ภาษีที่อิงจากการจดทะเ บียนในสหภาพยุโรป
หากคุณใช้ Shopify ขายสินค้าในสหภาพยุโรปอยู่แล้ว คุณสามารถอัปเดตการตั้งค่าภาษีของสหภาพยุโรปให้แสดงการจดทะเบียนภาษีของคุณได้ การจดทะเบียนภาษีของคุณจะเป็นตัวตัดสินใจว่าคุณจะเก็บภาษีที่ใด เมื่อคุณอัปเดตการตั้งค่าภาษี ระบบถูกขอให้ระบุหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม หลังจากที่คุณเพิ่มการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว Shopify จะตั้งค่าอัตราภาษีซึ่งมีผลบังคับใช้ในพื้นที่ที่คุณลงทะเบียนไว้โดยอัตโนมัติ
ฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify สามารถช่วยคุณอัปเดตการตั้งค่าภาษีในส่วนผู้ดูแล Shopify ได้ แต่จะไม่สามารถให้คำแนะนำด้านกฎหมายเกี่ยวกับภาษีได้ หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าภาษีของคุณ ให้ติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือในการทำความเข้าใจภาระผูกพันด้านภาษีของคุณ โปรดติดต่อหน่วยงานจัดเก็บภาษีในพื้นที่ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
ในหน้านี้
- หมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร ฉันต้องมีหรือไม่
- ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันต้องลงทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีหรือไม่
- ฉันต้องลงทะเบียนสำหรับหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศอื่นหรือไม่
- ฉันต้องเรียกเก็บอัตราภาษีม ูลค่าเพิ่มในระดับใด
- ฉันจะลงทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีในประเทศในสหภาพยุโรปได้อย่างไร
- ฉันจะสามารถกำหนดการตั้งค่าภาษีเองได้หรือไม่
- ฉันสามารถไปเพื่อขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้จากที่ใด
- ฉันต้องทราบอะไรเกี่ยวกับ Brexit บ้าง
- หลังจากที่ฉันอัปเดตการตั้งค่าภาษีของฉันแล้ว ทำไมจำนวนภาษีจึงแตกต่างจากในใบสั่งซื้อของลูกค้าก่อนหน้านี้
- ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
หมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร ฉันต้องมีหรือไม่
หมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VATIN) เป็นตัวระบุที่ใช้ในสหภาพยุโรป ซึ่งจะมอบให้คุณโดยหน่วยงานจัดเก็บภาษีของประเทศสมาชิกหลังจากที่คุณลงทะเบียนกับหน่วยงานเหล่านั้น โดยหมายเลขนี้จะออกโดยประเทศต่างๆ เพื่อให้ผู้ขายสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้
ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันต้องลงทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีหรือไม่
โดยทั่วไปแล้วหากคุณต้องการขายสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป คุณต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานจัดเก็บภาษีในประเทศของคุณเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หากคุณขายสินค้าข้ามพรมแดน เช่น จากเยอรมนีไปยังฝรั่งเศส การลงทะเบียนแผน One-Stop Shop อาจช่วยปรับปรุงขั้นตอนการจดทะเบียนของคุณ
ฉันต้องลงทะเบียนสำหรับหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศอื่นหรือไม่
ทั้งนี้ คุณอาจต้องลงทะเบียนในภูมิ ภาคอื่นรวมถึงประเทศภูมิลำเนาของคุณหากขายสินค้าให้ลูกค้าในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ หรือหากคุณมีสถานะทางธุรกิจที่สําคัญ เช่น ตำแหน่งที่ตั้งการขายหรือศูนย์จัดการคำสั่งซื้อ
คุณสามารถลงทะเบียนแผน One-Stop Shop เพื่อลดความซับซ้อนในการจดทะเบียนเพื่อการขายข้ามพรมแดน แผน One-Stop Shop (OSS) ช่วยให้ผู้ขายสามารถเก็บและจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อขายสินค้าข้ามพรมแดนในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมดแทนที่จะจดทะเบียนของแต่ละประเทศสมาชิก คุณสามารถใช้ OSS ได้หากร้านค้าของคุณใช้ภาษีตามที่จดทะเบียนเท่านั้น หากคุณยังไม่ได้อัปเดตการตั้งค่าเพื่อใช้งานภาษีตามที่จดทะเบียน ให้อัปเดตอัตราภาษีของคุณด้วยตนเองโดยใช้อัตราภาษีตามต ำแหน่งที่ตั้ง การขายในท้องถิ่นต้องมีการจดทะเบียนภาษีในท้องถิ่นในประเทศนั้น ซึ่ง OSS ไม่ครอบคลุม
หากคุณมีตัวตนอย่างมีนัยสำคัญในประเทศ คุณควรติดต่อหน่วยงานด้านภาษีของประเทศนั้นเพื่อยืนยันว่าคุณจำเป็นต้องลงทะเบียนเพื่อเก็บภาษีหรือไม่ คุณมีความรับผิดชอบที่จะต้องพิจารณาว่าธุรกิจของคุณขายสินค้าเกินขีดจำกัดด้านระยะทางในการขายหรือไม่
ฉันต้องเรียกเก็บอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในระดับใด
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2021 เกณฑ์การขายทางไกลของแต่ละประเทศจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป แต่เกณฑ์การขายทางไกลเพียงเดียวที่ 10,000 ยูโรจะมีผลใช้กับทั้งสหภาพยุโรปแทน เกณฑ์นี้จะเป็นตัวตัดสินอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่คุณควรเรียกเก็บ แต่คุณควรเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในครั้งแรกท ี่คุณขายสินค้าไปยังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่น
- สำหรับลูกค้าในประเทศภูมิลำเนาของคุณ จะมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราท้องถิ่นของคุณ
- สำหรับลูกค้าในประเทศใน EU นอกเหนือจากประเทศของคุณ อัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับว่ารายการของคุณเกินขีดกำจัดการขายข้ามพรมแดนหรือไม่
- หากยอดขายสินค้าไปยังประเทศสมาชิกอื่นๆ ในสหภาพยุโรปมีมูลค่ารวมน้อยกว่า 10,000 ยูโร คุณสามารถเลือกที่จะเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราของประเทศแม่ของคุณสำหรับประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรปและโอนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับรัฐบาลในประเทศแม่ของคุณได้ หากคุณเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราของประเทศแม่ของคุณสำหรับการขายสินค้าในสหภาพยุโรปทั้งหมด คุณอาจต้องยื่นคำร้องขอรับการยกเว้นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กกับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในพื้นที่ของคุณ หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณต้องยื่นคำร้องหรือไม่ ให้ปรึกษากับหน่วยงานด้านภาษีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในพื้นที่
- หากยอดขายรวมของคุณในประเทศสมาชิกอื่นๆ ในสหภาพยุโรปมีมูลค่าเทียบเท่าหรือมากกว่า 10,000 ยูโร ให้คุณเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราตำแหน่งที่ตั้งของลูกค้าสำหรับการขายในประเทศอื่นๆ ทั้งหมด
ฉันจะลงทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีในประเทศในสหภาพยุโรปได้อย่างไร
หากยอดขายในประเทศในสหภาพยุโรปอื่นๆ ของคุณเท่ากับหรือมากกว่า 10,000 ยูโร คุณก็จะลงทะเบียนแผน OSS ได้ โดยแผน OSS นี้จะทำให้ผู้ขายสามารถเรียกเก็บและโอนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมดได้ แทนที่จะต้องลงทะเบียนกับแต่ละประเทศสมาชิก คุณสามารถใช้ OSS ได้ก็ต่อเมื่อร้านค้าของคุณใช้ภาษีตามการลงทะเบียนเท่านั้น หากคุณยังไม่ได้อัปเดตการตั้งค่าเพื่อใช้งานภาษีตามการลงทะเบียน ให้อัปเดตอัตราภาษีของคุณด้วยตนเองโดยใช้อัตราภาษีตามตำแหน่งที่ตั้ง
หากคุณต้องลงทะเบียนเพื่อเรียกเก็บภาษีในบางประเทศในสหภาพยุโรปโดยเฉพาะ คุณสามารถติดต่อหน่วยงานจัดเก็บภาษีของประเทศนั้นๆได้
หลังจากที่คุณลงทะเบียนแล้ว ให้เพิ่มหมายเลขจดทะเบียนภาษีในหน้าภาษีและอากร
ขั้นตอน:
จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > ภาษีและอากร
ในส่วนการตั้งค่ าภูมิภาค ให้คลิกที่ “สหภาพยุโรป”
ในส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มเกี่ยวกับการขาย ให้คลิก เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม
เลือกประเทศที่คุณได้ลงทะเบียนไว้
ในช่องหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ป้อนหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่มของคุณ
คลิก “เพิ่มประเทศ”
ตัวเลือกเสริม: หากต้องการเพิ่มภูมิภาคและหมายเลขบัญชีเพิ่มเติม ให้คลิกที่ “เพิ่มการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม”
คุณสามารถลบหรือเปลี่ยนแปลงการลงทะเบียนหรือหมายเลขบัญชีของคุณได้โดยใช้ปุ่ม ...
ถัดจากชื่อประเทศในส่วนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ฉันจะสามารถกำหนดการตั้งค่าภาษีเองได้หรือไม่
ใช่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของการกำหนดภาษีเองของสหภาพยุโรปเมื่อคุณอัปเดต ให้ดูที่ การกำหนดภาษีเอง
ฉันสามารถไปเพื่อขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้จากที่ใด
ฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify สามารถช่วยเหลือคุณเกี่ยวกับวิธีเปลี่ยนการตั้งค่าได้ แต่จะไม่สามารถให้คำแนะนำว่าคุณควรเปลี่ยนการตั้งค่าของคุณหรือไม่ หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการตัดสินใจว่าคุณควรลงทะเบียนกับประเทศสมาชิกด้านภาษีมูลค่าเพิ่มและเรียกเก็บภาษีจากลูกค้าของคุณหรือไม่ แหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดของคุณคือผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ เช่น นักบัญชีหรือที่ปรึกษาทางการเงิน นอกจากนี้คุณอาจติดต่อหน่วยงานด้านภาษีของแต่ละประเทศโดยตรงก็ได้เช่นกัน
ฉันต้องทราบอะไรเกี่ยวกับ Brexit บ้าง
หากคุณขายสินค้าให้แก่ลูกค้าในสหราชอาณาจักร วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ว่า Brexit มีผลอย่างไรต่อธุรกิ จของคุณคือการติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในพื้นที่ สำหรับข้อมูลในขั้นต้น กฎหมายต่อไปนี้คือกฎหมายใหม่บางข้อที่มีผลบังคับใช้กับผู้ขายที่ทำการขายสินค้าให้แก่ลูกค้าในสหราชอาณาจักร:
- การขายสินค้าจากนอกสหราชอาณาจักรให้แก่ลูกค้าภายในสหราชอาณาจักรได้กลายเป็นการนำเข้า (การรับสินค้าจากนอกประเทศหรือสหภาพศุลกากรเข้ามาในประเทศหรือสหภาพศุลกากร) แทนที่จะเป็นการซื้อ (การรับสินค้าจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหนึ่งเข้ามายังอีกประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป)
- คุณอาจต้องมีหมายเลข EORI สำหรับสหราชอาณาจักร
- กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มของสหราชอาณาจักรซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021 ส่งผลให้เกิดข้อกำหนดทางภาษีมูลค่าเพิ่มใหม่สำหรับการขายที่มีมูลค่าเท่ากับหรือน้อยกว่า 135 ปอนด์สเตอร์ลิง
- คุณจำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักร หากต้องการขายสินค้าราคาเท่ากับหรือน้อยกว่า 135 ปอนด์สเตอร์ลิง โดยในกรณีนี้ จะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระบบขายหน้าร้าน และผู้ขายจะเป็นผู้โอนเงินภาษี หากคุณใช้ภาษีตามการลงทะเบียนและได้ทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักร จะมีการปรับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มกับการขายสินค้าของคุณให้ลูกค้าในสหราชอาณาจักร
- สำหรับการขายสินค้าราคามากกว่า 135 ปอนด์สเตอร์ลิง คุณอาจไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระบบขายหน้าร้าน โดยในกรณีนี้ ผู้นำเข้าจะเป็นผู้โอนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มและอากร หากคุณใช้ภาษีตามการลงทะเบียนและได้ทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในสหราชอาณาจักร จะไม่มีการปรับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มกับการขายสินค้าของคุณให้ลูกค้าในสหราชอาณาจักร ซึ่งคุณสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ ่มและอากรจากลูกค้าของคุณในขณะที่ทำการขายได้หากคุณต้องการ แล้วจากนั้นจึงมอบเงินเหล่านี้แก่ผู้จัดส่งหรือผู้นำเข้าโดยใช้ใบจ่าหน้าสำหรับการจัดส่ง หรือคุณจะส่งคำสั่งซื้อโดยไม่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรก็ได้ และลูกค้าของคุณจะต้องชำระเงินเพิ่มเติมในขณะที่มีการส่งมอบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการภาษีมูลค่าเพิ่มและอากร
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit ต่อธุรกิจของคุณ
หลังจากที่ฉันอัปเดตการตั้งค่าภาษีของฉันแล้ว ทำไมจำนวนภาษีจึงแตกต่างจากในใบสั่งซื้อของลูกค้าก่อนหน้านี้
ในคำสั่งซื้อบางรายการ คุณอาจสังเกตเห็นความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยในมูลค่าภา ษีรวมของคุณหลังจากที่คุณได้อัปเดตการตั้งค่าภาษีของคุณแล้ว ความคลาดเคลื่อนนี้เกิดขึ้นจากการปัดเศษมูลค่าภาษีในระดับสินค้าแต่ละรายการแทนที่จะเป็นระดับใบแจ้งหนี้ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคำนวณการปัดเศษได้ใน การตั้งค่าภาษีของสหภาพยุโรป