลเป็นสินค้าที่ลูกค้าดาวน์โหลดและไม่มีส่วนประกอบกายภาพที่ต้องจัดส่ง บางรัฐนับรวมสินค้าดิจิทัลในการระบุความสัมพันธ์ทางภาษีทางเศรษฐกิจ ขณะที่บางรัฐไม่นับรวม ตารางอ้างอิงภาษีของรัฐจะมีข้อมูลแยกแต่ละรัฐว่านับรวมสินค้าดิจิทัลในการคำนวณความสัมพันธ์ทางภาษีหรือไม่
ตลาด
ตลาดคือเว็บไซต์ที่ผู้ขายจำนวนมากเสนอขายสินค้าของตน บางรัฐนับรวมยอดขายในตลาดในการกำหนดความสัมพันธ์ทางภาษีทางเศรษฐกิจด้วย แต่บางรัฐก็ไม่นับ ตารางอ้างอิงภาษีของรัฐจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับกฎภาษีของแต่ละรัฐ รวมถึงว่ารัฐนั้นนับรวมตลาดต่างๆ ในความสัมพันธ์ทางภาษีหรือไม่
ตลาดต่อไปนี้อาจถูกพิจารณาในการกําหนดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ โดยขึ้นอยู่กับกฎหมายของรัฐ:
Emadri | MyDeal | Rakuten | Etsy | Fruugo |
Wish | NewEgg | BestBuy | Reverb | Ebay |
Walmart Marketplace | Amazon by Codisto | Amazon by CedCommerce |
การดรอปชิป
หากร้านค้าของคุณใช้การดรอปชิปเพื่อมอบสินค้าให้กับลูกค้า แสดงว่า คุณเป็นผู้ซื้อสินค้าจากผู้ขายอื่น แล้วลูกค้าของคุณก็ซื้อสินค้าดังกล่าวไปจากคุณ ทั้งนี้การเรียกเก็บภาษีของคุณจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งของลูกค้า และพื้นที่ที่คุณกับผู้ขายสำหรับการดรอปชิปมีความเชื่อมโยงต่อเขตอำนาจภาษี ตรวจสอบสถานการณ์ต่อไปนี้แล้วดูว่าสามารถนำสถานการณ์ไหนไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้:
- หากทั้งคุณและเวนเดอร์การดรอปชิปของคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางภาษีในรัฐของลูกค้าคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บภาษี ลูกค้าของคุณน่าจะชำระภาษีโภคภัณฑ์ไปยังรัฐปลายทางเพื่อทำการซื้อ
- หากคุณไม่มีความสัมพันธ์ทางภาษีในรัฐของลูกค้าคุณ แต่เวนเดอร์การดรอปชิปของคุณมี เช่นนั้นเวนเดอร์ของคุณอาจขอใบรับรองของตัวแทนจำหน่ายจากคุณ หรือเรียกเก็บภาษีที่เหมาะสมจากคุณ
- หากคุณมีความสัมพันธ์ทางภาษีในรัฐขอ งลูกค้าคุณ แต่เวนเดอร์การดรอปชิปของคุณไม่มี เช่นนั้นคุณจะต้องเรียกเก็บภาษีจากลูกค้าของคุณ
- หากทั้งคุณและเวนเดอร์การดรอปชิปของคุณมีความสัมพันธ์ทางภาษีในรัฐของลูกค้าคุณ เช่นนั้นเวนเดอร์ของคุณอาจขอใบรับรองของตัวแทนจำหน่ายจากคุณหรือเรียกเก็บภาษีที่เหมาะสมจากคุณ และคุณก็ต้องเรียกเก็บภาษีจากลูกค้าของคุณ
หากคุณไม่แน่ใจว่ามีความรับผิดชอบในรัฐหนึ่งๆ หรือไม่ ให้ปรึกษาหน่วยงานจัดเก็บภาษีของรัฐหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในท้องถิ่น
ลงทะเบียนเรียกเก็บภาษี
หลังจากที่คุณทราบแล้วว่าคุณต้องเรียกเก็บภาษีที่ใดในสหรัฐฯ คุณสามารถลงทะเบียนกับหน่วยงานจัดเก็บภาษีของรัฐได้ โดยหน่วยงานที่คุณต้องไปติดต่อจะแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ รวมถึงวิธีการลงทะเบียนก็อาจจะแตกต่างกันไปด้วย ตารางอ้างอิงภาษีของรัฐจะมีข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานจัดเก็บภาษีแยกแต่ละรัฐ
ตั้งค่าภาษีของคุณบน Shopify
หลังจากที่คุณทราบแล้วว่าคุณต้องเรียกเก็บภาษีที่ใดในสหรัฐฯ คุณสามารถตั้งค่าให้ร้านค้า Shopify จัดการอัตราภาษีที่ใช้คํานวณราคาสินค้าที่มีภาษี และตั้งค่าการกําหนดภาษีเองสำหรับสินค้าที่มีอัตราภาษีพิเศษได้
- หากคุณยังไม่คุ้นกับ Shopify โปรดดูที่การตั้งค่าภาษีของสหรัฐฯ
- หากคุณใช้ Shopify อยู่แล้วและจำเป็นต้องอัปเดตการตั้งค่า ให้ดูที่ภาษีที่อิงจากการจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา หากคุณยังไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อเก็บภาษีการขายในรัฐใดๆ ก็ตามที่ระบุไว้ในการตั้งค่าภาษีของคุณ ค ุณก็สามารถลบออกได้
- หากคุณใช้ Shopify อยู่แล้วและต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการด้านภาษีต่างๆ ที่มีอยู่ในภูมิภาคของคุณ ให้ดูที่เลือกบริการด้านภาษี
หลังจากที่เปิดร้านค้าของคุณและเริ่มทำการขาย หน้าจัดการความรับผิดชอบด้านภาษีสามารถช่วยให้คุณทราบได้ว่าร้านค้าของคุณร้านใดที่มีความสัมพันธ์ทางภาษีอยู่