โอนย้ายร้านค้าปลีกของคุณ
คู่มือนี้จะสรุปวิธีโอนย้ายร้านค้าปลีกของคุณไปยัง Shopify อย่างไรก็ตาม คู่มือนี้จะไม่ครอบคลุมถึงกระบวนการตั้งค่าร้านค้า Shopify ในทุกขั้นตอน เช่น การตั้งค่าร้านค้าออนไลน์ของคุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโอนย้ายร้านค้าออนไลน์ของคุณไปยัง Shopify ในการโอนย้ายไปยัง Shopify
คุณสามารถใช้คู่มือการโอนย้ายร้านค้าปลีกนี้เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นแหล่งอ้างอิงเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ลืมงานการตั้งค่าหลักใดๆ
ในหน้านี้
- ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นใช้งาน
- ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้งช่องทางการขาย POS ในส่วนผู้ดูแล Shopify
- ขั้นตอนที่ 2: เลือกการสมัครใช้งาน POS
- ขั้นตอนที่ 3: เข้าสู่ระบบแอป Shopify POS
- ข้อควรรู้ด้านความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ iOS และ Android ของแอป Shopify POS
- ขั้นตอนที่ 4: ประมวลผลการทดสอบธุรกรรม POS
- ขั้นตอนที่ 5: สั่งซื้อฮาร์ดแวร์ POS
- ขั้นตอนที่ 6: ตั้งค่าวิธีการชำระเงิน
- ขั้นตอนที่ 7: ตั้งค่า Tap to Pay บน iPhone หรือ Android
- ขั้นตอนที่ 8: เชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ POS
- ขั้นตอนที่ 9: ปรับแต่งใบเสร็จ
- ขั้นตอนที่ 10: เพิ่มพนักงาน POS
- ขั้นตอนที่ 11: การจัดการสินค้าคงคลังด้วย Stocky
- ขั้นตอนที่ 12: ตั้งค่าการรับสินค้าที่ร้าน
- ขั้นตอนที่ 13: การจัดส่งสำหรับลูกค้าในหน้าร้าน
- ขั้นตอนที่ 14: (ไม่บังคับ) ตั้งค่าร้านค้าออนไลน์
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นใช้งาน
ตรวจสอบสิทธิ์ของคุณ
เฉพาะประเทศที่ Shopify Payments รองรับการประมวลผลการชำระเงินทั้งทางออนไลน์และในหน้าร้านเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้งานฮาร์ดแวร์ของ Shopify ใช้รายการต่อไปนี้เพื่อค้นหาว่า Shopify Payments พร้อมให้ใช้งานกับแอป Shopify POS และฮาร์ดแวร์ของ Shopify ในประเทศที่ธุรกิจของคุณดำเนินการอยู่หรือไม่
- ออสเตรเลีย
- เบลเยียม
- แคนาดา
- เดนมาร์ก
- ฟินแลนด์
- เยอรมนี
- ไอร์แลนด์
- อิตาลี
- เนเธอร์แลนด์
- นิวซีแลนด์
- สิงคโปร์
- สเปน
- สหราชอาณาจักร
- สหรัฐอเมริกา (Shopify Payments ไม่สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ของสหรัฐอเมริกายกเว้นเปอร์โตริโก)
เมื่อคุณประมวลผลธุรกรรม POS ที่หน้าร้านโดยใช้ Shopify Payments และเครื่องอ่านบัตรของ Shopify คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎการชำระเงินของประเทศที่คุณกำลังประมวลผลธุรกรรมอยู่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎของประเทศและสกุลเงินสำหรับการขายที่หน้าร้าน
การตั้งค่าเพิ่มเติม
คู่มือนี้มุ่งเน้นไปที่การจัดเตรียมการตั้งค่าร้านค้าปลีกของคุณเป็นหลัก โดยคุณควรจะดำเนินงานการตั้งค่าเพิ่มเติมบางรายการให้เสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้เพื่อโอนย้ายข้อมูลของคุณไปยังร้านค้าออนไลน์ของ Shopify ร้านใหม่
คุณสามารถดำเนินงานต่อไปนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ได้ก่อนที่จะเริ่มทำตามคู่มือนี้
นอกจากนี้คุณยังสามารถดำเนินงานต่อไปนี้ให้เสร็จสมบูรณ์เพื่อจัดเตรียมการตั้งค่าการชำระเงินและภาษีของคุณได้
ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้งช่องทางการขาย POS ในส่วนผู้ดูแล Shopify
ร้านค้าใหม่ทั้งหมดจะมีช่องทางการขาย POS ติดตั้งไว้ล่วงหน้า คุณจะต้องติดตั้งช่องทางการขาย POS หากคุณลบช่องทางการขาย POS ออกหรือได้เปิดร้านค้าออนไลน์เก่าอีกครั้ง
ขั้นตอนมีดังนี้
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > แอปและช่องทางการขาย
คลิก Shopify App Store
ค้นหา “ระบบขายหน้าร้าน” ใน Shopify App Store
คลิก “Shopify Point of Sale”
คลิกติดตั้ง
หากต้องการยอมรับการเข้าถึงข้อมูล ให้คลิก “ติดตั้ง” ในส่วนผู้ดูแล Shopify
ขั้นตอนที่ 2: เลือกการสมัครใช้งาน POS
คุณสามารถเลือกการสมัครใช้งานแอป POS ของแต่ละตำแหน่งที่ตั้งได้ตามความต้องการ
เปรียบเทียบฟีเจอร์ของ POS Lite และ POS Pro
สำหรับธุรกิจที่ขายในตลาด งานแสดงสินค้า หรือร้านค้าป๊อปอัพเป็นหลัก เราขอแนะนำให้ใช้ POS Lite สำหรับธุรกิจที่มีที่ตั้งร้านค้าปลีกหรือขายสินค้าในหน้าร้านบ่อยครั้งกว่า เราขอแนะนำให้ใช้ POS Pro
การสมัครใช้งานแอป POS มีให้เลือก 2 แบบเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการค้าปลีกของคุณ หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดราคา ให้ดูการกำหนดราคาของ POS หรือหากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ ให้ดูฟีเจอร์ของ POS หากต้องการเปรียบเทียบฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานระหว่าง Shopify POS Lite กับ Shopify POS Pro ให้ดูตารางต่อไปนี้
จัดการการสมัครใช้งาน POS ของแต่ละตำแหน่งที่ตั้ง
หากคุณเป็นเจ้าของบัญชีผู้ใช้ คุณสามารถเลือกการสมัครใช้งาน POS ตามตำแหน่งที่ตั้งเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าร้านค้าของคุณมีการสมัครใช้งานที่ตรงกับความต้องการมากที่สุดได้ นอกจากนี้ หากคุณใช้แผน Advanced, Shopify หรือ Basic คุณยังสามารถเลือกระหว่างรอบการเรียกเก็บเงินแบบรายเดือนหรือรายปีได้ หากคุณใช้แผน Shopify Plus คุณสามารถเลือกรอบการเรียกเก็บเงินได้แค่แบบ 30 วันเท่านั้น
แผนการสมัครใช้งาน POS Lite ประกอบด้วยฟีเจอร์พื้นฐานของ Shopify POS และสามารถใช้งานได้กับทุกแผน Shopify โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สำหรับต้นทุนรายเดือนที่เพิ่มเติมต่อตำแหน่งที่ตั้ง แผนการสมัครใช้งาน Shopify POS Pro มีฟีเจอร์การค้าปลีกเพิ่มเติมสำหรับธุรกรรมการขายการจัดการสินค้าคงคลังรายงานการขายและการจัดการพนักงาน
หากคุณต้องการโอนการสมัครใช้งาน POS Pro จากตำแหน่งที่ตั้งหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง คุณจะต้องติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินของ Shopify POS Pro
หากคุณได้สมัครใช้งาน POS Pro และต้องการถอนการติดตั้งช่องทางการขาย POS คุณต้องเปลี่ยนตำแหน่งที่ตั้ง POS Pro ทั้งหมดเป็น POS Lite ก่อนที่จะถอนการติดตั้งช่องทางนี้
ขั้นตอนมีดังนี้
เดสก์ท็อป
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > แอปและช่องทางการขาย
คลิก Point of sale
คลิกที่ “เปิดช่องทางการขาย”
คลิกตำแหน่งที่ตั้ง > จัดการการสมัครใช้งาน
ในส่วนตรวจสอบการสมัครใช้งาน POS สำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้ง เลือกการสมัครใช้งานสำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้งโดยเลือกหนึ่งในตัวเลือกต่อไปนี้:
- หากต้องการอัปเกรดเป็น POS Pro ให้เลือกอัปเกรดเป็น POS Pro และเลือกว่าต้องการให้เรียกเก็บเงินแบบรายเดือนหรือรายปี ในส่วน POS Pro ให้คลิกอัปเกรดเป็น POS Pro > อนุมัติการสมัครใช้งาน
- หากต้องการดาวน์เกรดเป็น POS Lite และเปลี่ยนรอบการเรียกเก็บเงิน ให้คลิกเปลี่ยนแผน และเลือกว่าต้องการให้เรียกเก็บเงินแบบรายเดือนหรือรายปี ในส่วน POS Lite ให้คลิกดาวน์เกรดเป็น POS Lite > อนุมัติการสมัครใช้งาน
- หากต้องการยกเลิกการสมัครใช้งาน POS Pro และดาวน์เกรดเป็น POS Lite ที่มีรอบการเรียกเก็บเงินเดียวกัน ให้คลิกยกเลิก POS Pro > ยืนยัน
ตัวเลือกเสริม: หากคุณใช้แผน Shopify Plus และมีตำแหน่งที่ตั้ง 20 แห่งขึ้นไป คุณต้องแก้ไขการสมัครใช้งาน POS จากตารางตำแหน่งที่ตั้งบนหน้าจอตำแหน่งที่ตั้ง เลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการแก้ไข จากนั้นเลือกจัดการการสมัครใช้งาน คุณสามารถอัปเดตตำแหน่งที่ตั้งได้ 250 แห่งต่อครั้งเท่านั้น
Mobile
From the Shopify app, tap
ในส่วนช่องทางการขาย ให้แตะ “Point of Sale”
ในเมนูดรอปดาวน์ระบบขายหน้าร้าน ให้แตะการตั้งค่า > การสมัครใช้งาน
ในส่วนตรวจสอบการสมัครใช้งาน POS สำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้ง เลือกการสมัครใช้งานสำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้งโดยเลือกหนึ่งในตัวเลือกต่อไปนี้:
- หากต้องการอัปเกรดเป็น POS Pro ให้เลือกอัปเกรดเป็น POS Pro และเลือกว่าต้องการให้เรียกเก็บเงินแบบรายเดือนหรือรายปี ในส่วน POS Pro ให้คลิกอัปเกรดเป็น POS Pro > อนุมัติการสมัครใช้งาน
- หากต้องการดาวน์เกรดเป็น POS Lite และเปลี่ยนรอบการเรียกเก็บเงิน ให้คลิกเปลี่ยนแผน และเลือกว่าต้องการให้เรียกเก็บเงินแบบรายเดือนหรือรายปี ในส่วน POS Lite ให้คลิกดาวน์เกรดเป็น POS Lite > อนุมัติการสมัครใช้งาน
- หากต้องการยกเลิกการสมัครใช้งาน POS Pro และดาวน์เกรดเป็น POS Lite ที่มีรอบการเรียกเก็บเงินเดียวกัน ให้คลิกยกเลิก POS Pro > ยืนยัน
ตัวเลือกเสริม: หากคุณใช้แผน Shopify Plus และมีตำแหน่งที่ตั้ง 20 แห่งขึ้นไป คุณต้องแก้ไขการสมัครใช้งาน POS จากตารางตำแหน่งที่ตั้งบนหน้าจอตำแหน่งที่ตั้ง เลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการแก้ไข จากนั้นเลือกจัดการการสมัครใช้งาน คุณสามารถอัปเดตตำแหน่งที่ตั้งได้ 250 แห่งต่อครั้งเท่านั้น
ขั้นตอนที่ 3: เข้าสู่ระบบแอป Shopify POS
ดาวน์โหลดแอป Shopify POS ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ
หากต้องการดาวน์โหลดแอป Shopify POS ให้ใช้อุปกรณ์ของคุณไม่ว่าจะ Android หรือ iOS เพื่อสแกนคิวอาร์โค้ดสำหรับแอป Shopify POS จากหน้าติดตั้งแล้วแตะติดตั้ง
ข้อควรรู้ด้านความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ iOS และ Android ของแอป Shopify POS
แอป Shopify POS มีให้บริการสำหรับอุปกรณ์ iOS และ Android เท่านั้น ไม่สามารถใช้งานบนแล็ปท็อป คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป หรือแท็บเล็ต Amazon Fire
แอป Shopify POS จะใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
อุปกรณ์ | คำอธิบาย |
---|---|
iPad | รุ่นที่ 5 หรือรุ่นที่ใหม่กว่าซึ่งใช้ iPadOS 15 ขึ้นไป |
iPad Air | รุ่นที่ 2 หรือรุ่นที่ใหม่กว่าซึ่งใช้ iPadOS 15 ขึ้นไป |
iPad mini | รุ่น 4 หรือรุ่นที่ใหม่กว่าซึ่งใช้ iPadOS 15 ขึ้นไป |
iPad Pro | iPad Pro ทุกรุ่นที่ใช้ iPadOS 15 ขึ้นไป |
iPhone | iPhone 7 หรือรุ่นใหม่กว่าซึ่งใช้ iOS 15 ขึ้นไป |
POS Go | POS Go ที่ใช้งานการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ Shopify ให้ล่าสุด |
Android | โทรศัพท์หรือแท็บเล็ตที่ใช้ Android ตั้งแต่เวอร์ชัน 10.0 ขึ้นไป พร้อมเปิดใช้บริการ Google Play และ Google Mobile |
แอป Shopify POS จะไม่รองรับระบบปฏิบัติการ iOS 14 หรือต่ำกว่าอีกต่อไป สำหรับ iOS เวอร์ชันเก่า คุณสามารถใช้แอปต่อไปได้ แต่จะไม่สามารถอัปเดตได้อีกต่อไป หากต้องการรับประโยชน์จากการแก้ไขบั๊กและฟีเจอร์ใหม่ๆ คุณต้องอัปเดตอุปกรณ์ของคุณให้เป็น iOS 15 ขึ้นไป หากไม่สามารถทำได้ ให้สลับไปใช้ Shopify POS บนอุปกรณ์อื่นที่ใช้ iOS 15 ขึ้นไป
เข้าสู่ระบบด้วยอีเมล
หากคุณเป็นพนักงานที่มีชื่อผู้ใช้ของผู้ดูแลและข้อมูลประจำตัวที่จำเป็น คุณสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเข้าสู่ระบบแอป Shopify POS ได้เมื่อคุณมีสิทธิ์อนุญาตเข้าถึง Point of Sale ทั้งนี้เจ้าของร้านจะมีสิทธิ์อนุญาตทั้งหมดตามค่าเริ่มต้น
ขั้นตอนมีดังนี้
- ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบแอป Shopify POS ให้แตะที่ เข้าสู่ระบบ
- ในหน้า Shopify ให้พิมพ์ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของผู้ดูแล จากนั้นแตะที่ “เข้าสู่ระบบ”
- หากคุณเปิดใช้'koการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นในร้านค้าของคุณ ให้ป้อนรหัสยืนยันตัวตน
- แตะเข้าสู่ระบบ
- เลือกร้านค้าและที่ตั้งที่ถูกต้องเพื่อเข้าสู่ระบบให้เสร็จสิ้น
คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่าแอป Shopify POS ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนการตั้งค่าแอป Shopify POS
ขั้นตอนที่ 4: ประมวลผลการทดสอบธุรกรรม POS
เมื่อคุณได้ตั้งค่าฮาร์ดแวร์ วิธีการชำระเงิน และเพิ่มสินค้าแล้ว คุณจะสามารถประมวลผลการทดสอบการชำระเงินเพื่อให้แน่ใจว่าคุณพร้อมที่จะรับการชำระเงินจากลูกค้าแล้ว
ขั้นตอนมีดังนี้
เพิ่มสินค้าไปยังตะกร้าสินค้าด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
- หากต้องการเพิ่มสินค้าจากแอปโดยตรง ให้แตะ ☰ > สินค้า แล้วเลือกสินค้าจากรายการดังกล่าว หากสินค้าของคุณมีตัวเลือกสินค้า ให้เลือกตัวเลือกสินค้าที่ต้องการ
- หากต้องการเพิ่มสินค้าโดยใช้บาร์โค้ด ให้สแกนบาร์โค้ดของสินค้า
ไม่บังคับ: หากต้องการเพิ่มลูกค้าไปยังคำสั่งซื้อ ให้แตะที่ไทล์สมาร์ทกริดเพิ่มลูกค้า แล้วเลือกลูกค้าที่คุณจะทดสอบ
แตะ การชำระเงิน > เงินสด > จำนวนเงินทอนที่แน่นอน
แตะ “ส่งใบเสร็จทางอีเมล” “ส่งใบเสร็จทางข้อความ” หรือ “พิมพ์ใบเสร็จ”
แตะ “หมายเหตุคำสั่งซื้อ” แล้วป้อนข้อความว่าธุรกรรมสำหรับทดสอบลงในช่องเพื่อเก็บไว้เป็นบันทึกหลักฐานของคุณ
แตะที่ เสร็จสิ้น
คุณสามารถดูคำสั่งซื้อสำหรับทดสอบได้ในหน้าการสั่งซื้อ โดยแตะที่ ☰ จากนั้น คำสั่งซื้อ แล้วจึงเลือกคำสั่งซื้อ ทั้งนี้ คุณสามารถประมวลผลธุรกรรมสำหรับทดสอบเพิ่มเติมได้หากต้องการทดสอบการตั้งค่าอื่นๆ
เมื่อคุณประมวลผลธุรกรรมสำหรับทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว คุณสามารถปิดเซสชันการติดตามได้
ขั้นตอนที่ 5: สั่งซื้อฮาร์ดแวร์ POS
ตรวจสอบตารางต่อไปนี้เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์การค้าปลีกรายการใดที่คุณอาจต้องใช้ตามประเภทธุรกิจของคุณ:
หากคุณประกอบธุรกิจ... | คุณอาจจำเป็นต้องใช้... |
---|---|
ร้านค้าป๊อปอัป กิจกรรม การลดราคาชั่วคราวทั่วๆ ไป | อุปกรณ์ที่รองรับ + เครื่องอ่านบัตร |
ที่ตั้งร้านค้าปลีกถาวร | อุปกรณ์ที่รองรับ + เครื่องอ่านบัตร + เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ |
ร้านค้าหลายแห่งหรือคลังสินค้า | อุปกรณ์ที่รองรับ + เครื่องอ่านบัตร + เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ + เครื่องสแกนบาร์โค้ด + ลิ้นชักเก็บเงิน |
คุณสามารถเลือกส่วนประกอบต่างๆ สำหรับระบบ Shopify POS ได้ตามวิธีการชำระเงินที่คุณยอมรับและความต้องการทางธุรกิจของคุณ
ทุกตัวเลือกในรายการอนุญาตให้มีเครื่องบันทึกเงินมากกว่าหนึ่งเครื่องในตำแหน่งที่ตั้งเดียว คุณสามารถมีสถานี POS ในตำแหน่งที่ตั้งที่ระบุไว้ได้ไม่จำกัด
สถานที่ซื้อฮาร์ดแวร์
หากคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกาและเปิดใช้งาน Shopify Payments ไว้ คุณสามารถเลือกฮาร์ดแวร์ได้จากช่องทาง Point of Sale > ร้านค้าฮาร์ดแวร์ในส่วนผู้ดูแล Shopify จากนั้นจึงชำระเงินโดยใช้ร้านค้าฮาร์ดแวร์ของ Shopify ที่อิงตามตำแหน่งที่ตั้งของคุณ
คุณสามารถซื้อฮาร์ดแวร์ได้จากร้านค้าฮาร์ดแวร์ของ Shopify ดังนี้
- ออสเตรเลีย
- เบลเยียม
- แคนาดา (ภาษาอังกฤษ)
- แคนาดา (ภาษาฝรั่งเศส)
- เดนมาร์ก
- ฟินแลนด์
- เยอรมนี
- ไอร์แลนด์
- อิตาลี
- เนเธอร์แลนด์
- นิวซีแลนด์
- สิงคโปร์
- สเปน
- สหราชอาณาจักร
- สหรัฐอเมริกา
ฮาร์ดแวร์ที่รองรับ
ความพร้อมของฮาร์ดแวร์ที่รองรับในร้านค้าฮาร์ดแวร์ของ Shopify จะแตกต่างไปในแต่ละประเทศ ฮาร์ดแวร์ของ Shopify จะมาพร้อมกับการผสานการทำงานที่เหมาะสมที่สุดกับ Shopify POS
หากคุณไม่ได้อยู่ในประเทศที่มีร้านค้าฮาร์ดแวร์ของ Shopify โปรดดูที่หน้าฮาร์ดแวร์ที่รองรับหรือหน้าฮาร์ดแวร์แต่ละรายการเพื่อดูหมายเลขรุ่นที่รองรับและซื้อฮาร์ดแวร์จากผู้ค้าปลีกภายนอกที่ตรวจสอบยืนยันแล้วตามที่คุณต้องการ
ขั้นตอนที่ 6: ตั้งค่าวิธีการชำระเงิน
เปิดใช้งาน Shopify Payments ในแอป POS
คุณจะต้องตั้งค่าShopify Payments ให้ร้านค้าของคุณในส่วนผู้ดูแล Shopify หากคุณต้องการรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่หน้าร้าน หลังจากที่คุณตั้งค่า Shopify Payments ในส่วนผู้ดูแล Shopify แล้ว คุณจะต้องเปิดใช้งาน Shopify Payments ในแอป Shopify POS
ขั้นตอนมีดังนี้
- ใน Shopify POS ให้แตะที่ ≡ > การตั้งค่า > ประเภทการชำระเงิน
- ในส่วนประเภทการชำระเงินเริ่มต้น ให้ตรวจสอบยืนยันว่าตัวเลือกเครดิต/เดบิตแสดงสถานะเป็น “ยอมรับแล้ว”
(ไม่บังคับ) ปิดใช้งานการชำระด้วยเงินสดสำหรับแอป Shopify POS
โดยระบบจะเปิดให้เลือกใช้การทำธุรกรรมด้วยเงินสดไว้เป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว หากไม่ต้องการรับเงินสด คุณสามารถปิดใช้การทำธุรกรรมด้วยเงินสดได้ ไม่มีค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าหรือร้านค้าในการชำระเงินด้วยเงินสด
ขั้นตอนมีดังนี้
- ใน Shopify POS ให้แตะที่ ≡ > การตั้งค่า > การตั้งค่าการชำระเงิน
- ในส่วนประเภทการชำระเงินอื่นๆ ให้แตะที่เงินสดเพื่อปิดใช้งาน
ขั้นตอนที่ 7: ตั้งค่า Tap to Pay บน iPhone หรือ Android
คุณสามารถประมวลผลธุรกรรมการชำระเงินด้วยบัตรแบบไร้สัมผัสบนอุปกรณ์ iPhone หรือ Android ของคุณได้
ข้อกำหนดสำหรับการใช้ Tap to Pay บน iPhone หรือ Android
iPhone
หากต้องการใช้ Tap to Pay บน iPhone คุณต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้
- ร้านค้าของคุณต้องอยู่ในออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร หรือสหรัฐอเมริกา (ยกเว้นเปอร์โตริโก)
- คุณจำเป็นต้องเปิดใช้งาน Shopify Payments เป็นผู้ให้บริการการชำระเงินของร้านค้า
- คุณจำเป็นต้องยอมรับการชำระเงินผ่าน Tap to Pay บนอุปกรณ์มือถือ
- คุณจำเป็นต้องติดตั้งช่องทางการขาย Point of Sale ในส่วนผู้ดูแล Shopify แล้ว
- คุณจำเป็นต้องมีแอป Shopify POS ที่ติดตั้งบน iPhone ของคุณ
- คุณจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- คุณจำเป็นต้องมี iPhone XS หรือรุ่นใหม่กว่าที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 16.7 ขึ้นไป
- คุณจำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านอุปกรณ์สำหรับฮาร์ดแวร์ Shopify POS สำหรับ iPhone ทั้งหมด
Android
หากต้องการใช้ Tap to Pay บน Android คุณต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้
- ร้านค้าของคุณต้องตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ อิตาลี เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ สเปน หรือสหราชอาณาจักร
- คุณจำเป็นต้องเปิดใช้งาน Shopify Payments เป็นผู้ให้บริการการชำระเงินของร้านค้า
- คุณจำเป็นต้องยอมรับการชำระเงินผ่าน Tap to Pay บนอุปกรณ์มือถือ
- คุณจำเป็นต้องติดตั้งช่องทางการขาย Point of Sale ในส่วนผู้ดูแล Shopify แล้ว
- คุณต้องใช้แอป Shopify POS ที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ Android ของคุณ
- แอป POS ของคุณต้องใช้เวอร์ชัน 9.19.0 ขึ้นไป
- คุณจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- อุปกรณ์ Android ของคุณต้องใช้ Android เวอร์ชัน 11 ขึ้นไป
- อุปกรณ์ Android ของคุณจำเป็นต้องเปิดการตั้งค่า NFC (เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายระยะสั้น)
- คุณต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านอุปกรณ์สำหรับฮาร์ดแวร์ Shopify POS สำหรับ Android ทั้งหมด
ยอมรับ Tap to Pay บน iPhone หรือ Android
หากคุณใช้ Tap to Pay บน iPhone คุณจะต้องมีสิทธิ์อนุญาตในการจัดการการตั้งค่าการชำระเงินเพื่อเปิดใช้งาน Tap to Pay บน iPhone ในร้านค้าของคุณ
หากคุณใช้อุปกรณ์ Android ระบบจะเปิดใช้งาน Tap to Pay บน Android โดยอัตโนมัติบนอุปกรณ์ที่รองรับซึ่งมีบัญชี Shopify Payments ที่ใช้งานอยู่
เมื่อคุณตั้งค่า Tap to Pay บน iPhone เป็นครั้งแรก คุณต้องยอมรับข้อกำหนดในการใช้บริการของ Apple ด้วย Apple ID ของคุณ ทั้งนี้ Apple ID ต้องเป็นของคุณหรือธุรกิจของคุณ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลง Apple ID ในภายหลังได้ที่พอร์ทัล Apple Business Connect
หลังจากที่คุณเปิดใช้งานครั้งแรกเสร็จสิ้นแล้ว Tap to Pay บน iPhone จะสามารถจับคู่กับ iPhone ที่เข้าสู่ระบบ Shopify POS ภายใต้บัญชีร้านค้าในตำแหน่งที่ตั้งใดก็ได้ของคุณ
ขั้นตอนมีดังนี้
จาก Shopify POS ให้แตะที่ ≡ > การตั้งค่า
เลื่อนลงไปที่การชำระเงิน จากนั้นเลือก Tap to Pay บน iPhone
แตะตั้งค่า Tap to Pay จากนั้นแตะถัดไป
ตรวจสอบยืนยัน Apple ID และเลือก Apple ID ของคุณ
- แตะดำเนินการต่อด้วย Apple ID นี้เพื่อใช้ Apple ID ปัจจุบันของคุณ หรือแตะใช้ Apple ID อื่นเพื่อเลือก Apple ID อื่น
- ยอมรับข้อกำหนดในการใช้บริการของ Apple
แตะที่ เสร็จสิ้น
Tap to Pay บน iPhone ช่วยให้ร้านค้าของคุณและ iPhone ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกับร้านค้าของคุณพร้อมรับชำระเงิน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีรับการชำระเงินด้วย Tap to Pay บน iPhone
ขั้นตอนที่ 8: เชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ POS
ก่อนที่จะเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ คุณจะต้องตั้งค่า Shopify Payments ในส่วนผู้ดูแลและตั้งค่า Shopify Payments ในแอป POS ของคุณ
หลังจากที่คุณได้รับฮาร์ดแวร์แล้ว คุณสามารถเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์กับแอป Shopify POS ของคุณได้
ขั้นตอนมีดังนี้
- จากแอป Shopify POS ให้แตะที่สัญลักษณ์การเชื่อมต่อในการนำทาง
- แตะที่เพิ่ม
- ในหน้าตั้งค่าฮาร์ดแวร์ ให้แตะที่ประเภทฮาร์ดแวร์ที่คุณกำลังจะเพิ่ม ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังจะเพิ่มเครื่องอ่านบัตร ให้แตะเครื่องอ่านบัตร
- ดำเนินการตามการแจ้งเตือนเพื่อเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ของคุณ
ขั้นตอนที่ 9: ปรับแต่งใบเสร็จ
หากคุณมีการสมัครใช้งาน POS Pro คุณก็จะสามารถปรับแต่งเทมเพลตของใบเสร็จแบบพิมพ์ รวมถึงเลือกจำนวนใบเสร็จที่คุณต้องการพิมพ์ตามค่าเริ่มต้นได้ ทั้งนี้ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อมูลธุรกรรมในใบเสร็จแบบพิมพ์ได้
ปรับแต่งใบเสร็จของคุณ
คุณสามารถเพิ่มโลโก้ ปรับแต่งส่วนหัวและส่วนท้าย และเพิ่มข้อมูลที่ปรับแต่งเองไปยังใบเสร็จได้ คุณสามารถปรับแต่งใบเสร็จได้จากช่องทางระบบขายหน้าร้านในส่วนผู้ดูแลซึ่งอยู่ในการตั้งค่า > การปรับแต่งใบเสร็จ
ปรับแต่งโลโก้
- จากหน้าการปรับแต่งใบเสร็จในช่องทาง POS ของคุณ ให้เลือกตำแหน่งที่ตั้ง POS จากเมนูดรอปดาวน์
- คลิก “อัปโหลดโลโก้” จากนั้นคลิก “เพิ่มรูปภาพ” รูปภาพจะต้องมีขนาด 400 พิกเซลต่อ 200 พิกเซล
- ตัวเลือกเสริม: เลือกความกว้างของโลโก้จากเมนูดรอปดาวน์
- แล้วคลิกที่บันทึก
ปรับแต่งส่วนหัวหรือส่วนท้าย
จากหน้าการปรับแต่งใบเสร็จในช่องทาง POS ของคุณ ให้เลือกตำแหน่งที่ตั้ง POS จากเมนูดรอปดาวน์
ดำเนินการขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งต่อไปนี้ให้เสร็จสิ้น:
- คลิกที่ส่วนหัวเพื่อเพิ่มส่วนหัวแบบกำหนดเองในใบเสร็จ
- คลิกที่ส่วนท้ายเพื่อเพิ่มส่วนท้ายแบบกำหนดเองในใบเสร็จ
แล้วคลิกที่บันทึก
เพิ่มข้อมูลแบบกำหนดเอง
จากหน้าการปรับแต่งใบเสร็จในช่องทาง POS ของคุณ ให้เลือกตำแหน่งที่ตั้ง POS จากเมนูดรอปดาวน์
คลิกช่องทำเครื่องหมายที่อยู่ถัดจากรายละเอียดรายการใดๆ ต่อไปนี้เพื่อแสดงใบเสร็จของคุณ
- แสดงโลโก้ที่แตกต่างกันต่อตำแหน่งที่ตั้งแต่ละที่
- แสดงที่อยู่ของตำแหน่งที่ตั้ง
- แสดงหมายเลขโทรศัพท์ของตำแหน่งที่ตั้ง
- แสดงกล่องยอดขายรวม
- แสดง SKU
- แสดงราคาเปรียบเทียบ
- แสดงรหัสส่วนลด
- แสดงชื่อพนักงานที่รับผิดชอบยอดขายนี้
- แสดงพนักงานที่จุดชำระเงิน
- แสดงบันทึกคำสั่งซื้อ
- แสดงข้อมูลลูกค้า
- แสดงบาร์โค้ด 1D หรือ 2D
- แสดงคิวอาร์โค้ดแบบกำหนดเอง
แล้วคลิกที่บันทึก
กำหนดจำนวนเริ่มต้นของสำเนาใบเสร็จที่จะพิมพ์หลังจากธุรกรรม
คุณสามารถเลือกให้ระบบพิมพ์ใบเสร็จตามจํานวนค่าเริ่มต้นเมื่อเสร็จสิ้นธุรกรรมแต่ละรายการได้
ขั้นตอนมีดังนี้
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้คลิก “Point of Sale”
- คลิก “การตั้งค่า” > “การปรับแต่งใบเสร็จ”
- คลิก “จำนวนใบเสร็จที่พิมพ์แล้ว”
- ป้อนจํานวนเต็มแบบกำหนดเอง จากนั้นคลิก “บันทึก”
ขั้นตอนที่ 10: เพิ่มพนักงาน POS
เชิญผู้ใช้มาที่ร้านค้าของคุณจากหน้า การตั้งค่า > ผู้ใช้ ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ และมอบหมายบทบาทให้พวกเขาพร้อมสิทธิ์อนุญาตของร้านค้าด้าน เข้าถึง Point of Sale ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การจัดการผู้ใช้
หากต้องการเข้าถึง Shopify POS โดยใช้บัญชีผู้ใช้ Shopify หรือข้อมูลประจำตัวสำหรับเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้ต้องมีบทบาทที่มีสิทธิ์อนุญาตของร้านค้าในการเข้าถึง Point of Sale
ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์อนุญาตของผู้ดูแลแบบจํากัดและพนักงานเฉพาะแอป POS จะไม่สามารถเข้าถึง Shopify POS ได้ เว้นแต่เจ้าของร้านค้า เจ้าขององค์กร หรือผู้ใช้ที่มีบทบาทผู้ใช้ที่มีสิทธิ์อนุญาตตั้งค่าอุปกรณ์ POS ใหม่หรือที่อัปเดตแล้ว จะเข้าสู่ระบบ Shopify POS ก่อน
ในกรณีที่แอป POS ของคุณใช้งานแอปอื่นด้วย ผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบครั้งแรกจะต้องมีบทบาทที่มีสิทธิ์อนุญาตระดับร้านค้าสำหรับแอปเหล่านั้นในการเข้าสู่ระบบครั้งแรกด้วย ในส่วนสิทธิ์อนุญาตของแอป ให้เลือกแอปแต่ละรายการที่ใช้กับ Shopify POS
เพิ่มการเข้าถึง POS ให้กับพนักงานที่มีสิทธิ์อนุญาตของผู้ดูแล
คุณสามารถอนุญาตให้ผู้ใช้ที่เป็นผู้ดูแล Shopify ที่มีอยู่ให้เข้าถึงช่องทาง Point of Sale และแอป POS ได้โดยเพิ่มสิทธิ์อนุญาตของร้านค้าในการเข้าถึง Point of Sale ให้กับบทบาทที่มีอยู่แล้ว หรือสร้างบทบาทใหม่สำหรับการเข้าถึง Shopify POS
หลังจากกำหนดบทบาทให้ผู้ใช้แล้ว ผู้ใช้รายดังกล่าวจะได้รับมอบหมายบทบาทเริ่มต้นของ POS โดยอัตโนมัติ
หากร้านค้าของคุณเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร คุณสามารถให้สิทธิ์เข้าถึงร้านค้าหลายแห่งในองค์กรของคุณด้วยบทบาทแบบกำหนดเองเดียวกันได้ อย่างไรก็ตาม คุณยังสามารถจัดการพนักงานเฉพาะ POS เท่านั้นสำหรับร้านค้าแต่ละแห่งในองค์กรแบบแยกต่างหากได้อีกด้วย
เพิ่มพนักงานที่ใช้ได้เฉพาะแอป POS
คุณสามารถเพิ่มพนักงานเฉพาะของแอป POS จากสองแห่ง:
- จากหน้าจอพนักงานของแอป Shopify POS
- สร้างในช่องทางระบบขายหน้าร้านในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ
เพิ่มพนักงานเฉพาะของแอป POS จาก Shopify POS
หากคุณเป็นเจ้าของร้านหรือมีสิทธิ์อนุญาตในการจัดการพนักงาน Point of Sale คุณสามารถเพิ่มพนักงานเฉพาะแอป POS ได้โดยตรงภายใน Shopify POS
ขั้นตอนมีดังนี้
ใน Shopify POS ให้แตะ … จากนั้นแตะพนักงาน
แตะเพิ่มพนักงานใหม่
ในส่วนข้อมูลพนักงาน ให้ป้อนรายละเอียดที่จำเป็น
ในส่วนการเข้าถึงแอป POS ให้แตะแก้ไข
ตัวเลือกเสริม: หากต้องการเข้าถึงรายการสิทธิ์อนุญาตของแต่ละบทบาท ให้เลือกบทบาทที่ต้องการแล้วแตะดูสิทธิ์อนุญาต
เลือกบทบาทที่จะมอบหมาย จากนั้นแตะบันทึก
ตัวเลือกเสริม: ถ้าคุณต้องการสร้าง PIN อื่นที่ไม่เหมือน PIN เริ่มต้น ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ในส่วน ความปลอดภัย ให้แตะ แก้ไข
- แตะที่ “สร้าง PIN แบบสุ่ม” หรือใช้แป้นพิมพ์เพื่อป้อน PIN เอง โดยพนักงานจะต้องใช้ PIN นี้ในการเข้าถึง Shopify POS และคุณจะต้องแจ้งให้พนักงานทราบถึง PIN ใหม่ของตน
แตะบันทึก
เพิ่มพนักงานที่ใช้ได้เฉพาะแอป Point of Sale จากช่องทาง Point of Sale
หากคุณเป็นเจ้าของร้านหรือมีพนักงานที่มีสิทธิ์อนุญาตในการจัดการพนักงาน Point of Sale คุณสามารถเพิ่มพนักงานที่ใช้ได้เฉพาะแอป POS ได้จากช่องทาง Point of Sale ในส่วนผู้ดูแล Shopify อีกทั้งยังสามารถควบคุมสิทธิ์อนุญาตของพนักงานใน Shopify POS ได้โดยการมอบหมายบทบาทของ POS ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ขั้นตอนมีดังนี้
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่การตั้งค่า > แอปและช่องทางการขาย
คลิก Point of sale
คลิกที่ “เปิดช่องทางการขาย”
คลิก “พนักงาน”
คลิกที่เพิ่มพนักงาน
ป้อนข้อมูลที่จำเป็น
เลือกบทบาทของ POS
หากคุณต้องการสร้าง PIN ใหม่แทนที่จะใช้ PIN ตามค่าเริ่มต้น ให้ไปที่ส่วน PIN แล้วคลิกที่ “สร้าง PIN แบบสุ่ม” หรือป้อน PIN เอง โดยพนักงานจะต้องใช้ PIN นี้ในการเข้าถึง Shopify POS ดังนั้นโปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานของคุณทราบรหัส PIN ของตน
แล้วคลิกที่บันทึก
ขั้นตอนที่ 11: การจัดการสินค้าคงคลังด้วย Stocky
Stocky by Shopify เป็นแอปการจัดการสินค้าคงคลังที่รวมอยู่ในการสมัครใช้งาน Shopify POS Pro Stocky ช่วยให้คุณจัดการสินค้าคงคลังด้วยฟีเจอร์ดังต่อไปนี้
- ปรับเปลี่ยนสต็อกสินค้า
- จัดการสินค้าที่มีสต็อกน้อย
- พิมพ์ป้ายกำกับด้วยซอฟต์แวร์การพิมพ์ป้ายกำกับของ Dymo
- รับการถ่ายโอนสต็อกสินค้าใน POS ด้วยเครื่องสแกนบาร์โค้ด
- สร้างและจัดการคำสั่งซื้อ
- การคาดการณ์ความต้องการซื้อ
- ดำเนินการตรวจนับสต็อกสินค้า
- การถ่ายโอนสต็อก
ขั้นตอนที่ 12: ตั้งค่าการรับสินค้าที่ร้าน
คุณตั้งค่าตัวเลือกให้ลูกค้ารับสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์ได้จากตำแหน่งที่ตั้งใดก็ได้ที่คุณเลือก เช่น ตำแหน่งที่ตั้งร้านค้าปลีก โดยการรับสินค้าที่ร้านหรือการรับสินค้าที่จุดรับได้
หากต้องการดำเนินการข้างต้น คุณต้องเปิดใช้งานตัวเลือกการรับสินค้าที่ร้านสำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้งที่ลูกค้าสามารถไปรับสินค้าตามคำสั่งซื้อของตนได้
อัตราค่าจัดส่งสำหรับการรับสินค้าที่ร้านจะถูกกำหนดเป็นฟรีและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ก่อนการตั้งค่าการรับสินค้าที่ร้าน
คุณต้องดำเนินการต่อไปนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนจึงจะสามารถให้บริการการรับสินค้าที่ร้านได้:
- ตรวจสอบยืนยันว่าได้ตั้งค่าลำดับความสำคัญในการจัดการคำสั่งซื้อสำหรับคำสั่งซื้อออนไลน์ของคุณให้ตรงตามความต้องการทางธุรกิจ
- มีสต็อกสินค้าคงคลังลงสำหรับตำแหน่งที่ตั้งในการรับสินค้าแต่ละแห่ง
- ปิดใช้งานแอปการรับสินค้า
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแต่ละคนที่กำลังเตรียมสินค้าสำหรับการรับสินค้าหรือการทำเครื่องหมายคำสั่งซื้อว่ารับสินค้ามีสิทธิ์เข้าถึงส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ
- อัปเดตชื่อตำแหน่งที่ตั้งเพื่อให้ลูกค้าทราบว่าจะรับคำสั่งซื้อของพวกเขาได้จากที่ใด
- ใช้ตำแหน่งที่ตั้งในการรับสินค้าที่ร้านแต่ละแห่งในการจัดการคำสั่งซื้อออนไลน์
ตามค่าเริ่มต้น การใช้ตำแหน่งที่ตั้งสำหรับจัดการคำสั่งซื้อออนไลน์ยังหมายความว่าคำสั่งซื้อออนไลน์ที่ผู้สั่งไม่ได้มารับสินค้าเองสามารถใช้สินค้าคงคลังได้จากจุดรับสินค้าหรือที่ตั้งร้านค้าปลีกของคุณ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ตรวจสอบลำดับความสำคัญในการจัดการคำสั่งซื้อ และได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว หากจำเป็น หากเลือกตัวเลือก “ขายต่อไปเมื่อหมดสต็อก” สำหรับสินค้ารายการใดรายการหนึ่งแล้ว คุณก็สามารถรับคำสั่งซื้อสำหรับรับที่ร้านในพื้นที่ที่ไม่มีสินค้าคงคลังได้
นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งค่าตำแหน่งที่ตั้งเพื่อจัดการเฉพาะคำสั่งซื้อที่จะมีการรับสินค้าที่ร้านเท่านั้น
ตั้งค่าตัวเลือกการรับสินค้าที่ร้าน
คุณต้องตั้งค่าตัวเลือกการรับสินค้าที่ร้านสำหรับแต่ละตำแหน่งที่ตั้งที่ลูกค้าสามารถไปรับสินค้าตามคำสั่งซื้อของตนเองได้
การตั้งค่าได้แก่ การเปิดใช้งานการรับสินค้าที่ร้าน การเลือกเวลาโดยประมาณในการรับสินค้าที่ลูกค้าจะเห็นในขั้นตอนการชำระเงิน และการระบุคำแนะนำในการรับสินค้าในการแจ้งเตือนคำสั่งซื้อที่พร้อมให้รับสินค้าแล้ว
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า > การจัดส่งและส่งมอบ
ในส่วนการรับสินค้าที่ร้าน ให้คลิก ตั้งค่า หรือไอคอน ›
ในส่วนตำแหน่งที่ตั้งของคุณ ให้เลือกตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องการตั้งค่าสำหรับการรับสินค้าที่ร้าน
เลือกตำแหน่งที่ตั้งนี้มีบริการรับสินค้าที่ร้าน
ในส่วนวันที่คาดว่าจะรับสินค้าได้ ให้เลือกระยะเวลาในการดำเนินการสำหรับการรับสินค้าที่ร้านจากเมนูดรอปดาวน์ ข้อมูลนี้จะแสดงให้ลูกค้าของคุณเห็น
ในส่วนการแจ้งเตือนคำสั่งซื้อที่พร้อมให้รับสินค้าแล้ว ให้ป้อนคำแนะนำในการรับสินค้าสำหรับลูกค้าของคุณ ช่องนี้แทนที่การปรับแต่งใดๆ ที่คุณมีในตัวแปร
email_body
ในเทมเพลตการแจ้งเตือนพร้อมให้รับสินค้าแล้วแล้วคลิกที่บันทึก
แสดงความพร้อมในการรับสินค้าแก่ลูกค้าของคุณ
ธีมบางธีมช่วยให้คุณสามารถแสดงความพร้อมในการรับสินค้าที่ร้านในหน้าสินค้าได้ ในหน้าสินค้าแต่ละหน้า ส่วนความพร้อมในการรับสินค้าจะแสดงว่าสินค้าพร้อมจำหน่ายหรือไม่ รวมถึงกรอบเวลาโดยประมาณในการรับสินค้า
หลังเปิดใช้งานการรับสินค้าที่ร้านเรียบร้อยแล้ว หน้าสินค้าจะแสดงว่าสินค้าดังกล่าวพร้อมให้รับที่ตำแหน่งที่ตั้งในการรับสินค้าที่ร้านของคุณตั้งแต่หนึ่งแห่งขึ้นไปหรือไม่ ข้อมูลนี้จะแสดงเฉพาะสำหรับสินค้าที่มีสต็อกในตำแหน่งที่ตั้งในการรับสินค้าอย่างน้อยหนึ่งแห่ง และมีการเลือก สินค้านี้เป็นสินค้าแบบจับต้องได้ ในส่วนการจัดส่งของรายละเอียดของตัวเลือกสินค้าเท่านั้น
ขั้นตอนมีดังนี้
ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่สินค้า
เลือกสินค้า
ให้เลือกตัวเลือกสินค้าในส่วนตัวเลือกสินค้า
ในส่วนการจัดส่ง ให้เลือก “นี่คือสินค้าแบบจับต้องได้”
แล้วคลิกที่บันทึก
หากคุณได้เปิดใช้งานการรับสินค้าที่ร้านสำหรับตำแหน่งที่ตั้งเพียงแห่งเดียว ระบบจะแสดงตำแหน่งที่ตั้งและความพร้อมในการรับสินค้าของตำแหน่งที่ตั้งดังกล่าว ลูกค้าสามารถคลิก ดูข้อมูลร้านค้า เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งในการรับสินค้าได้
หากคุณได้เปิดใช้งานการรับสินค้าที่ร้านสำหรับตำแหน่งที่ตั้งมากกว่าหนึ่งแห่ง ส่วนความพร้อมในการรับสินค้าจะแสดงตำแหน่งที่ตั้งและความพร้อมในการรับสินค้าของหนึ่งในร้านค้าคุณ ลูกค้าสามารถคลิกที่ ตรวจสอบความพร้อมที่ร้านค้าอื่น เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการรับสินค้าในตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมดที่มีการเปิดใช้งานการรับสินค้าที่ร้านไว้
เพิ่มไทล์หน้าจอหลักสำหรับการรับสินค้าที่ร้าน
หากคุณเพิ่มไทล์สำหรับการรับสินค้าที่ร้านไปยังหน้าจอหลักของคุณ คุณจะสามารถค้นหาคำสั่งซื้อทั้งหมดที่ต้องเตรียมไว้สำหรับการรับสินค้าหรือทำเครื่องหมายว่ารับสินค้าแล้วได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่คุณเพิ่มไทล์ ระบบจะแสดงจำนวนคำสั่งซื้อที่ต้องเตรียมไว้สำหรับการรับสินค้า คุณสามารถแตะที่ไทล์ การรับสินค้าที่ร้าน เพื่อดูคำสั่งซื้อที่คุณต้องตรวจสอบได้
ขั้นตอนมีดังนี้
- ให้แตะปุ่มเพิ่มไทล์บนหน้าจอหน้าหลักของแอป Shopify POS ของคุณ
- ไปที่การจัดการ > ดูคำสั่งซื้อที่มีการรับสินค้า
- แตะที่เพิ่ม
- ในหน้าจอหลัก ให้แตะที่เสร็จสิ้น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับสินค้าที่ร้านที่สั่งซื้อออนไลน์
ขั้นตอนที่ 13: การจัดส่งสำหรับลูกค้าในหน้าร้าน
หากคุณได้เปิดใช้งานการป้องกันการขายสินค้าเกินจำนวนที่มีในคลัง คุณจะสามารถเลือกเพิ่มสินค้าคงคลังเฉพาะที่มีในสต็อกเท่านั้นไปยังคำสั่งซื้อที่จะจัดส่งให้ลูกค้าได้ หากสินค้าใดที่ลูกค้าเพิ่มลงในตะกร้าสินค้าหมดสต็อกแล้ว ข้อความแจ้งข้อผิดพลาดจะแสดงว่าไม่สามารถจัดส่งสินค้าที่หมดสต็อกได้ ซึ่งการดำเนินการนี้จะป้องกันไม่ให้มีคำสั่งซื้อที่ไม่สามารถจัดการได้อันเนื่องมาจากสินค้าคงคลังที่หมดสต็อก
อัตราค่าจัดส่งที่แสดงจะเป็นราคาที่คำนวณตามน้ำหนัก ตามราคา หรือตามผู้ให้บริการขนส่ง ซึ่งเป็นไปตามอัตราค่าจัดส่งที่คุณได้ตั้งค่าไว้ในส่วนผู้ดูแล Shopify ระบบจะแสดงเฉพาะอัตราค่าจัดส่งที่สามารถใช้กับตะกร้าสินค้าปัจจุบันได้เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับกฎที่กำหนดไว้ของอัตราค่าจัดส่ง) หากระบบไม่แสดงอัตราค่าจัดส่งที่มีอยู่ แสดงว่าไม่มีอัตราค่าจัดส่งที่สามารถใช้ได้ คุณสามารถเพิ่มอัตราค่าจัดส่งใหม่ได้จากหน้าการตั้งค่า การจัดส่งและส่งมอบ ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ
ขั้นตอนมีดังนี้
เพิ่มสินค้าทั้งหมดลงในตะกร้าสินค้า
ตัวเลือกเสริม: หากต้องการเพิ่มลูกค้าของคุณไปยังตะกร้าสินค้า ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- แตะที่ลูกค้า
- เลือกลูกค้าของคุณจากรายชื่อลูกค้า
- แตะ “เพิ่มลงในตะกร้าสินค้า” จากหน้าจอรายละเอียดลูกค้า
ในแอป Shopify POS ให้แตะ “การดำเนินการเพิ่มเติม” และแตะ “จัดส่งไปยังลูกค้า” หรือหากคุณได้เพิ่มไทล์สมาร์ทกริดสำหรับการดำเนินการนี้แล้ว ให้แตะที่ “จัดส่งไปยังลูกค้า” บนหน้าจอหลักของคุณ
ป้อนที่อยู่อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ของลูกค้า จากนั้นแตะที่ "ถัดไป"
ในหน้าจอเพิ่มรายละเอียดการจัดส่ง ให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
- ป้อนรายละเอียดการจัดส่งของลูกค้า
- แตะที่อยู่ที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้
ในหน้าจอเลือกวิธีจัดส่งให้เลือกดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
- หากต้องการเลือกจากอัตราค่าจัดส่งหลังการคำนวณ ให้แตะที่วิธีจัดส่งที่ต้องการจากรายการที่มีอยู่
- หากต้องการป้อนอัตราค่าจัดส่งแบบกำหนดเอง ให้แตะที่อัตราค่าจัดส่งแบบกำหนดเอง แล้วป้อนจำนวนการจัดส่ง แล้วแตะที่เสร็จสิ้น
แตะขั้นตอนการชำระเงิน เลือกวิธีการชำระเงินและประมวลผลการชำระเงิน
เลือกวิธีการส่งใบเสร็จคำสั่งซื้อให้แก่ลูกค้าแล้วแตะที่เสร็จสิ้น
คำสั่งซื้อจะถูกทำเครื่องหมายว่ายังไม่ได้จัดการและไม่สามารถจัดการได้จากแอป POS คุณต้องจัดการคำสั่งซื้อในส่วนผู้ดูแล Shopify เมื่อคุณพร้อมที่จะจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อให้ลูกค้า
ขั้นตอนที่ 14: (ไม่บังคับ) ตั้งค่าร้านค้าออนไลน์
คุณสามารถตั้งค่าร้านค้าออนไลน์ของคุณต่อไปได้โดยดำเนินการต่อไปนี้