คำสั่งซื้อ
แอป Stocky ช่วยให้คุณประมวลผล แก้ไข และรับใบสั่งซื้อ (PO) ได้
ในหน้านี้
สร้างคำสั่งซื้อ
หากคุณจะสร้าง PO โดยใช้ข้อเสนอแนะจาก Stocky คุณต้องเลือกจํานวนวันที่ต้องการสต็อกสินค้าจะพอมีไว้ PO สามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง
- ขั้นตอนที่ 1: เปิดคำสั่งซื้อ
- ขั้นตอนที่ 2: แก้ไขคำสั่งซื้อ
- ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มส่วนลดลงในคำสั่งซื้อ
- ขั้นตอนที่ 4: ส่งคำสั่งซื้อ
- ขั้นตอนที่ 5: ยืนยันคำสั่งซื้อ
ขั้นตอนที่ 1: เปิดคำสั่งซื้อ
- คลิกที่การซื้อในแอป Stocky
- คลิกสร้างคำสั่งซื้อ
- เลือกเวนเดอร์หรือซัพพลายเออร์สำหรับคำสั่งซื้อโดยใช้เมนูดรอปดาวน์
-
ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกเวนเดอร์หรือซัพพลายเออร์
- หากคุณเลือกเวนเดอร์ ให้เลือกชื่อเวนเดอร์สำหรับคำสั่งซื้อของคุณจากเมนูดรอปดาวน์
- หากคุณเลือกซัพพลายเออร์ ให้เลือกซัพพลายเออร์สำหรับคำสั่งซื้อของคุณจากเมนูดรอปดาวน์ ซัพพลายเออร์คือกลุ่มเวนเดอร์ หากคุณต้องการสร้างคำสั่งซื้อที่มีเวนเดอร์หลายราย คุณจะต้องสร้างซัพพลายเออร์ใหม่ก่อน
ใช้เมนูดรอปดาวน์สร้างเพื่อเลือกประเภทการสร้างคำสั่งซื้อ คุณสามารถสร้างคำสั่งซื้อเปล่าหรือคำสั่งซื้อตามคำแนะนำของ Stocky
ตัวเลือกเสริม: หากคุณเลือกที่จะสร้างคำสั่งซื้อตามคำแนะนำของ Stocky ให้ใช้ฟีเจอร์แนะนำเป็นเวลา (วัน) เพื่อป้อนจำนวนวันที่คุณต้องการให้มีสต็อกสินค้า
ใช้เมนูดรอปดาวน์ตำแหน่งที่ตั้งในการรับสต็อกสินค้าเพื่อเลือกตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการจัดส ่งคำสั่งซื้อ
ตัวเลือกเสริม: หากคุณเลือกสร้างคำสั่งซื้อตามคำแนะนำของ Stocky ให้ใช้ฟีเจอร์อิงการคาดการณ์จากเพื่อเลือกวิธีสร้างคำสั่งซื้อ
เลือกสร้างคำสั่งซื้อ
ขั้นตอนที่ 2: เพิ่มสินค้าลงในคำสั่งซื้อ
คุณสามารถเพิ่ม แก้ไข หรือลบรายการใดๆ ออกจากคำสั่งซื้อได้ หรือเปลี่ยนแปลงตัวเลือกการคาดการณ์ความต้องการซื้อ
เมื่อเลือกเกณฑ์การคาดการณ์ความต้องการซื้อของ Stocky เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกสร้างใหม่เพื่อรีเฟรช PO ด้วยการคาดการณ์ที่อัปเดตแล้ว
หากคุณเลือกสร้าง PO ตามการคาดการณ์ความต้องการซื้อของ Stocky โปรดตรวจสอบคำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าคงคลังของ Stocky ด้วย หากต้องการเพิ่มสินค้าไปยัง PO ของคุณด้วยตนเอง ให้ใช้แบบฟอร์มเพิ่มสินค้า
คุณสามารถแก้ไขรายละเอียดต่อไปนี้เกี่ยวกับสินค้าของคุณ
- ชั้นวาง: เพิ่มชื่อหรือหมายเลขชั้นวาง
- ทางเดิน: เพิ่มชื่อหรือหมายเลขทางเดิน
- ต้นทุน (พื้นฐาน): แก้ไขราคาต้นทุนของตัวเลือกสินค้า 1 รายการหรือทั้งหมดของสินค้านี้
- จํานวน: แก้ไขจํานวนของตัวเลือกสินค้าแต่ละรายการที่มีในคำสั่งซื้อ
ขั้นตอนที่ 3: แก้ไขรายละเอียดการชำระเงินและการจัดส่งในคำสั่งซื้อ
ในแบบฟอร์มรายละเอียดการจัดส่งและการชำระเงิน ให้แก้ไขส่วนต่อไปนี้ที่ใช้กับคำสั่งซื้อของคุณ
- รายละเอียดการชำระเงิน
- ที่อยู่ที่จัดส่ง
- หมายเลขใบแจ้งหนี้
- เลขคำสั่งซื้อของซัพพลายเออร์
- ตำแหน่งที่ตั้งสำหรับรับ (ตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการให้จัดส่งคำสั่งซื้อไป)
- วันที่ (วันที่ PO, วั นที่ออกใบแจ้งหนี้, วันที่คาดการณ์, วันที่จัดส่ง และวันที่ยกเลิก)
- หมายเหตุ (เช่น ชื่อพนักงาน ข้อมูลซัพพลายเออร์ หรือเหตุผล)
ขั้นตอนที่ 4: เพิ่มส่วนลดให้กับคำสั่งซื้อ
คุณสามารถเพิ่มส่วนลดไปยังคำสั่งซื้อได้
ขั้นตอน:
- ถัดจากช่องค้นหาสินค้า ให้คลิก ใหม่ > อื่น
- ป้อนจํานวนส่วนลดในช่องราคาต้นทุน
- ตัวเลือกเสริม: เลือกประเภทภาษีและเพิ่มคำอธิบาย
- ในช่องปริมาณ ให้ป้อน
1
- คลิกที่เพิ่ม
ขั้นตอนที่ 5: ส่งคำสั่งซื้อ
มีอยู่หลากหลายวิธีที่คุณสามารถใช้ในการส่ง PO ไปให้กับซัพพลายเออร์:
- จาก Stocky: คุณสามารถส่งคำสั่งซื้อโดยตรงจาก Stocky ในรูปแบบไฟล์ PDF หรือ CSV โดยใช้อีเมลได้
- ทางอีเมล: คุณสามารถดาวน์โหลดคำสั่งซื้อและส่งสําเนาของคำสั่งซื ้อด้วยตนเองโดยใช้อีเมลได้
Stocky
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > แอปและช่องทางการขาย
คลิก Stocky
คลิก “เปิดแอป”
ใน Stocky ให้คลิกที่การซื้อ
คลิกหมายเลขคำสั่งซื้อของคำสั่งซื้อที่คุณต้องการส่ง
คลิกที่ “ส่ง”
ป้อนชื่อและอีเมลของคุณในช่องชื่อผู้ติดต่อและอีเมลติดต่อ คุณต้องป้อนรายละเอียดเหล่านี้แค่ครั้งเดียว แล้วระบบจะนำไปใช้กับทุกคำสั่งซื้อในอนาคต
ตรวจสอบรายละเอียดในกล่องโต้ตอบส่งคำสั่งซื้อ
ตัวเลือกเสริม: ตรวจสอบแนบ CSV เพื่อส่งรายละเอียด PO เป็นไฟล์ CSV ได้เช่นกัน
คลิกที่ “ส่ง”
ในส่ วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > แอปและช่องทางการขาย
คลิก Stocky
คลิก “เปิดแอป”
ใน Stocky ให้คลิกที่การซื้อ
คลิกหมายเลขคำสั่งซื้อของคำสั่งซื้อที่คุณต้องการส่ง
-
คลิก ดาวน์โหลด และเลือกตัวเลือกที่คุณต้องการ:
- ข้อความธรรมดา
- CSV
เพิ่มไฟล์ PDF หรือ CSV เป็นไฟล์แนบในอีเมลปกติที่คุณส่งให้ซัพพลายเออร์ หากคุณเลือกดาวน์โหลดคำสั่งซื้อเป็นข้อความธรรมดา ให้คัดลอกและวางเนื้อหาของคำสั่งซื้อในเนื้อหาอีเมล
ขั้นตอนที่ 6: ยืนยันรายละเอียดคำสั่งซื้อ
เมื่อคำสั่งซื้อของคุณพร้อมแล้ว ให้คลิกที่ทำเครื่องหมายว่าสั่งซื้อแล้ว การคลิกที่ทำเครื่องหมายว่าสั่งซื้อแล้วจ ะทำเครื่องหมายรายการทั้งหมดในคำสั่งซื้อเป็น “ไม่ได้รับ”
สินค้าที่รวมอยู่ใน PO ของคุณจะแสดงในพื้นที่ดังต่อไปนี้
- ในส่วนผู้ดูแล Shopify ในคอลัมน์ขาเข้าของการ์ดสินค้าคงคลังในหน้าสินค้า
- ในส่วนผู้ดูแล Shopify ในคอลัมน์ขาเข้าของหน้าสินค้าคงคลัง
- ใน Shopify POS ในหน้ารายละเอียดสินค้า
การรับสินค้าที่ร้านค้าของคุณ
หลังจากที่สต็อกใหม่มาถึงร้านค้าของคุณแล้ว คุณสามารถซิงค์กับ Shopify ได้โดยคลิกที่รับรายการที่เลือก หากมีรายการที่ขาดหาย คุณสามารถซิงค์รายการนั้นในภายหลังได้โดยยกเลิกการเลือกรายการ ก่อนจะคลิกที่รับรายการที่เลือก
นอกจากนี้คุณยังสามารถรับและสั่งสินค้าค้างส่งบางส่วน ของ PO คุณ และรับ PO ที่มีเครื่องสแกนบาร์โค้ดได้
ได้รับและสั่งซื้อสินค้าค้างส่งบางส่วน
หากซัพพลายเออร์ของคุณส่งสินค้าในจํานวนที่แตกต่างกันไปจากที่คุณคาดไว้ หรือสินค้าบางรายการได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่ง คุณสามารถรับสินค้าบางส่วนและวางสินค้าที่เหลือไว้ในสินค้าค้างส่งได้
ขั้นตอน:
- คลิกที่ปุ่มลูกศรในคอลัมน์ปริมาณของรายการ
- ในเมนูดรอปดาวน์ ให้เลือก “รับบางส่วน”
- เลือกจํานวนสินค้าที่จะรับในภายหลังตามสินค้าค้างส่ง
- ตัวเลือกเสริม: เขียนหมายเหตุเพื่อแจ้งเหตุผลของสินค้าค้างส่ง
- คลิก “อัปเดต”
ขณะนี้สินค้าจะถูกแยกออกเป็นสองแถว
การรับคำสั่งซื้อด้วยเครื่องสแกนบาร์โค้ด
คุณสามารถรับสินค้าบน PO ได้โดยใช้เครื่องสแก นบาร์โค้ด USB มาตรฐาน
ขั้นตอน:
- ใน PO ให้คลิกที่ การดำเนินการเพิ่มเติม > รับด้วยเครื่องสแกนบาร์โค้ด
- สแกนสินค้าแต่ละรายการเพื่อเพิ่มจำนวนที่สแกน หรืออัปเดตจำนวนด้วยตัวเองในส่วนได้รับ
- หลังจากสแกนสินค้าทั้งหมดแล้ว ให้คลิก “สแกนสินค้าที่ได้รับแล้ว” > “รับและซิงค์” เพื่ออัปเดตระดับสต็อกสินค้าของ Shopify
สินค้าเฉพาะรายการแบบแยกบรรทัดสำหรับคำสั่งซื้อที่ได้รับบางส่วนที่ใช้ Shopify POS
สินค้าเฉพาะรายการในคำสั่งซื้อจะคั่นด้วยสถานะของตนเมื่อใช้ส่วนขยาย UI ของ POS สำหรับคำสั่งซื้อ Stocky เพื่อปรับปรุงการจัดการซัพพลายเออร์และกระบวนการสรุปคำสั่งซื้อ
สินค้าคงคลังในคำสั่งซื้อสามารถมีสถานะที่แตกต่างกันได้ 3 สถานะ ดังนี้
- ไม่ได้รับ - สินค้าคงคลังยังไม่ได้รับการตรวจสอบและไม่พร้อมจำหน่าย
- ได้รับแล้ว - สินค้าคงคลังได้รับการตรวจสอบและพร้อมจำหน่ายแล้ว
- ถูกปฏิเสธ - สินค้าคงคลังได้รับการตรวจสอบแล้วและไม่พร้อมจำหน่าย
ระบบจะแสดงใบจ่าหน้า Extra
พร้อมกับ Received
หรือ Rejected
เพื่อไฮไลต์ส่วนเกิน ทั้งนี้ สินค้าคงคลังในคำสั่งขาเข้าจะแสดงอยู่ใน Shopify Admin และ Shopify POS
การจํากัดระดับสต็อกสินค้า
Stocky ช่วยให้คุณสามารถตั้งการจํากัดระดับสต็อกสินค้าได้เมื่อคุณใช้ฟีเจอร์การคาดการณ์ PO
ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำนั้นคือไ ปคือจํานวนสินค้าขั้นต่ำสุดที่คุณจะต้องทำการสั่งซื้อ ตัวอย่างเช่น หาก PO ของคุณได้คาดการณ์ออกมาแล้วว่าคุณต้องสั่งซื้อสินค้า 67 รายการ แต่ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำนั้นคือ 100 รายการ ในกรณีนี้ระบบก็จะเพิ่มสินค้า 100 รายการไปยัง PO ให้
ปริมาณสต็อกสินค้าขั้นต่ำคือจํานวนสต็อกสินค้าขั้นต่ำสุดที่คุณควรจะมี ตัวอย่างเช่น หากคุณมีสินค้าอยู่ในสต็อกแล้ว 40 รายการ และระดับของสต็อกสินค้าขั้นต่ำของคุณคือ 100 รายการ ในกรณีนี้การคาดการณ์ PO ของคุณก็จะแนะนำให้คุณทำการสั่งซื้อสินค้าอย่างน้อย 60 รายการ
ปริมาณสต็อกสินค้าสูงสุดคือจํานวนสต็อกสินค้าสูงสุดที่คุณสามารถมีได้ ตัวอย่างเช่น หาก PO ของคุณได้คาดการณ์ออกมาแล้วว่าคุณต้องการสินค้าหนึ่งเป็นจำนวน 30 รายการ แต่ขีดจํากัดสูงสุดของสต็อกสินค้าของคุณคือ 20 รายการ ในกรณีนี้ระบบก็จะเพิ่มสินค้า 20 รายการไปยัง PO ให้
ปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำจะมีผลเหนือกว่าปริมาณสต็อกสินค้าสูงสุดเสมอ สมมุติว่าคุณมีขีดจํากัดสูงสุดของสต็อกอยู่ที่ 100 รายการและมีปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 20 รายการ หากคุณมีสินค้าอยู่ในสต็อกแล้ว 90 รายการ การคาดการณ์ PO จะแนะนำให้คุณสั่งซื้อสินค้า 20 รายการ แม้ว่ากรณีดังกล่าวนี้จะหมายความว่าคุณจะมีสินค้าเกินขีดจํากัดสูงสุดของสต็อกสินค้าคุณก็ตาม
ระบบจะให้ความสำคัญกับการคาดการณ์ความต้องการซื้อประเภทเติมชั้นวาง เติมชั้นวาง (หากจำนวนน้อยกว่าขีดจำกัดขั้นต่ำ) และจำนวนสินค้าเป้าหมาย ก่อนจำนวนคำสั่งซื้อขั้นต่ำเสมอเมื่อใช้ฟีเจอร์การคาดการณ์ PO
ตั้งค่าปริมาณสต็อกสินค้าต่ำสุดและสูงสุด
- ในแอป Stocky ให้คลิกที่ “ตำแหน่งที่ตั้ง”
- เลือกตำแหน่งที่ตั้ง
- ป้อนปริมาณสต็อกสินค้าต่ำสุดและสูงสุดของคุณ
ตั้งค่าปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำ
- ในแอป Stocky ให้คลิกที่ “เวนเดอร์”
- เลือกเวนเดอร์
- คลิกที่ การตั้งค่า
- คลิกที่ “ขีดจํากัดของการสั่งซื้อ”
- ป้อนปริมาณการสั่งซื้อขั้นต่ำของคุณ