การตั้งค่าภาษีตามตำแหน่งที่ ตั้ง
การตั้งค่าภาษีจะอิงตามการจดทะเบียนภาษีสำหรับภูมิภาคดังต่อไปนี้
- สหรัฐอเมริกา
- แคนาดา
- สหภาพยุโรป
- สหราชอาณาจักร
- นอร์เวย์
- สวิตเซอร์แลนด์
- ออสเตรเลีย
- นิวซีแลนด์
- สิงคโปร์ - ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2023
หากคุณไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเหล่านี้และคุณต้องเรียกเก็บภาษี ภาษีอาจมีผลบังคับใช้ในระดับประเทศหรือภูมิภาคก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายภาษีในพื้นที่ของคุณ
ในหน้านี้
ตั้งค่าอัตราภาษีตามตำแหน่งที่ตั้ง
มีประเทศที่เรียกเก็บภาษีโดยอิงจากปลายทางของคำสั่งซื้อ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องเรียกเก็บภาษีการขายตามอัตราที่กำหนดไว้ในภูมิภาคที่มีการจัดส่งสินค้าของคุณ หากคุณไม่แน่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
ก่อนที่คุณจะตั้งค่าภาษีโดยอิงจากปลายทาง ให้ตรวจสอบว่าคุณต้องเรียกเก็บภาษีการขายจากล ูกค้าของคุณหรือไม่ และสินค้าของคุณต้องเสียภาษีหรือไม่ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าที่อยู่ของร้านค้าของคุณไม่ได้อยู่ในภูมิภาคที่ใช้ภาษีตามการจดทะเบียน และคุณได้ทำการตั้งค่าเขตการจัดส่งสำหรับประเทศปลายทางแล้ว
ขั้นตอน:
เดสก์ท็อป
จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
ในส่วนอัตราภาษี ให้คลิกที่ชื่อของประเทศ
ในส่วนภาษีพื้นฐาน ให้ป้อนอัตราภาษีที่ใช้ได้ในประเทศและภูมิภาคใดก็ได้ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ภาษีในภูมิภาคแทนที่จะเป็นภาษีของรัฐบาลกลาง หรือจะใช้การบวกเพิ่มหรือผสานเข้ากับภาษีรัฐบาลกลาง หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเลือกการตั้งค่าใด ให้ติดต่อหน่วยงานจัดเก็บภาษีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในพื้นที่ของคุณ
คลิก บันทึก
iPhone
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “…” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า”
- ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร”
- ในส่วนภูมิภาคภาษี ให้แตะที่ชื่อประเทศ
- ในส่วนภาษีพื้นฐาน ให้ป้อนอัตราภาษีที่ใช้ได้ในประเทศและภูมิภาคใดก็ได้ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ภาษีในภูมิภาคแทนที่จะเป็นภาษีของรัฐบาลกลาง หรือจะใช้การบวกเพิ่มหรือผสานเข้ากับภาษีรัฐบาลกลาง หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเลือกการตั้งค่าใด ให้ติดต่อหน่วยงานจัดเก็บภาษีหรือผ ู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในพื้นที่ของคุณ
- แตะบันทึก
Android
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “…” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า”
- ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร”
- ในส่วนภูมิภาคภาษี ให้แตะที่ชื่อประเทศ
- ในส่วนภาษีพื้นฐาน ให้ป้อนอัตราภาษีที่ใช้ได้ในประเทศและภูมิภาคใดก็ได้ คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ภาษีในภูมิภาคแทนที่จะเป็นภาษีของรัฐบาลกลาง หรือจะใช้การบวกเพิ่มหรือผสานเข้ากับภาษีรัฐบาลกลาง หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเลือกการตั้งค่าใด ให้ติดต่อหน่วยงานจัดเก็บภาษีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในพื้นที่ของคุณ
- แตะบันทึก
ข้อกำหนดเกี่ยวกับหมายเลขภาษีในแคนาดา
หากร้านค้าของคุณตั้งอยู่ในประเทศแคนาดา โดยทั่วไปแล้วคุณต้องลงทะเบียนบัญชี GST/HST หากข้อความทั้งสองประการดังต่อไปนี้เป็นจริง:
- คุณขายหรือเช่าสินค้าหรือบริการที่ต้องเสียภาษี
- คุณมีรายได้จากยอดขายที่ต้องเสียภาษีในแคนาดามากกว่า 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมาของปีปฏิทิน หรือมากกว่า 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงไตรมาสของปีปฏิทินปัจจุบัน
หากร้านค้าของคุณไม่ได้ตั้งอยู่ในแคนาดา โดยทั่ว ไปแล้วคุณต้องลงทะเบียนบัญชี GST/HST หากข้อความทั้งสองอย่างดังต่อไปนี้เป็นจริง:
- คุณขายสินค้าหรือบริการที่ต้องเสียภาษีให้แก่ลูกค้าในแคนาดาและจัดการคำสั่งซื้อเหล่านั้นจากคลังสินค้าที่ตั้งอยู่ในแคนาดา
- คุณมีรายได้จากยอดขายที่ต้องเสียภาษีในแคนาดามากกว่า 30,000 ดอลลาร์แคนาดาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
หากกรณีใดกรณีหนึ่งข้างต้นตรงกับคุณ คุณอาจต้องเก็บภาษีจากการขายและจ่ายภาษีเหล่านั้นให้กับหน่วยงานจัดเก็บภาษีที่เหมาะสม และยื่นรายงานต่อหน่วยงานด้านภาษีอย่างสม่ำเสมอ หากยอดขายของคุณต่ำกว่าขีดจำกัดคุณไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชี GST/HST และไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บหรือชำระภาษี
ขั้นตอน
- ลงทะเบียนกับหน่วยงานสรรพากรของแคนาดาที่ https://www.canada.ca/en/services/taxes/gsthst.html
- ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
- ในส่วนภูมิภาคภาษี ให้คลิกที่ “แคนาดา”
- คลิกที่ “เพิ่มหมายเลข GST/HST”
- ในช่องหมายเลข GST/HST ให้ป้อนหมายเลขภาษีของคุณ หากคุณยื่นขอหมายเลขภาษีแล้วแต่ยังไม่ได้ ให้เว้นว่างช่องนี้ไว้ คุณสามารถอัปเดตข้อมูลดังกล่าวได้เมื่อได้รับหมายเลขภาษีแล้ว
- คลิก บันทึก
รวมภาษีในราคาสินค้า
ในบางประเทศเช่นสหราชอาณาจักรคุณจำเป็นต้องใส่ภาษีการขายในราคาที่แสดงสำหรับสินค้าแทบจะทุกประเภท
เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ระบบจะคำนวณภาษีโดยใช้สูตร ภาษี = (อัตราภาษี X ราคา) / (1 + อัตราภาษี) โดยระบบจะแสดงภาษีเป็นสินค้าเฉพาะรายการให้ทั้งคุณและลูกค้าเห็น แม้ว่าจะไม่มีการเพิ่มภาษีใด ยอดรวมย่อยและยอดสุทธิจะเหมือนกัน แต่ระบบจะระบุจำนวนภาษีที่คุณต้องชำระสำหรับคำสั่งซื้อไว้ด้วย
ขั้นตอน:
จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
เลือก “รวมภาษีการขายในราคาสินค้าและอัตราค่าจัดส่ง”
คลิก บันทึก
-
ตัวเลือกเสริม: หากต้องการใช้อัตราภาษีในพื้นที่ของลูกค้า ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้:
- ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > ตลาด
- ในส่วนตลาดอื่นๆ ให้คลิก “การกำหนดลักษณะ”
- เลือกการรวมหรือไม่รวมภาษีที่โดยอิงจากประเทศของลูกค้า
คลิก บันทึก
หลังจากที่ตั้งค่าราคาของคุณให้รวมภาษีแล้ว โปรดเลือกเรียกเก็บภาษีสำหรับสินค้ารายการนี้ในหน้าสินค้าของคุณเพื่อให้ภาษีรวมอยู่ในราคาที่แสดง จํานวนภาษีที่รวมจะแสดงต่อลูกค้าถัดจากยอดรวมในขั้นตอนการชำระเงิน
การกำหนดราคาของคุณเพื่อรวมภาษีจะไม่มีผลต่อการรายงานภาษีของคุณ
ตัวอย่างเช่น Maya และ Gabriel อาศัยอยู่ในภูมิภาคเดียวกันและทั้งสองมีร้านค้าออนไลน์ โดยภูมิภาคนี้มีอั ตราภาษี 10% และอนุญาตให้เจ้าของธุรกิจเลือกได้ว่าจะรวมภาษีในราคาของพวกเขาหรือไม่
มารียาไม่ได้ตั้งราคาแบบรวมภาษี หากเธอวางขายสินค้าในราคา $100 ระบบจะคำนวณและคิดค่าภาษี $10 ทำให้ราคารวมอยู่ที่ $110 สูตรสำหรับการคำนวณนี้คือ ยอดรวม = ราคาที่วางขาย X (1 + อัตราภาษี):
กฤษณะตัดสินใจตั้งราคาแบบรวมภาษีทั้งหมดแล้ว หากต้องการให้ได้ราคาวางขายรวมหลังคิดภาษีอยู่ที่ $100 จะต้องใช้สูตรสำหรับรวมภาษีในการคำนวนส่วนที่เป็นภาษี สูตรสำหรับกรณีนี้คือ ภาษี = (อัตราภาษี X ราคา) / (1 + อัตราภาษี):
รวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ
หากคุณขายสินค้าระหว่างประเทศ คุณสามารถรวมหรือไม่รวมภาษีในราคาสินค้าโดยอิงจากตำแหน่งที่ตั้งของลูกค้าได้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ลูกค้าในประเทศหรือภูมิภาค เช่น สหราชอาณาจักรจะเห็นราคารวมภาษีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในพื้นที่ของตนเอง หรือจะเห็นราคาแบบไม่รวมภาษีในประเทศหรือภูมิภาคต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ซึ่งลูกค้าคาดว่าภาษีจะเพิ่มเข้ามาในขั้นตอนการชำระเงิน
หากคุณใช้การแทนที่ภาษีสินค้ากับสินค้าหรือคอลเลกชันสินค้าบางรายการ อัตรากําไรของคุณอาจได้รับผลกระทบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อควรพิจารณาในการรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ
ตัวอย่างเช่น กาเบรียลอาศัยอยู่ในภูมิภาคที่มีภาษี 10% และกำหนดราคาของเขาเป็นแบบรวมภาษี และขายให้แก่หลายภูมิภาคที่อยู่นอกภูมิภาคของตน เขาเปิดใช้งานการตั้งค่าการรวมหรือไม่รวมภาษีอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ เขาขายสินค้าราคา $100
- ในภูมิภาคของเขา ต้นทุนสินค้าคือ $100 การใช้สูตร ภาษี = (อัตราภาษี X ราคา) / (1 + อัตราภาษี) ราคาในส่วนของสินค้าคือ $90.91 และส่วนที่เป็นภาษีคือ $9.09
- ในภูมิภาคที่กาเบรียลไม่ต้องเสียภาษี ราคาของสินค้าในขั้นตอนการชำระเงินคือ $90.91 ซึ่งคือราคาเฉพาะส่วนของตัวสินค้า
- ในภูมิภาคที่กาเบรียลจำเป็นต้องจ่ายภาษีที่อัตรา 20% ราคาของสินค้าในขั้นตอนการชำระเงินคือ $109.09 ราคานี้คำนวณโดยการใช้อัตราภาษีตามภูมิภาค 20% ของตัวสินค้า
ระบบจะใช้ที่อยู่ของร้านค้าคุณในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณเพื่อกำหนดอัตราภาษีในหน้าแรก ซึ่งจะหักออกจากราคารวมภาษีของคุณเมื่อขายสินค้าไปยังประเทศหรือภูมิภาคที่รวมภาษีอื่นๆ การเปลี่ยนที่อยู่ร้านค้าของคุณในส่วนผู้ดูแลให้อยู่ในประเทศหรือภูมิภาคอื่นจะเปลี่ยนอัตราภาษีในหน้าแรกด้วยเช่นกัน
ข้อควรพิจารณาส ำหรับการรวมหรือยกเว้นภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้า
ก่อนที่คุณจะเปิดใช้งานการรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ ให้ตรวจสอบข้อควรพิจารณาดังต่อไปนี้
-
การรวมหรือไม่รวมภาษีอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณจะไม่รองรับในกรณีดังต่อไปนี้:
- ร้านค้าในแผน Shopify Plus ที่ใช้ Avalara AvaTax
- ร้านค้าที่ใช้แอปจากภายนอกที่เสนอการแนะนำสินค้าที่ราคาขายหลังการซื้อสูงขึ้น
- ระบบรองรับวิธีการชำระเงินแบบเร่งรัดเช่น Google Pay หรือ Apple Pay สำหรับผู้ขายที่ใช้ Shopify Payments เท่านั้น โดยระบบไม่รองรับวิธีการชำระเงินแบบเร่งรัดสำหรับผู้ขายที่ใช้ช่องทางการชำระเงินอื่นๆ
- ปุ่มชำระเงินแบบไดนามิก ไม่รองรับการใช้งานแบบรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้าของคุณ หากคุณต้องก ารรวมหรือไม่รวมภาษีในราคาของคุณโดยอิงจากที่อยู่ของลูกค้าของคุณ ให้ปิดใช้งานปุ่มชำระเงินแบบไดนามิกของคุณ
ที่อยู่ร้านค้าของคุณเป็นตัวกำหนดอัตราภาษีในหน้าแรกของคุณ ซึ่งอาจส่งผลต่อการกำหนดภาษีเอง ตัวอย่างเช่น หากคุณมีภาษีที่กำหนดเองสำหรับสินค้าที่มีอัตราภาษี 10% แต่อัตราภาษีในหน้าแรกของร้านค้าคุณสูงกว่า อัตราภาษีในหน้าแรกที่สูงกว่านี้จะถูกหักออกจากสินค้าเหล่านี้เมื่อมีการจัดส่งระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตรากำไรของคุณ หากคุณต้องการป้องกันไม่ให้มีการจัดส่งสินค้าดังกล่าวไปยังต่างประเทศ ให้ใช้โปรไฟล์การจัดส่ง
อัตราภาษีในหน้าแรกของคุณจะใช้ในการคำนวณราคาในขั้นตอนการชำระเงิน ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ถูกต้องหากคุณมีตำแหน่งที่ตั้งในการจัดส่งสินค้าแบบครบวงจรในภูมิภาคที่มีอัตราภาษีต่างๆ
-
หลังจากที่คุณเปิดใช้งานการตั้งค่ารวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากการตั้งค่าประเทศของลูกค้า ราคาจะแสดงอย่างถูกต้องในขั้นตอนการชำระเงิน อย่างไรก็ตาม หน้าสินค้าหรือตะกร้าสินค้าจะไม่แสดงราคาอย่างถูกต้อง หากข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ไม่เป็นจริง:
- คุณขายสินค้าในหลายสกุลเงินและใช้ Shopify Payments ในกรณีนี้ ระบบจะแสดงราคาอย่างถูกต้องในขั้นตอนการชำระเงิน บนหน้าสินค้า และในตะกร้าสินค้า
- ลูกค้าซื้อสินค้าโดยใช้ที่อยู่ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีสิทธิ์ปรับราคา เปิดใช้งานคุกกี้ ยังไม่ได้ล้างแคชเบราว์เซอร์ของตน และไม่ได้เยี่ยมชมร้านค้าโดยใช้โหมดไม่ระบุตัวตน โดยในกรณีนี้ ระบบจะแสดงราคาอย่างถูกต้องในขั้นตอนการชำระเงิน ทั้งบนหน้าสินค้าและในตะกร้าสินค้าเมื่อเข้าชมร้านค้าครั้งต่อๆ ไป
เปิดใช้งานการรวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้า
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > ตลาด
คลิกที่การกำหนดลักษณะ
สลับ “รวมหรือไม่รวมภาษีโดยอิงจากประเทศของลูกค้า” เป็นเปิด
เรียกเก็บภาษีจากอัตราค่าจัดส่ง
ในบางภูมิภาคคุณจำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีสำหรับการจัดส่ง หากร้านค้าของคุณอยู่นอกแคนาดา สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อเรียกเก็บภาษีสำหรับอัตราค่าจัดส่งของคุณ
ขั้นตอน:
เดสก์ท็อป
จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
ทำเครื่องหมายในช่องภาษี ที่เรียกเก็บจากอัตราค่าจัดส่ง:
คลิก บันทึก
iPhone
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “…” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า”
- ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร”
- ทำเครื่องหมายในช่องภาษีที่เรียกเก็บจากอัตราค่าจัดส่ง:
- คลิก บันทึก
Android
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “…” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า”
- ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร”
- ทำเครื่องหมายในช่องภาษีที่เรียกเก็บจากอัตราค่าจัดส่ง:
- คลิก บันทึก
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้มีการคำนวนภาษีซ้ำ
หากตั้งค่าภาษีสำหรับประเทศและภูมิภาคย่อย คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ระบุว่ามีการเพิ่มหรือผนวกภาษีในท้องที่ไปยังภาษีของรัฐบาลกลางใดๆ หรือจะถูกนำไปใช้แทนที่ภาษีของรัฐบาลกลาง หากลูกค้าในประเทศหนึ่งถูกเรียกเก็บภาษีสองครั้ง นั่นหมายความว่าคุณอาจได้กำหนดให้เพิ่มค่าภาษีของภูมิภาคย่อยไปยังภาษีรวมสำหรับประเทศนั้นๆ
เช่น คุณมีสินค้าราคา $100.00 ลูกค้าซื้อสินค้าดังกล่าวในพื้นที่ที่มีอัตราภาษีของประเทศและภูมิภาคอยู่ที่ 10% ทั้งคู่
หากคุณเลือกเพิ่มไปยัง ประเทศและภูมิภาคทั้งหมดจะนำมาเรียกเก็บเงินและเพิ่มเข้าด้วยกัน ในกรณีนี้ จำนวนเงินภาษีของประเทศคือ $10.00 และภาษีในภูมิภาคคือ $10.00 ระบบจะเพิ่มสินค้าเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นยอดสุทธิ $120.00
หากเลือกแทน ระบบจะเรียกเก็บเงินภาษีในภูมิภาคแ ละไม่เรียกเก็บภาษีของประเทศ ในกรณีนี้จะไม่มีภาษีของประเทศแต่มีภาษีในภูมิภาคอยู่ที่ $10.00 ราคารวมของสินค้าจะเป็น $110
หากเลือกรวมกับ ระบบจะวิเคราะห์จำนวนเงินภาษีสำหรับประเทศนั้นและเรียกเก็บภาษีในภูมิภาคจากยอดรวมดังกล่าว ในกรณีนี้ ภาษีของประเทศจะอยู่ที่ $10.00 จากนั้นจะนำภาษีในภูมิภาคไปรวมกับยอดรวม $110.00 ภาษีนี้จึงอยู่ที่ $11.00 และเมื่อรวมยอดสุทธิแล้ว ราคารวมของสินค้าจะเป็น $121.00
คุณสามารถตรวจสอบยืนยันหรือเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าภาษีของคุณสำหรับภูมิภาคได้
ขั้นตอน:
เดสก์ท็อป
จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
ในส่วน ภูมิภาคภาษี ให้คลิกที่" แก้ไข" ด้านข้างชื่ อประเทศ ภาษีที่แสดงคือภาษีของประเทศและสำหรับภูมิภาคย่อยตามรัฐหรือจังหวัด
เลือกตัวเลือกจากเมนูดรอปดาวน์ใต้อัตราภาษีย่อยในภูมิภาคเพื่อระบุว่าคุณต้องการเรียกเก็บภาษีอย่างไร
คลิก บันทึก
iPhone
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “…” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า”
- ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร”
- ในส่วน ภูมิภาคภาษี ให้แตะที่ "แก้ไข" ด้านข้างชื่อประเทศ ภาษีที่แสดงคือภาษีของประเทศและสำหรับภูมิภาคย่อยตามรัฐหรือจังหวัด
- เลือกตัวเลือกจากเมนูดรอปดาวน์ใต้อัตราภาษีย่อยในภูมิภาคเพื่อระบุว่าคุณต้องการเรียกเก็บภาษีอย่างไร
- แตะบันทึก
Android
- จ ากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “…” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า”
- ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร”
- ในส่วน ภูมิภาคภาษี ให้แตะที่ "แก้ไข" ด้านข้างชื่อประเทศ ภาษีที่แสดงคือภาษีของประเทศและสำหรับภูมิภาคย่อยตามรัฐหรือจังหวัด
- เลือกตัวเลือกจากเมนูดรอปดาวน์ใต้อัตราภาษีย่อยในภูมิภาคเพื่อระบุว่าคุณต้องการเรียกเก็บภาษีอย่างไร
- แตะบันทึก
เปลี่ยนชื่อเริ่มต้นของภาษีมูลค่าเพิ่ม
สำหรับประเทศที่มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ชื่อเริ่มต้นที่กำหนดให้กับภาษีนั้นจะเป็น VAT คำเรียกย่อ VAT จะปรากฏในหน้าการชำระเงินของคุณ ใบเสร็จของลูกค้า และในส่วนรายละเอียดคำสั่งซื้อของคำสั่งซื้อ
หากคุณอยู่ในประเทศที่ใช้คำเรียกย่อภาษีที่แตกต่างกัน คุณสามารถเปลี่ยนชื่อดังกล่าวได้ที่หน้าภาษี ตัวอย่างเช่น ในหลายๆ ประเทศจะใช้ IVA แทนที่จะเป็น VAT คุณสามารถเปลี่ยนชื่อเรียกภาษีได้ก็ต่อเมื่อในส่วนผู้ดูแล Shopify มีการระบุชื่อภูมิภาคย่อยของประเทศนั้นๆ ไว้ในระบบเท่านั้น เช่นอิตาลีและสเปน คุณไม่สามารถเปลี่ยนชื่อได้หากไม่ได้รวม subregions เช่นสำหรับออสเตรียและนอร์เวย์
ขั้นตอน:
เดสก์ท็อป
จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
ในส่วนภูมิภาคของภาษี ให้คลิกที่ประเทศ
สำหรับแต่ละภูมิภาค ให้เปลี่ยน VAT เป็นคำเรียกย่อที่ต้องการใช้
ชื่อดังกล่าวจะต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค คุณจึงต้องเปลี่ยนชื่อสำหรับแต่ละภูมิภาคด้วยคลิก บันทึก
iPhone
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “…” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า”
- ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร”
- ในส่วนภูมิภาคภาษี ให้แตะที่ประเทศ
- สำหรับแต่ละภูมิภาค ให้เปลี่ยน VAT เป็นคำเรียกย่อที่ต้องการใช้ ชื่อดังกล่าวจะต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค คุณจึงต้องเปลี่ยนชื่อสำหรับแต่ละภูมิภาคด้วย
- แตะบันทึก
Android
- จากแอป Shopify ให้แตะที่ปุ่ม “…” จากนั้นจึงแตะที่ “การตั้งค่า”
- ในส่วนการตั้งค่าร้านค้า ให้แตะที่ “ภาษีและอากร”
- ในส่วนภูมิภาคภาษี ให้แตะที่ประเทศ
- สำหรับแต่ละภูมิภาค ให้เปลี่ยน VAT เป็นคำเรียกย่อที่ต้องการใช้ ชื่อดังกล่าวจะต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค คุณจึงต้องเปลี่ยนชื่อสำหรับแต่ละภูมิภาคด้วย
- แตะบันทึก
Brexit กับภาษีของสหราชอาณาจักร
- คุณจำเป็นต้องลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักร หากต้องการขายสินค้าราคาเท่ากับหรือน้อยกว่า 135 ปอนด์สเตอร์ลิง โดยในกรณีนี้ จะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระบบขายหน้าร้าน และผู้ขายจะเป็นผู้โอนเงินภาษี
- สำหรับการขายสินค้าราคามากกว่า 135 ปอนด์สเตอร์ลิง คุณอาจไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระบบขายหน้าร้าน โดยในกรณีนี้ ผู้นำเข้าจะเป็นผู้โอนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มและอากร ซึ่งคุณสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรจากลูกค้าของคุณในขณะที่ทำการขายได้หากคุณต้องการ แล้วจากนั้นจึงมอบเงินเหล่านี้แก่ผู้จัดส่งหรือผู้นำเข้าโดยใช้ใบจ่าหน้าสำหรับการจัดส่ง หรือคุณจะส่งคำสั่งซื้อโดยไม่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรก็ได้ และลูกค้าของคุณจะต้องชำระเงินเพิ่มเติมในตอนที่ทำการจัดส่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มและอากร
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit ต่อธุรกิจของคุณ
ข้อควรพิจารณาสำหรับการยกเว้นภาษีที่มีราคารวมภาษี
หากคุณรวมภาษีไปในราคาสินค้าของคุณ คุณจะไม่สามารถแสดงราคาที่ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับลูกค้าบางรายได้ เช่น การยกเว้น GST สำหรับลูกค้าที่อยู่นอกออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
หากคุณจำเป็นต้องยกเว้นภาษีให้แก่ลูกค้าบางราย ให้ลองใช้ตัวเลือกดังต่อไปนี้
- ไม่ต้องรวมอัตราภาษีในราคาของคุณ
- แก้ไขธีมของคุณให้แสดงราคาที่ได้รับการยกเว้นภาษีในร้ านค้าของคุณ และใช้ Shopify Scripts ในการเรียกใช้งานการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 20% ในขั้นตอนการชำระเงิน