Shopify Payments สำหรับสหราชอาณาจักร
ธุรกิจที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรสามารถใช้ Shopify Payments เพื่อรับชำระด้วยบัตรเดบิตและบัตรเครดิตจาก Visa, Mastercard, American Express, Maestro, Discover และ Diners Club ได้
นอกจากนี้ ธุรกิจในสหราชอาณาจักรยังสามารถรับการชำระเงินได้โดยใช้ Bancontact และ iDEAL
ข้อกำหนดสำหรับ Shopify Payments
หากต้องการใช้ Shopify Payments โปรดทำให้แน่ใจว่าคุณสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้ได้
ธุรกิจที่ห้ามใช้งาน
ธุรกิจและบริการบางประเภทไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ Shopify Payments หากต้องการดูว่าคุณสามารถใช้ Shopify Payments ได้หรือไม่ ให้ตรวจสอบรายชื่อประเภทธุรกิจต้องห้ามในสหราชอาณาจักร
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในข้อกำหนดในการใช้บริการ (TOS) ของ Shopify Payments
ข้อกำหนดเกี่ยวกับบัญชีธนาคารสำหรับ Shopify Payments
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีธนาคารของคุณตรงตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้ก่อนที่จะเชื่อมบัญชีดังกล่าวกับ Shopify Payments
- บัญชีธนาคารเป็นบัญชีกระแสรายวันแบบเต็มรูปแบบ (บัญชีในปัจจุบัน) โดยเป็นของธนาคารที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรและใช้สกุลเงินปอนด์สเตอร์ลิง
- บัญชีธนาคารมีสิทธิ์ใช้บริการโอนเงิน FPS
แต่บัญชีกระแสรายวันที่ตั้งค่าให้รับได้เฉพาะการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเท่านั้นจะไม่สามารถใช้งาน Shopify Payments ได้ Shopify Payments ไม่รองรับบัญชีออมทรัพย์ บัญชีสกุลเงินเฟล็กซ์ บัญชีเสมือน และบริการการโอนเงินที่เลียนแบบบัญชีธนาคาร
เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีของคุณสามารถรับประเภทการโอนเงินที่ระบุไว้ข้างต้นในภูมิภาคของคุณได้ โปรดติดต่อธนาคารของคุณ
ข้อกำหนดข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ Shopify Payments
ในการปฏิบัติตามข้อบังคับในประเทศต่างๆ คุณต้องระบุข้อมูลเกี่ยวกับคุณและธุรกิจของคุณ ข้อมูลดังกล่าวจะถูกเก็บรวบรวมเพื่อช่วยระบุผู้ขายที่ใช้ Shopify Payments รวมถึงเจ้าของผู้ได้รับประโยชน์ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง วัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลนี้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฟอกเงิน การให้เงินเพื่อสนับสนุนการก่อการร้าย และความผิดทางด้านการเงินอื่นๆ
เมื่อกฎและข้อบังคับในท้องที่เปลี่ยนแปลง Shopify และพาร์ทเนอร์อาจติดต่อเพื่อขอรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณและธุรกิจของคุณ การตรวจสอบตามมาตรฐานเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในช่วงระยะเวลาการใช้งานของบัญชีผู้ใช้ Shopify ของคุณ
ข้อมูลที่ Shopify ต้องเรียกเก็บนั้นแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีเอกสารประกอบที่เกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้:
- บุคคลที่สร้างบัญชี Shopify Payments
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Shopify Payments
- บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือควบคุมในทอดสุดท้ายของธุรกิจซึ่งรวมถึงเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารอาวุโสที่มีอํานาจการลงลายมือชื่อด้านกฎหมายให้กับธุรกิจ
ประเภทเอกสารที่ยอมรับสำหรับบุคคลและธุรกิจในสหราชอาณาจักรมีดังต่อไปนี้
เอกสารยืนยันตัวตน:
- หนังสือเดินทาง
- ใบขับขี่
- ใบอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่
- บัตรประจำตัวประชาชน
- หมายเลขประจำตัวผู้ลงสมัครเลือกตั้ง
- เอกสารตรวจสอบยืนยันสหราชอาณาจักร
เอกสารแสดงที่อยู่อาศัย:
- ใบขับขี่
- ใบแจ้งหนี้สาธารณูปโภค
- ใบแจ้งยอดจากสถาบันทางการเงิน
- หนังสือที่ออกโดยรัฐบาล
- หนังสือที่เขียนโดยทนายความ
- เอกสารจากสภาหรือสมาคมที่อยู่อาศัย
- เอกสารตัวแทนที่ได้รับสิทธิประโยชน์
- ข้อมูลทะเบียนผู้ลงสมัครเลือกตั้ง
- บัตรประกันสุขภาพ NHS
- หนังสืออนุญาตการจดทะเบียนการผ่าตัด
เอกสารของบริษัท/หน่วยงาน:
- การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ใบรับรองการจดทะเบียนบริษัท
- เอกสารที่ออกโดย Companies House
- เอกสารที่ออกโดย HM Revenue and Customs: ใบรับรองภาษีมูลค่าเพิ่ม
- เอกสารที่ออกโดย HM Revenue and Customs: รายการเดินบัญชี
- เอกสารที่ออกโดย Charity Commission
- OSCR Scottish Charity Regulator
การรับการชำระเงิน
ในประเทศส่วนใหญ่ เมื่อธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่มีเจ้าของเพียงผู้เดียว ระบบจะตั้งค่าให้คุณยอมรับวิธีการชำระเงินหลักทั้งหมดโดยอัตโนมัติทันทีที่คุณสร้างร้านค้า Shopify พร้อมกับเปิดใช้ Shopify Payments อัตราค่าใช้บัตรของคุณขึ้นอยู่กับแผนการสมัครใช้งาน Shopify ของคุณ และคุณสามารถเปลี่ยนแผนได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ
ธุรกิจในสหราชอาณาจักรสามารถรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของ Visa, Mastercard, American Express, Maestro, Discover และ Diners Club ได้ การรับชำระเงินด้วยบัตร Discover จะเป็นการอนุญาตให้รับชำระเงินด้วยบัตร Elo โดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ธุรกิจในสหราชอาณาจักรยังสามารถรับการชำระเงินได้โดยใช้ Bancontact และ iDEAL
งวดการชำระเงิน
งวดการชำระเงินของคุณคือช่วงเวลาระหว่างวันที่มีการจัดเก็บการชำระเงินจากลูกค้ากับวันที่ยอดเงินเหล่านั้นถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของคุณ วันและเวลาที่มีการจัดเก็บการชำระเงินจากลูกค้าจะบันทึกเป็นเขตเวลา UTC ยอดเงินจากการชำระที่จัดเก็บได้ในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์จะถูกรวมเข้าด้วยกันและโอนเป็นการชำระเงินหนึ่งรายการ
ในสหราชอาณาจักร งวดการชำระเงินคือ 3 วันทำการ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับชำระเงินด้วย Shopify Payments
การยื่นภาษี
ในฐานนะผู้ขาย คุณต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการซึ่งรวมถึงการยื่นภาษีด้วย Shopify Payments อาจถูกขอให้รายงานยอดขานของคุณต่อหน่วยงานด้านภาษีในพื้นที่ โดยขึ้นอยู่กับเขตอำนาจตามกฎหมาย
ค่าธรรมเนียม Shopify Payments ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับร้านค้าในยุโรปยกเว้นประเทศไอร์แลนด์ คุณอาจจำเป็นต้องนำ VAT ตามอัตราภาษีที่สามารถเรียกเก็บได้ในพื้นที่มาพิจารณาเพื่อยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของคุณด้วย หากต้องการรับข้อมูลดังกล่าว คุณสามารถดาวน์โหลดใบแจ้งหนี้ที่ระบบสร้างขึ้นให้ หรือส่งออกไฟล์ที่มีข้อมูลธุรกรรมของคุณได้
สำรับร้านค้าในไอร์แลนด์จะถูกเรียกเก็บ VAT 23% เพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียม Shopify Payments
วิธีดาวน์โหลดใบแจ้งหนี้ที่จัดทำขึ้น
คุณสามารถดาวน์โหลดใบแจ้งหนี้รายเดือนเพื่อส่งไปพร้อมกับการขอคืนภาษีได้ โดยใบแจ้งหนี้แต่ละฉบับจะมีข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมดที่จ่ายไปกับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของคำสั่งซื้อทั้งหมดบนร้านค้าของคุณในเดือนนั้นๆ ฟีเจอร์นี้ใช้เขตเวลา UTC ซึ่งอาจแตกต่างไปจากเขตเวลาของร้านค้าของคุณ หากคุณต้องการรายงานที่ใช้เขตเวลาของร้านค้าคุณ คุณสามารถส่งออกรายการธุรกรรมในร้านค้าคุณเป็นไฟล์ CSV ได้
ระบบจะสร้างใบแจ้งหนี้ประจำเดือนในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป ตัวอย่างเช่น ระบบจะสร้างใบแจ้งหนี้ประจำเดือนมิถุนายนในวันที่ 5 กรกฎาคม หากคุณไม่มีธุรกรรมกับ Shopify Payments ในเดือนใดๆ ระบบก็จะไม่สร้างใบแจ้งหนี้ประจำเดือนนั้น
ขั้นตอน:
- จากส่วน Shopify admin ให้ไปที่ การตั้งค่า > การชำระเงิน
- ในส่วน Shopify Payments คลิกดูการรับชำระเงิน
- คลิก เอกสาร
- ในกล่องโต้ตอบสำหรับเอกสารทางภาษี ให้คลิกดาวน์โหลด PDF ที่อยู่ข้างใบแจ้งหนี้ที่คุณต้องการดาวน์โหลด
ตอนนี้คุณก็สามารถยื่นใบแจ้งหนี้นี้พร้อมกับการขอคืนภาษีของคุณได้แล้ว
วิธีส่งออกธุรกรรม
คุณสามารถส่งออกรายการธุรกรรมในร้านค้าของคุณเป็นไฟล์ CSV ได้ ไฟล์ CSV จะมีคอลัมน์ภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ขายในยุโรป
ขั้นตอน:
วิธีส่งออกธุรกรรม
- จากส่วน Shopify admin ให้ไปที่ การตั้งค่า > การชำระเงิน
- ในส่วน Shopify Payments คลิกดูการรับชำระเงิน
- คลิก ธุรกรรม
- คลิกที่ส่งออก แล้วเบราว์เซอร์ของคุณจะเริ่มดาวน์โหลด ไฟล์ CSV
- เปิดไฟล์ CSV ในเครื่องมือแก้ไขสเปรดชีต
- คอลัมน์สุดท้ายของไฟล์ CSV จะแสดงจำนวน VAT ที่รวบรวมมาจากธุรกรรมแต่ละรายการ
- ใช้เครื่องมือ SUM ในการคำนวณจำนวน VAT ที่คุณได้รวบรวมมาทั้งหมด