การสร้างคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
คุณสามารถสร้างคำสั่งซื้อพร้อมส่งใบแจ้งหนี้ให้แก่ลูกค้าของคุณได้จาก Shopify admin หรือแอปของ Shopify คำสั่งซื้อที่คุณสร้างในนามของลูกค้าของคุณเรียกว่าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินคล้ายกับคำสั่งซื้อที่ลูกค้าของคุณสร้างขึ้นเอง คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินจะคอนเวิร์ทเป็นคำสั่งซื้อเมื่อคุณยอมรับการชำระเงินคำสั่งซื้อนั้น
คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินจะมีประโยชน์เมื่อคุณต้องการดำเนินการดังต่อไปนี้:
- ยอมรับการชำระเงินจากหน้าคำสั่งซื้อที่คุณสร้างบนโทรศัพท์ ด้วยตนเอง หรือที่ใดก็ตาม เมื่อคุณยอมรับการชำระเงินจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน ระบบจะสร้างคำสั่งซื้อในหน้าคำสั่งซื้อ
- ส่งใบแจ้งหนี้ให้แก่ลูกค้าเพื่อชำระเงินด้วยลิงก์หน้าการชำระเงินที่ปลอดภัย
- ใช้รายการที่กำหนดเองเพื่อแสดงค่าใช้จ่ายหรือสินค้าเพิ่มเติมที่ไม่ได้แสดงอยู่ในสินค้าคงคลังของคุณ
- สร้างสินค้าจากช่องทางการขายที่ใช้งานอยู่ของคุณด้วยตนเองอีกครั้ง
- ขายสินค้าด้วยอัตราราคาส่วนลดหรืออัตราราคาค้าส่ง
- สั่งซื้อล่วงหน้า
- บันทึกคำสั่งซื้อเป็นคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน แล้วกลับมาดำเนินการต่อภายหลัง หากคุณบันทึกคำสั่งซื้อของคุณเป็นคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน คุณสามารถอัปเดตในภายหลังได้จากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินใน Shopify admin
หมายเหตุ: คุณไม่สามารถแก้ไขคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินหลังจากที่คุณทำเครื่องหมายว่าชำระเงินแล้ว ทำเครื่องหมายว่ารอดำเนินการ หรือชำระเงินโดยใช้ข้อมูลการเรียกเก็บเงินของลูกค้า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่การยอมรับการชำระเงิน
หากคุณใช้ Shopify Payments และเปิดใช้หลายสกุลเงิน คุณก็สามารถส่งใบแจ้งหนี้สำหรับคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินในสกุลเงินในประเทศของลูกค้าคุณได้ เมื่อยอมรับการชำระเงินหรือสร้างใบแจ้งหนี้สำหรับคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินซึ่งจะชำระด้วยวิธีการชำระเงินรูปแบบอื่น ระบบจะใช้สกุลเงินเริ่มต้นของร้านค้าคุณ
สร้างคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
คุณสามารถสร้างคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินในนามของลูกค้าของคุณแล้วส่งใบแจ้งหนี้ของคำสั่งซื้อให้แก่ลูกค้าของคุณได้ ตามค่าเริ่มต้นแล้ว ใบแจ้งหนี้จะมีลิงก์ที่นำทางไปยังหน้าการชำระเงิน ซึ่งเป็นที่ลูกค้าของคุณสามารถชำระเงินสำหรับคำสั่งซื้อของตนได้
คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินอาจมีข้อมูลดังต่อไปนี้:
- สินค้าหนึ่งชิ้นหรือมากกว่าหนึ่งชิ้น
- ส่วนลดในแต่ละรายการสินค้าหรือทั้งหมดในคำสั่งซื้อ
- อัตราค่าจัดส่ง
- ภาษีที่เกี่ยวข้อง
- ลูกค้า
- แท็ก
ขั้นตอน:
- ใน Shopify admin ของคุณ ให้ไปที่คำสั่งซื้อ
- คลิกสร้างคำสั่งซื้อ
- เพิ่มสินค้าไปยังคำสั่งซื้อ
-
ปรับแต่งคำสั่งซื้อ:
- เพิ่มลูกค้า
- ใช้งานส่วนลด
- เปิดหรือปิดการคิดภาษี
- เพิ่มแท็กหรือหมายเหตุ
-
ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
- ส่งใบแจ้งหนี้ไปให้ลูกค้า ตามค่าเริ่มต้นแล้ว ใบแจ้งหนี้จะมีลิงก์ที่นำทางไปยังหน้าการชำระเงิน ซึ่งลูกค้าของคุณสามารถดำเนินการชำระเงินสำหรับคำสั่งซื้อของตนได้
- ยอมรับการชำระเงินจากลูกค้า
- บันทึกคำสั่งซื้อของคุณเป็นคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน เพื่อให้คุณสามารถอัปเดตได้ในภายหลังจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
คุณยังสามารถสร้างคำสั่งซื้อที่กรอกข้อมูลลูกค้าไว้ล่วงหน้าโดยใช้ข้อมูลจากโปรไฟล์ลูกค้าได้เช่นกัน
จากแอป Shopify ให้แตะที่คำสั่งซื้อ
แตะที่ปุ่ม
+
เพิ่มสินค้าไปยังคำสั่งซื้อ
ปรับแต่งคำสั่งซื้อ:
ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
จากแอป Shopify ให้แตะที่คำสั่งซื้อ
แตะที่ปุ่ม
+
เพิ่มสินค้าไปยังคำสั่งซื้อ
ปรับแต่งคำสั่งซื้อ:
ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
เพิ่มสินค้า
เปิดคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินใน Shopify admin ของคุณ
ในส่วนรายละเอียดคำสั่งซื้อ ให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
ตรวจสอบสินค้าหรือตัวเลือกสินค้าแต่ละรายการที่คุณต้องการเพิ่มลงในคำสั่งซื้อของคุณ
คลิกเพิ่มคำสั่งซื้อ หากต้องการลบสินค้าออกจากคำสั่งซื้อ ให้คลิกปุ่ม
X
ที่อยู่ด้านข้างสินค้าในส่วนรายละเอียดคำสั่งซื้อตรวจสอบจำนวนของสินค้าที่คุณได้เพิ่มไปยังคำสั่งซื้อ หากคุณเพิ่มสินค้าที่มีสินค้าคงคลังเป็นศูนย์และสินค้านั้นไม่อนุญาตให้ขายเกินจำนวนที่มี คุณจะได้รับข้อความแจ้งเตือนว่ามีปัญหาเกี่ยวกับสต็อกสินค้าเมื่อคุณพยายามจะชำระเงิน
ตัวเลือกเสริม: หากต้องการจองสินค้าที่มีอยู่ในใบแจ้งหนี้หรือในคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน ให้คลิกรายการจอง จากนั้นเลือกว่าคุณต้องการจองสินค้าดังกล่าวไว้นานแค่ไหน การดำเนินการนี้จะจองรายการใดๆ ที่เปิดใช้การติดตามสินค้าคงคลัง แต่จะไม่ปรับแต่งระดับสินค้าคงคลังตามจริงใน Shopify admin ของคุณ
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเพิ่มสินค้าลงไป
ในส่วนรายการ ให้แตะเพิ่มสินค้าเพื่อดูรายการสินค้าของร้านค้าของคุณ คุณสามารถสร้างรายการแบบกำหนดเองสำหรับคำสั่งซื้อได้เช่นกันโดยแตะที่เพิ่มรายการแบบกำหนดเอง:
แตะสินค้าที่คุณต้องการเพิ่มลงในคำสั่งซื้อ หากต้องการลบสินค้าออกจากคำสั่งซื้อ ให้แตะสินค้านั้นแล้วแตะลบสินค้าออกจากคำสั่งซื้อ
ตรวจสอบจำนวนของสินค้าที่คุณได้เพิ่มไปยังคำสั่งซื้อแล้ว หากคุณเพิ่มสินค้าโดยที่สินค้าดังกล่าวไม่เหลือในคงคลัง คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินจะทำให้สินค้าคงคลังติดลบ
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเพิ่มสินค้าลงไป
ในส่วนรายการ ให้แตะเพิ่มสินค้าเพื่อดูรายการสินค้าของร้านค้าของคุณ คุณสามารถสร้างรายการแบบกำหนดเองสำหรับคำสั่งซื้อได้เช่นกันโดยแตะที่เพิ่มรายการแบบกำหนดเอง:
แตะสินค้าที่คุณต้องการเพิ่มลงในคำสั่งซื้อ หากต้องการลบสินค้าออกจากคำสั่งซื้อ ให้แตะสินค้านั้นแล้วแตะลบสินค้าออกจากคำสั่งซื้อ
ตรวจสอบจำนวนของสินค้าที่คุณได้เพิ่มไปยังคำสั่งซื้อแล้ว หากคุณเพิ่มสินค้าโดยที่สินค้าดังกล่าวไม่เหลือในคงคลัง คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินจะทำให้สินค้าคงคลังติดลบ
กำหนดค่ารายการหรือส่วนลดการสั่งซื้อ
หากต้องการใช้ส่วนลดกับคำสั่งซื้อปัจจุบัน คุณก็สามารถเลือกลดราคาคำสั่งซื้อทั้งหมดหรือเพียงแค่สินค้าแต่ละรายการภายในคำสั่งซื้อก็ได้ ส่วนลดทั้งสำหรับสินค้าและคำสั่งซื้อจะใช้กับราคารวมของคำสั่งซื้อ โปรดระวังอย่าให้มีส่วนลดซ้ำกัน ไม่สามารถใช้รหัสส่วนลดได้ในขั้นตอนการชำระเงินสำหรับคำสั่งซื้อที่สร้างเป็นใบแจ้งหนี้ของคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
ใช้งานส่วนลดกับรายการ
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินใน Shopify admin ของคุณ
ในส่วนรายละเอียดคำสั่งซื้อ ให้คลิกที่ราคา ซึ่งอยู่ด้านข้างชื่อของสินค้า
กำหนดค่าส่วนลดเป็นจำนวนเงินหรือเปอร์เซ็นของราคาที่ระบุไว้
ตัวเลือกเสริม: ป้อนเหตุผลสำหรับส่วนลดในกล่องข้อความเหตุผล
คลิกนำไปใช้
ใช้งานส่วนลดกับคำสั่งซื้อทั้งหมด
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อใน Shopify admin ของคุณ
คลิก เพิ่มส่วนลด.
กำหนดส่วนลดเป็นจำนวนเงินหรือเปอร์เซ็นต์ของราคารวม โดยส่วนลดนี้จะมีผลใช้กับส่วนลดสำหรับสินค้าเฉพาะอย่างอีกทีหนึ่งด้วย
ตัวเลือกเสริม: ป้อนเหตุผลสำหรับส่วนลดในกล่องข้อความเหตุผล
คลิกนำไปใช้
ใช้งานส่วนลดกับรายการ
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการใช้งานส่วนลด
ในส่วนรายการ ให้แตะรายการที่คุณต้องการใช้งานส่วนลด
แตะเพิ่มส่วนลด
กำหนดค่าส่วนลดเป็นจำนวนเงินหรือเปอร์เซ็นของราคาที่ระบุไว้
ตัวเลือกเสริม: ป้อนเหตุผลสำหรับส่วนลด
แตะเสร็จสิ้น จากนั้นแตะบันทึก เพื่อนำส่วนลดไปใช้งาน
ใช้งานส่วนลดกับคำสั่งซื้อทั้งหมด
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการใช้งานส่วนลด
ในส่วนการกำหนดราคา ให้แตะเพิ่มส่วนลด
กำหนดค่าส่วนลดเป็นจำนวนเงินหรือเปอร์เซ็นของราคาที่ระบุไว้
ตัวเลือกเสริม: ป้อนเหตุผลสำหรับส่วนลด
แตะเสร็จสิ้น
ใช้งานส่วนลดกับรายการ
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการใช้งานส่วนลด
ในส่วนรายการ ให้แตะรายการที่คุณต้องการใช้งานส่วนลด
แตะเพิ่มส่วนลด
กำหนดค่าส่วนลดเป็นจำนวนเงินหรือเปอร์เซ็นของราคาที่ระบุไว้
ตัวเลือกเสริม: ป้อนเหตุผลสำหรับส่วนลด
แตะเสร็จสิ้น จากนั้นแตะบันทึก เพื่อนำส่วนลดไปใช้งาน
ใช้งานส่วนลดกับคำสั่งซื้อทั้งหมด
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการใช้งานส่วนลด
ในส่วนการกำหนดราคา ให้แตะเพิ่มส่วนลด
กำหนดค่าส่วนลดเป็นจำนวนเงินหรือเปอร์เซ็นของราคาที่ระบุไว้
ตัวเลือกเสริม: ป้อนเหตุผลสำหรับส่วนลด
แตะเสร็จสิ้น
เพิ่มการจัดส่ง
หากต้องจัดส่งคำสั่งซื้อปัจจุบัน คุณสามารถเลือกอัตราค่าจัดส่งที่ตั้งไว้แล้วหรือจะสร้างอัตราราคาที่กำหนดเองก็ได้
ขั้นตอน:
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อใน Shopify admin ของคุณ
คลิกที่เพิ่มการจัดส่ง
เลือกแบบกำหนดเอง จากนั้นป้อนอัตราค่าจัดส่ง
หากคุณเลือกแบบกำหนดเองแล้ว ให้ป้อนชื่อของอัตราราคาที่กำหนดเองและอัตราค่าจัดส่ง
คลิกนำไปใช้
จากแอป Shopify ให้แตะที่คำสั่งซื้อ
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเพิ่มการจัดส่งลงไป
แตะเพิ่มการจัดส่ง
เลือกตัวเลือกอัตราค่าจัดส่ง หรือแตะอัตราราคาแบบกำหนดเองเพื่อป้อนอัตราค่าจัดส่งแบบกำหนดเอง
แตะบันทึก
จากแอป Shopify ให้แตะที่คำสั่งซื้อ
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเพิ่มการจัดส่งลงไป
แตะเพิ่มการจัดส่ง
เลือกตัวเลือกอัตราค่าจัดส่ง หรือแตะอัตราราคาแบบกำหนดเองเพื่อป้อนอัตราค่าจัดส่งแบบกำหนดเอง
แตะ✓
เพิ่มแท็ก
คุณสามารถจัดระเบียบคำสั่งซื้อของคุณได้ไม่ว่าจะมีการจัดเก็บ ชำระเงิน ชำระเงินแล้ว หรือจัดการโดยเพิ่มแท็กแล้วหรือไม่ คุณสามารถกรองคำสั่งซื้อด้วยแท็ก จากนั้นบันทึกการค้นหาสำหรับแท็กนั้นเพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงคำสั่งซื้อเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็วในอนาคต
ขั้นตอน:
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อใน Shopify admin ของคุณ
ป้อนชื่อแท็กโดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค แท็กคำสั่งซื้อจะต้องไม่เกิน 40 ตัวอักษร (ตัวอักษรและตัวเลข) ต่อแท็ก
หากต้องการเลือกจากแท็กที่ใช้ก่อนหน้านี้ ให้คลิกดูแท็กทั้งหมด คลิกแท็กที่คุณต้องการเพิ่ม จากนั้นคลิกที่ใช้งานการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไปใช้กับคำสั่งซื้อ
คลิกบันทึก
จากแอป Shopify ให้แตะที่คำสั่งซื้อ
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเพิ่มแท็ก
ในส่วนแท็ก ให้แตะเพิ่มแท็ก
ป้อนชื่อของแท็กโดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค แท็กคำสั่งซื้อจะต้องไม่เกิน 40 ตัวอักษร (ตัวอักษรและตัวเลข) ต่อแท็ก
จากแอป Shopify ให้แตะที่คำสั่งซื้อ
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเพิ่มแท็ก
ในส่วนแท็ก ให้แตะเพิ่มแท็ก
ป้อนชื่อของแท็กโดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค แท็กคำสั่งซื้อจะต้องไม่เกิน 40 ตัวอักษร (ตัวอักษรและตัวเลข) ต่อแท็ก
เพิ่มหรือลบภาษี
ตามค่าเริ่มต้นแล้ว คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินจะมีค่าภาษีตามการตั้งค่าภาษีของร้านค้าของคุณและที่อยู่การจัดส่งของลูกค้า หากคุณไม่มีที่อยู่การจัดส่งในรายการ ภาษีจะอิงตามที่อยู่การเรียกเก็บเงินของลูกค้าแทน
ขั้นตอน:
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินใน Shopify admin ของคุณ
ในส่วนรายละเอียดคำสั่งซื้อ ให้คลิกที่ภาษี
เลือกเรียกเก็บภาษี
คลิกนำไปใช้เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงของคุณ หรือปิดเพื่อยกเลิก
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง
ในส่วนการกำหนดราคา ให้สลับการเรียกเก็บภาษีเป็นเปิดหรือปิด
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง
ในส่วนการกำหนดราคา ให้สลับการเรียกเก็บภาษีเป็นเปิดหรือปิด
เพิ่มหรือลบลูกค้า
หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้คือสิ่งจำเป็นหากคุณต้องการใช้อัตราค่าจัดส่งตามตำแหน่งที่ตั้งสำหรับคำสั่งซื้อปัจจุบัน
เพิ่มลูกค้าไปยังคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อใน Shopify admin ของคุณ
ในส่วนค้นหาหรือสร้างลูกค้า เริ่มโดยการใส่ชื่อลูกค้าที่มีอยู่หรือใส่ชื่อลูกค้ารายใหม่ลงไป
คลิกที่ลูกค้าเพื่อมอบหมายให้พวกเขาไปยังคำสั่งซื้อ
หากคุณกำลังสร้างลูกค้าใหม่ ให้คลิกสร้างลูกค้าใหม่
กรอกข้อมูลลงในช่องที่เกี่ยวข้องในสร้างลูกค้ารายใหม่
คลิกบันทึกลูกค้า ระบบได้บันทึกลูกค้ารายนี้ไปยังร้านค้าของคุณแล้ว
คลิกบันทึก
การเปลี่ยนแปลงข้อมูลติดต่อของลูกค้า
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อใน Shopify admin ของคุณ
ในส่วนลูกค้าของคำสั่งซื้อ ให้คลิกแก้ไข ที่อยู่ถัดจากอีเมลของลูกค้า ที่อยู่ที่จัดส่ง หรือที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน
ทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่จำเป็น
คลิกบันทึก
การลบลูกค้าออกจากคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
ในส่วนลูกค้าของคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน ให้คลิกไอคอน X
โดยขั้นตอนนี้จะไม่ลบลูกค้าออกจากรายชื่อลูกค้าใน Shopify admin ของคุณ
เพิ่มลูกค้าไปยังคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเพิ่มลูกค้า
ในส่วนลูกค้า แตะเพิ่มลูกค้า
แตะลูกค้าหรือแตะ
+
เพื่อสร้างลูกค้ารายใหม่
การเปลี่ยนแปลงข้อมูลติดต่อของลูกค้า
จากแอป Shopify ให้แตะที่คำสั่งซื้อ
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง
ในส่วนลูกค้า แตะแก้ไข
ทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลลูกค้า จากนั้นแตะบันทึก
การลบลูกค้าออกจากคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง
ในส่วนลูกค้า แตะแก้ไข
แตะลบลูกค้าออกจากคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะลบลูกค้า
เพิ่มลูกค้าไปยังคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเพิ่มลูกค้า
ในส่วนลูกค้า แตะเพิ่มลูกค้า
แตะลูกค้าหรือแตะ
+
เพื่อสร้างลูกค้ารายใหม่
การเปลี่ยนแปลงข้อมูลติดต่อของลูกค้า
จากแอป Shopify ให้แตะที่คำสั่งซื้อ
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง
ในส่วนลูกค้า แตะแก้ไข
ทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลลูกค้า จากนั้นแตะบันทึก
การลบลูกค้าออกจากคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลง
ในส่วนลูกค้า แตะแก้ไข
แตะลบลูกค้าออกจากคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะลบลูกค้า
ตั้งระยะเวลาในการชำระเงินสำหรับการชำระเงินที่จะครบกำหนดในภายหลัง
ฟีเจอร์ระยะเวลาชำระเงินจะช่วยให้คุณสามารถตั้งวันที่ครบกําหนดชำระเงินสำหรับคำสั่งซื้อ โดยคุณสามารถตั้งระยะเวลาชำระเงินสำหรับคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน หรือจะเพิ่มระยะเวลาชำระเงินไปยังคำสั่งซื้อที่มีอยู่แล้วและมีสถานะรอดำเนินการชำระเงินก็ได้เช่นกัน
เมื่อตั้งระยะเวลาในการชำระเงิน คุณสามารถเลือกได้จากตัวเลือกดังต่อไปนี้
- ครบกำหนดเมื่อได้รับใบเสร็จ: ใช้ตัวเลือกนี้เพื่อตั้งให้ครบกําหนดชำระเงินในวันที่คุณส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้า
- เมื่อครบเวลาที่กำหนด: ใช้ตัวเลือกนี้เพื่อตั้งให้ครบกําหนดชำระเงินภายในจำนวนวันที่ระบุนับตั้งแต่วันที่ออกกำหนด ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกภายใน 30 วัน จากนั้นระบบก็จะตั้งให้การชำระเงินครบกำหนดเมื่อผ่านไป 30 วันหลังจากวันที่ออกกำหนด ตามค่าเริ่มต้นแล้ว ระบบจะกำหนดให้วันที่ออกกำหนดเป็นวันที่ปัจจุบัน แต่คุณก็สามารถปรับแก้ไขวันที่ออกกำหนดหลังจากที่เลือกตัวเลือก "เมื่อครบเวลาที่กำหนด" ได้
- เมื่อถึงวันที่กำหนดไว้ตายตัว: ใช้ตัวเลือกนี้เพื่อตั้งให้ครบกำหนดชำระเงิน ณ วันที่ระบุ
หากคำสั่งซื้อยังไม่ได้รับการชําระเงินภายในวันที่ครบกําหนด สถานะการสั่งซื้อจะกลายเป็นเกินกําหนด
หลังจากที่คุณกำหนดระยะเวลาชำระเงินแล้ว คุณสามารถส่งใบแจ้งหนี้หรือรับการชำระเงินสำหรับคำสั่งซื้อ
ขั้นตอน:
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินใน Shopify admin ของคุณ
ในส่วนการชำระเงิน ให้เลือกการชำระเงินที่จะครบกำหนดในภายหลัง
เลือกระยะเวลาในการชำระเงินหนึ่งจากตัวเลือกต่อไปนี้
คลิกบันทึก
แชร์ลิงก์ชำระเงินกับลูกค้า
หากคุณสร้างคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินให้ลูกค้า คุณสามารถแชร์ลิงก์ไปยังหน้าการชำระเงินของคำสั่งซื้อนั้นเพื่อให้ลูกค้าสามารถป้อนข้อมูลการเรียกเก็บเงิน เลือกวิธีจัดส่ง และชำระเงินได้ หลังจากที่ลูกค้าดำเนินขั้นตอนการชำระเงินเสร็จสิ้นโดยใช้ลิงก์นั้นแล้ว คำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินก็จะกลายเป็นคำสั่งซื้อในหน้าคำสั่งซื้อ และจะถูกทำเครื่องหมายว่า "ชำระเงินแล้ว" โดยอัตโนมัติ
การแชร์ลิงก์ชำระเงินให้ลูกค้าของคุณทำได้ 2 วิธี:
- ส่งใบแจ้งหนี้ที่มีลิงก์ไปยังหน้าการชำระเงินไปให้ลูกค้าของคุณ
- แชร์ลิงก์ชำระเงินให้ลูกค้าของคุณบนแอปมือถือ
ส่งใบแจ้งหนี้
คุณสามารถส่งใบแจ้งหนี้ที่มีลิงก์ไปยังหน้าการชำระเงินไปให้ลูกค้าของคุณได้ ลูกค้าของคุณสามารถใช้ลิงก์ในอีเมลเพื่อป้อนข้อมูลการเรียกเก็บเงินของพวกเขา เลือกวิธีการจัดส่ง และส่งการชำระเงินได้
นอกจากนี้คุณยังสามารถส่งใบแจ้งหนี้สำหรับคำสั่งซื้อที่มีสถานะ "รอดำเนินการการชำระเงิน" ได้เช่นกัน
หากคุณใช้ Shopify Payments โดยที่เปิดให้ชำระเงินได้หลายสกุลเงิน คุณจะสามารถส่งใบแจ้งหนี้สำหรับคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินโดยให้เรียกเก็บเป็นสกุลเงินในพื้นที่ของลูกค้าได้
ขั้นตอน:
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินใน Shopify admin ของคุณ
คลิกส่งใบแจ้งหนี้
ในกล่องโต้ตอบส่งใบแจ้งหนี้ ให้เขียนข้อความที่ต้องการส่งไปในใบแจ้งหนี้
ในส่วนสกุลเงินสำหรับชำระเงิน ให้เลือกสกุลเงินของคำสั่งซื้อดังกล่าว
คลิก "ตรวจสอบใบแจ้งหนี้"
ในกล่องโต้ตอบ ให้ตรวจสอบใบแจ้งหนี้ของคุณ แล้วคลิก "ส่งใบแจ้งหนี้"
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการส่งใบแจ้งหนี้
ในส่วนใบแจ้งหนี้ แตะ "ส่งใบแจ้งหนี้"
ในส่วนสกุลเงินสำหรับชำระเงิน ให้เลือกสกุลเงินของคำสั่งซื้อดังกล่าว
กรอกข้อมูลใบแจ้งหนี้ จากนั้นแตะตรวจสอบ
ตรวจสอบใบแจ้งหนี้ จากนั้นแตะส่ง
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการส่งใบแจ้งหนี้
ในส่วนใบแจ้งหนี้ แตะ "ส่งใบแจ้งหนี้"
ในส่วนสกุลเงินสำหรับชำระเงิน ให้เลือกสกุลเงินของคำสั่งซื้อดังกล่าว
กรอกข้อมูลใบแจ้งหนี้ จากนั้นแตะตรวจสอบ
ตรวจสอบใบแจ้งหนี้ จากนั้นแตะส่ง
แชร์ลิงก์ชำระเงินบนแอปมือถือ
คุณสามารถสร้างคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินสำหรับคำขอของลูกค้าที่มาจากแอปโซเชียลมีเดีย แล้วจากนั้นจึงแชร์ลิงก์ไปยังหน้าชำระเงินให้ลูกค้าได้
ขั้นตอน:
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการส่งใบแจ้งหนี้
แตะที่ "..." แล้วแตะที่ "แชร์ลิงก์ชำระเงิน"
แตะที่แอปโซเชียลมีเดียที่คุณต้องการแชร์ลิงก์
ตรวจสอบข้อความของคุณ จากนั้นแตะที่ "ส่ง"
ในแอปของ Shopify ให้แตะคำสั่งซื้อ จากนั้นแตะคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
แตะคำสั่งซื้อที่คุณต้องการส่งใบแจ้งหนี้
แตะที่ "..." แล้วแตะที่ "แชร์ลิงก์ชำระเงิน"
แตะที่แอปโซเชียลมีเดียที่คุณต้องการแชร์ลิงก์
ตรวจสอบข้อความของคุณ จากนั้นแตะที่ "ส่ง"
รับชำระเงิน
คุณสามารถรับการชําระเงินสำหรับคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินได้โดยการทำเครื่องหมายว่าชําระเงินแล้วหากคุณได้รับการชําระเงินแล้ว หรือโดยการรับชําระเงินด้วยบัตรเครดิตหากคุณมีข้อมูลการเรียกเก็บเงินของลูกค้า เมื่อคุณรับการชำระเงินสำหรับคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน คำสั่งซื้อดังกล่าวจะไปอยู่ในหน้าคำสั่งซื้อ
สำหรับประเทศส่วนใหญ่ คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมสำหรับคำสั่งซื้อเมื่อคุณใช้ Shopify Payments คุณจะต้องชำระแค่ค่าธรรมเนียมการประมวลผลบัตรเครดิตเท่านั้น เมื่อดำเนินการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตด้วยตนเองในส่วน Shopify admin ของคุณ
หมายเหตุ: หากคุณอยู่ในออสเตรีย เบลเยียม หรือสวีเดน คุณจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมสำหรับคำสั่งซื้อที่ดำเนินการผ่านผู้ให้บริการการชำระเงินภายนอกเท่านั้น
หากคุณใช้ผู้ให้บริการการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตโดยตรงที่รองรับ คุณจะมีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมในอัตราเดียวกัน เมื่อสั่งซื้อผ่านบัตรเครดิตที่ใช้ชำระคำสั่งซื้ออนไลน์
หมายเหตุ: ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตจะไม่ถูกส่งคืนให้แก่คุณเมื่อคุณดำเนินเรื่องการคืนเงิน
หากคุณทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อว่าชำระเงินแล้ว ให้เลือกวิธีการชำระเงินด้วยตนเอง เช่น บริการเก็บเงินปลายทางหรือเงินฝากธนาคาร เพื่อให้คุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมสำหรับคำสั่งซื้อนั้นๆ
ทำเครื่องหมายการชำระเงินว่าชำระเงินแล้ว
หากคุณได้รับการชำระเงินจากคำสั่งซื้อปัจจุบันแล้ว หรือกำลังนำเข้าคำสั่งซื้อเก่าจากแพลตฟอร์มอื่นมายัง Shopify admin ของคุณ คุณสามารถทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อเป็นชําระเงินแล้วได้ ผู้ให้บริการการชำระเงินของคุณจะไม่เรียกเก็บยอดที่ได้ชำระแล้วอีกและระบบจะส่งอีเมลยืนยันคำสั่งซื้อไปให้ลูกค้า
ขั้นตอน:
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินใน Shopify admin ของคุณ
คลิกที่ "เรียกเก็บเงิน"
คลิกที่ "ทำเครื่องหมายว่าชำระเงินแล้ว"
คลิก สร้างคำสั่งซื้อ เพื่อยืนยันการตั้งค่าการชำระเงินของคุณแล้วสร้างคำสั่งซื้อจากคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินของคุณ
รับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต
หากคุณมีข้อมูลการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าของคุณหรือหากลูกค้าของคุณพร้อมป้อนข้อมูลโดยตรง คุณจะสามารถรับการชำระเงินคำสั่งซื้อผ่านบัตรเครดิตได้ วิธีการชำระเงินนี้พร้อมให้ใช้งานเฉพาะกับ Shopify Payments เท่านั้น
ขั้นตอน:
เปิดคำสั่งซื้อจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินใน Shopify admin ของคุณ
คลิกที่ "เรียกเก็บเงิน"
คลิกที่ "ชำระเงินด้วยบัตรเครดิต"
ป้อนข้อมูลการเรียกเก็บเงินและบัตรเครดิตของลูกค้า
คลิกที่ "ค่าบริการ" เพื่อยืนยันการตั้งค่าการชำระเงินของคุณแล้วสร้างคำสั่งซื้อจากคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินของคุณ
สร้างสำเนาคำสั่งซื้อที่มีอยู่
เมื่อคุณสร้างคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน คุณสามารถประหยัดเวลาได้โดยการสร้างสำเนาคำสั่งซื้อที่มีอยู่หรือสร้างสำเนาคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินที่มีอยู่ สถานการณ์สมมติต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเหตุการณ์ที่การสร้างสำเนาคำสั่งซื้อที่มีอยู่อาจเป็นประโยชน์:
- คุณสร้างคำสั่งซื้อด้วยตนเองสำหรับลููกค้าที่กลับมาซื้ออีกครั้งอยู่บ่อยๆ
- คุณต้องการเปลี่ยนหรือแก้ไขคำสั่งซื้อที่มีอยู่
เมื่อคุณสร้างสำเนาคำสั่งซื้อที่มีอยู่หรือคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน ระบบจะสร้างคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินใหม่โดยทำสำเนาข้อมูลต่อไปนี้:
- สินค้า - สำเนาสินค้าเฉพาะรายการจะมีข้อมูลล่าสุดสำหรับสินค้านั้นๆ หากสินค้าถูกลบ ข้อมูลจะไม่ปรากฏในสำเนาคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
- รายการที่กำหนดเอง
- ข้อมูลลูกค้า - หากมีการลบลูกค้า ระบบจะสร้างลูกค้าตามอีเมล ที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน และที่อยู่สำหรับจัดส่ง
- อีเมล ที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน และที่อยู่สำหรับจัดส่ง
- หมายเหตุ การระบุแหล่งที่มาของหมายเหตุ และแท็ก
ส่วนลดและอัตราค่าจัดส่งจะไม่มีการทำซ้ำในคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน
ขั้นตอน:
เปิดคำสั่งซื้อ (หรือคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน) จากหน้าคำสั่งซื้อใน Shopify admin
ในหน้ารายละเอียดคำสั่งซื้อ (หรือคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน) ให้คลิกทำซ้ำ
ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
หากคุณบันทึกคำสั่งซื้อของคุณเป็นคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน คุณสามารถอัปเดตคำสั่งซื้อนั้นในภายหลังได้จากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงินในส่วน Shopify admin เมื่อคุณยอมรับการชำระเงินจากหน้าคำสั่งซื้อที่ยังไม่ชำระเงิน ระบบจะสร้างคำสั่งซื้อในหน้าคำสั่งซื้อ